เกษียร เตชะพีระ : ทรัมป์กำลังทำให้จีนยิ่งใหญ่ขึ้นมาอีกครั้ง – อำนาจต่อรองและความมั่นคง

เกษียร เตชะพีระ

ทรัมป์กำลังทำให้จีนยิ่งใหญ่ขึ้นมาอีกครั้ง (5)

“เรา (ทรัมป์กับสีจิ้นผิง) ถูกอัธยาศัยกันมาก ผมคิดว่างั้นนะ ผมหมายความว่าอย่างน้อยก็ตัวผมล่ะที่ถูกอัธยาศัยเขามาก – บางทีเขาอาจไม่ชอบผม แต่ผมคิดว่าเขาชอบผมนะ”

“ตอนนี้บางคนอาจเรียกเขา (สีจิ้นผิง) ว่าจักรพรรดิจีน”

(ทรัมป์ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับสีจิ้นผิงหลังพบกันครั้งแรกที่สหรัฐเมื่อเมษายนศกก่อน & ก่อนเขาไปเยือนจีนในเดือนพฤศจิกายน www.newyorker.com/magazine/2018/01/08/making-china-great-again)

“องค์ชายฉีหยิงชาวแมนจูเคยกล่าวว่าพวกฮวนนั้ง (คนป่าเถื่อน) นั้นสนองตอบเป็นอย่างดีต่องานเลี้ยงต้อนรับและการจัดแสดงบันเทิง หลังจากนั้นแล้วพวกฮวนนั้งก็จะรู้สึกว่าฝ่ายเจ้าภาพเห็นคุณค่าความสำคัญของตน ผู้นำจีนสมัยใหม่จึงใช้เครื่องฉลองเกียรติยศของจักรวรรดิจีนแต่เดิมมาสร้างความประทับใจให้เจ้าหน้าที่ต่างชาติถึงความยิ่งใหญ่อลังการและความตั้งใจจริงจังของตน ฝ่ายอเมริกาเราควรต้องใจแข็งทนทานต่อคำป้อยอว่าเราเป็น “เหล่าเผ่งอิ้ว” หรืออารมณ์อ่อนไหวที่การดูแลต้อนรับอย่างดีจากเจ้าบ้านฝ่ายจีนกระตุ้นให้เกิดขึ้น”

(คู่มือ “พฤติการณ์เจรจาทางการเมืองของจีน ค.ศ.1967-1984” ที่ซีไอเอว่าจ้าง ริชาร์ด โซโลมอน ผู้เชี่ยวชาญจีนเขียนให้ www.rand.org/content/dam/rand/pubs/monograph_reports/2006/MR663.pdf)

ข้อสรุปของทางการจีนหลังสีพบปะเจรจากับทรัมป์ครั้งแรกที่สหรัฐว่าทรัมป์เป็น “เสือกระดาษ” ที่จีน “เอาอยู่” ปูทางไปสู่การเยือนจีนอย่างเป็นทางการของทรัมป์ 7 เดือนต่อมา

เจ้าหน้าที่ฝ่ายอเมริกาเตรียมไม้แข็งให้ทรัมป์ไปเจรจากดดันจีนอย่างหนักเพราะเห็นว่าจีนขยายอิทธิพลมาไกลกว่าและเร็วกว่าที่ผู้คนคาดโดยไม่มีใครทันรู้ตัว จึงถึงเวลาที่อเมริกาต้องเริ่มยืนยันขันแข็งปกป้องผลประโยชน์ตนเองแล้ว

US President Donald Trump (L) shakes hands with China’s President Xi Jinping at the end of a press conference at the Great Hall of the People in Beijing on November 9, 2017.
Donald Trump and Xi Jinping put their professed friendship to the test on November 9 as the least popular US president in decades and the newly empowered Chinese leader met for tough talks on trade and North Korea. / AFP PHOTO / Fred DUFOUR

โดยเฉพาะเรื่องให้จีนเปิดพื้นที่เศรษฐกิจในประเทศให้ต่างชาติเข้าไปแข่งขันเพิ่มขึ้น เช่น คลาวด์คอมพิวติ้ง, กวาดล้างปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาในจีนอย่างจริงจัง และหยุดบีบคั้นบริษัทอเมริกันทั้งหลายให้ถ่ายโอนเทคโนโลยีแลกกับการได้เข้าสู่ตลาดจีน เป็นต้น

ขณะที่ฝ่ายจีนกลับเตรียมแผนเจาะจุดอ่อนเปราะของทรัมป์ โดยทำให้ทรัมป์ตื่นตาตื่นใจจนร้องว้าว! ด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอันยาวนานถึงห้าพันปีของจีน

ทรัมป์กับสีพบกันครั้งหลังนี้ด้วยอำนาจต่อรองและความมั่นคงทางการเมืองที่ผิดแผกออกไป

สีจิ้นผิงเพิ่งผ่านการประชุมสมัชชาพรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 19 ไปหมาดๆ ซึ่งไม่เพียงต่ออายุการนำของเขาเท่านั้น หากยังเสริมสร้างและยกระดับฐานะการนำของสีขึ้นสูงส่งในฐานะ “ผู้นำแกนกลาง” เทียบเทียมเหมาเจ๋อตงและเติ้งเสี่ยวผิงในอดีต

อีกทั้งบรรจุ “ความคิดสีจิ้นผิงว่าด้วยสังคมนิยมที่มีลักษณะเฉพาะของจีนสำหรับยุคใหม่” เข้าไว้ในธรรมนูญพรรคด้วย

