“แนวคิดการปกครอง” ของ สี จิ้น ผิง ประธานาธิบดีจีน ที่ประกาศในการประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนล่าสุด

ได้รับการเชิดชู ไม่เฉพาะภายในจีน

แต่มีอิทธิพลออกไปทั่วโลก

และ–แฮ่ม อาจรวมถึงไทยด้วย

นั่นคือการประกาศว่า

“จีนจะยึดแนวทางสังคมนิยมอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะแบบจีน”

ซึ่งนี่เองทำให้เราได้เห็นผู้นำหลายประเทศนำไปเลียนแบบหรือดัดแปลงใช้

นี่จึงทำให้เราได้ยินคำว่า “ประชาธิปไตยแบบไทยไทย” บ่อยครั้ง

และที่สุดแตกยอด แทงหน่อ ออกมาเป็น “ไทยนิยม” หรือนิยมไทยด้วย

ปรากฏการณ์ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า “แนวคิด” ของมังกรจีนมีอิทธิพลมากเพียงใด

มังกรสี จิ้น ผิง เขยื้อนไปทางใด คนก็เฮละโลตามทางนั้น

ซึ่งตอนนี้ ก็มีอีกความเคลื่อนไหวหนึ่ง ที่อาจทำให้ “บางคน” ตาโต หูผึ่ง

เพราะบังเอิญคล้ายๆ กับบางประเทศ

นั่นคือ “อยากอยู่ยาว”

เป็นที่ทราบกัน สี จิ้น ผิง มี “Chinese Dream”

คือ ภายในปี ค.ศ.2021 (พรรคคอมมิวนิสต์จีนครบรอบ 100 ปี) จีนจะเป็นประเทศที่กินดีอยู่ดี

และในปี ค.ศ.2049 (สาธารณรัฐประชาชนจีนครบรอบ 100 ปี) จีนจะเป็นประเทศพัฒนาแล้วอย่างสมบูรณ์

จากนั้นภายในปี 2050 สาธารณรัฐประชาชนจีนจะกลายเป็นผู้นำของโลกในด้านนวัตกรรม อำนาจอิทธิพลและพลานุภาพทางทหาร

“Chinese Dream” นี้ สี จิ้น ผิง อยากให้ “เป็นจริง” ในห้วงที่ตนดำรงอยู่ในอำนาจ

แต่ด้วยประธานาธิบดีสี จิ้น ผิง ดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศครบ 2 สมัย ตามที่ธรรมนูญการปกครองจีนกำหนดแล้ว

จะอยู่ในอำนาจต่อไปไม่ได้

ทำให้มีการเคลื่อนไหว “ผ่าทางตัน”

ด้วยการเตรียมจะแก้ไขธรรมนูญ

ด้วยการยกเลิกข้อบังคับการจำกัดระยะเวลาดำรงตำแหน่งประมุขของประเทศเสียเลย

หากทำสำเร็จ สี จิ้น ผิง จะสามารถดำรงตำแหน่งผู้นำไปได้ตลอดชีวิต

ปฏิบัติการนี้สร้างความตกตะลึงให้กับผู้สังเกตการณ์ทางการเมืองทั่วโลก

ว่า สี จิ้น ผิง ช่างกล้าหาญชาญชัยเหลือเกิน

สหายอย่าง วลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียที่ว่าบ้าบิ่นแล้ว

ยังไม่กล้าทำ

ตอนที่ปูตินเป็นประธานาธิบดีครบ 2 สมัย ในปี 2000 และในปี 2004 แล้ว ก็ยอมถอย

ให้ผู้สืบทอด “ดมิทรี เมดเวเดฟ” เป็นประธานาธิบดีขัดตาทัพสมัยหนึ่ง

ส่วนตนเองยอมลดศักดิ์ศรีไปนั่งนายกรัฐมนตรีคุมเชิง

เมื่อเมดเวเดฟครองอำนาจครบสมัย ปูตินก็มาทวงคืน

เดินตามกรอบรัฐธรรมนูญ

ไม่กล้าหักเหมือน สี จิ้น ผิง กำลังทำ

การอยากอยู่ยาว เพื่อทำฝันให้เป็นจริง

อาจจะตรงกับใจของผู้นำบางประเทศ

ที่อยากจะอยู่ผลักดันให้ยุทธศาสตร์ 20 ปี ให้เป็นจริง

แต่ก็ไม่รู้ว่า จะกล้า “หัก” เหมือน “มังกร” ต้นแบบหรือเปล่า

เพราะที่นั่นในช่วง 5 ปีแรก สี จิ้น ผิง ประกาศภารกิจหลัก 2 อย่าง คือ ปราบคอร์รัปชั่น และปฏิรูปกองทัพ

ซึ่งเขาก็ทำสำเร็จ

จึงสามารถรวบอำนาจเข้ามาที่พรรคและส่วนกลางได้อย่างเบ็ดเสร็จ

กลายเป็นผู้นำจีนที่มีอำนาจมากที่สุดนับตั้งแต่เหมา เจ๋อ ตง เป็นต้นมา

เขาจึงกล้าก้าวในต่อไป

แต่บางประเทศจะครบ 4 ปี แต่มองหาผลงานประทับใจไม่เจอ

แถมกองหนุนยังผละหนี

ถึงคิดอยากจะอยู่ยาวเหมือนจีน

แต่ผลงานมันไม่ให้นั่นสิ