ในทางกลับกัน พรรครีพับลิกันของทรัมป์เพิ่งแพ้การเลือกตั้งท้องถิ่นสำคัญในหลายมลรัฐ โพลคะแนนนิยมในตัวเขาตกลงไปอยู่แค่ 37% ถือว่าต่ำสุดในบรรดาประธานาธิบดีอเมริกันทั้งหลาย ณ จังหวะการดำรงตำแหน่งใกล้เคียงกันนับแต่ Gallup เคยสำรวจมา แถมอดีตผู้ช่วยของเขา 3 คนก็ยังตกเป็นผู้ต้องหาอาญาในการสอบสวนคดีรัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีอเมริกันปี ค.ศ.2016 ด้วย

กล่าวได้ว่าไม่เคยมีครั้งใดที่ประธานาธิบดีอเมริกันพบปะเจรจากับผู้นำสูงสุดของจีนด้วยฐานะอำนาจในประเทศอันอ่อนเปลี้ยกว่าเช่นนี้มาก่อนเลยนับแต่ครั้งประธานาธิบดีนิกสันเมื่อปี ค.ศ.1972 เป็นต้นมา

และทันทีที่ทรัมป์ไปถึง สีจิ้นผิงก็ปูพรมแดงต้อนรับอาคันตุกะผู้ทรงเกียรติแบบเต็มร้อยเย็นนั้นเลยทีเดียว

– สีพาทรัมป์ทัวร์พระราชวังต้องห้ามกลางกรุงปักกิ่งตอนอาทิตย์ตกดิน

– สีชวนทรัมป์นั่งดื่มน้ำชาชมงิ้วปักกิ่ง ณ มหาโรงละครหลวงชั่งอินเกอ

– สีโชว์โกศโบราณให้ทรัมป์ชื่นชม

– เช้าวันรุ่งขึ้น สีจัดพิธีต้อนรับใหญ่ให้ทรัมป์ ณ มหาศาลาประชาคม พรั่งพร้อมด้วยวงดุริยางค์ทหารบรรเลงเพลง ปืนใหญ่ยิงสลุต และเด็กนักเรียนน่ารักน่าเอ็นดูมากหลายโบกเครื่องประดับหลากสีต้อนรับพลางตะโกนเรียก “ลุงทรัมป์ๆๆ” ดังเอ็ดอึง

– ขณะเดียวกัน ทางการจีนก็ลบทิ้งคำวิจารณ์ทรัมป์ตามสื่อสังคมออนไลน์จีนทั้งหมด

หลังทรัมป์เจรจากับสีอยู่หลายชั่วโมง ทั้งคู่ก็ออกมาแถลงข่าวร่วมกันโดยไม่เปิดโอกาสให้นักข่าวซักถามตอนท้าย ทรัมป์กล่าวว่า :

“การจัดต้อนรับด้วยขบวนทหารสวนสนามเช้านี้วิเศษมาก ประธานาธิบดีสีเป็นผู้แทนประชาชนจีนที่ทรงอำนาจและเป็นที่เคารพอย่างสูง สหรัฐกับจีนต้องร่วมมือกันเรื่องเกาหลีเหนือ แก้ไขสัมพันธภาพทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม

“แต่ผมไม่โทษจีนนะ ใครจะไปโทษประเทศที่สามารถเอาเปรียบประเทศอื่นเพื่อประโยชน์ของพลเมืองตนเองได้ล่ะ? ผมให้เครดิตจีนสูงมาก…”

ตรงข้ามกับที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายอเมริกาเตี๊ยมไว้ ในการแถลงข่าว ทรัมป์ไม่เอ่ยถึงปัญหาทรัพย์สินทางปัญญา, การเข้าถึงตลาดจีน, หรือกรณีละเมิดสิทธิมนุษยชนของหลิวเซียะ ภรรยาม่ายของหลิวเสี่ยวโป ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพปี ค.ศ.2010 ที่ถูกจำขังจนป่วยถึงแก่กรรมด้วยโรคมะเร็งตับไปเมื่อเร็วๆ นี้ – ให้ระคายหูเจ้าภาพเลย

ท่าทีอันนอบน้อมเอาอกเอาใจของแขกเมืองมะริกันต่อเจ้าภาพจีนดังเล่ามาข้างต้น เป็นสัญญาณอันแจ่มถนัดชัดเจนที่สุดที่อเมริกาส่งให้นานาประเทศซึ่งกำลังลังเลอยู่ว่าจะเอียงเข้าหาสหรัฐหรือจีนดี?

ดังที่ แดเนียล รัสเซล อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐด้านกิจการเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก สรุปฟันธงผลการเยือนจีนครั้งนี้ของประธานาธิบดีทรัมป์ว่า :

“ประธานาธิบดีอเมริกามาอยู่ที่นี่ เขากำลังมองดูพระราชวังต้องห้ามด้วยความเกรงขาม เขากำลังมองดูสีจิ้นผิงด้วยความเกรงขาม และเขากำลังเลือกจีนเพราะตลาดของจีนและเพราะอำนาจของจีน

“ถ้าประเทศอื่นใดคิดว่าอเมริกาจะเลือกคุณและเลือกสนธิสัญญาล้าสมัยรวมทั้งเลือกค่านิยมแบบคริสต์ศตวรรษที่ยี่สิบเหล่านี้แทนที่จะเลือกสีจิ้นผิงและตลาดจีนแล้วละก็ คิดใหม่เถอะครับ” (www.newyorker.com/magazine/2018/01/08/making-china-great-again)