รู้ชีวิต…ด้วยดวงดาว/ “ศ. ดุสิต”/เรื่องลึกในโหราศาสตร์ไทยชุด ‘คลังโหร’ วิธีพยากรณ์เร็ว (ต่อ)

รู้ชีวิต…ด้วยดวงดาว
 “ศ. ดุสิต”

อ่านอนาคตของคุณไม่ยากหรอก…แค่รู้จักดาว 10 ดวงเท่านั้น!

เรื่องลึกในโหราศาสตร์ไทยชุด ‘คลังโหร’

วิธีพยากรณ์เร็ว (ต่อ)

ในตอนก่อนผมได้ว่ามาถึงวิธีที่สองแล้ว
ทีนี้ก็มาจดจำวิธีดูเร็วในแบบที่สามต่อไป

วิธีที่สาม ดูด้วยตนุลัคน์จร (ตัวจร)

การดูเร็วในแบบที่สามนี้ง่าย เพียงแต่ใช้ความระมัดระวังนิดหน่อยก็ใช้ได้แล้ว
วิธีนี้ไม่ว่าจะดูเรื่องอะไร ก็จับที่ดาวเจ้าการของเรื่องนั้นว่าสถิตอยู่ที่ไหนในดวงเดิม แล้วก็ดูว่าดาวนั้นตัวจรกำลังจรอยู่ที่ไหน สัมพันธ์ทางเชิงมุมกับดาวตนุลัคน์จรที่กำลังโคจรอยู่อย่างไร (คือดูตนุลัคน์จรตัวจร) ส่งผลให้คุณหรือโทษแก่ชาตาก็พยากรณ์ไปตามนั้นเลย
แค่นี้ก็จบ
คุณจะเห็นว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่ง่ายมาก แต่มันจะง่ายในเรื่องที่ง่ายๆ เท่านั้น ถ้าคุณถูกถามในเรื่องที่ยากๆ การตอบก็จะไม่ง่ายนักหรอก แต่ถึงอย่างไรเรามีเวลาน้อยก็คงจะดูนานไม่ได้อยู่แล้ว การตอบแม้จะเป็นเรื่องยาก ก็คงจะตอบได้ในลักษณะของ Yes หรือ No เท่านั้นเอง
เช่น กำลังอยู่ในงานเลี้ยง คุณนั่งอยู่ในโต๊ะอาหารกับแขกหลายคน อีกไม่นานอาหารก็จะมาเสิร์ฟ เพื่อนคุณที่นั่งอยู่ติดกันส่งดวงมาให้ช่วยดู บอกว่า
“ช่วยดูทีเถอะ พักนี้จับหุ้นตัวไหนรูดลงทุกตัว พังไปเกือบล้านแล้ว ทำไมดวงมันจู๋ยังงี้ก็ไม่รู้ ดูซิว่าผมจะฟื้นได้ไหม ได้เมื่อไหร่?”
คุณว่าเพื่อนคนนี้น่าด่าไหม จะกินข้าวกันอยู่เดี๋ยวนี้แล้วยังส่งดวงมาให้ช่วยดู แถมเรื่องที่ถามนั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่จะตอบได้ง่ายๆ เมื่อไหร่ แต่จะปฏิเสธก็ไม่ได้เพราะเพื่อนจะหาว่าไม่มีน้ำใจ
ก็ต้องจำใจรับดวงมาดู

ดวงเพื่อนตัวแสบเป็นยังงี้ สมมติว่าดูดวงนี้เมื่อวันที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๕๖ เจ้าชาตาเกิดวันอังคาร อายุย่าง ๔๙ ปี ตกภูมิพฤหัสฯ (ศรี) มีดาวโคจรในวันนั้นดังนี้ (เลขอารบิก)

ที่จริงการจะดูเรื่องแบบนี้ให้ดีให้ถูกต้องจริงๆ นั้น จะต้องดูกันให้ละเอียดและใช้ภพใช้ดาวให้ตรงกับตัวเรื่องจริงๆ ด้วย
แต่ในการดูแบบเร็วที่ไม่มีเวลาพิจารณาอะไรทั้งสิ้นนี้ เราก็จับเอาแต่จุดสำคัญที่สุดเท่านั้น คือตัวของเจ้าชาตาในขณะนั้น นั่นก็คือดาวตนุลัคน์ตัวจรของเขานั่นเอง
คือดูว่าในขณะนั้น (ขณะที่เขาถาม) มีทุกข์สุขอย่างไร
ในดวงตัวอย่างนี้ดาวตนุลัคน์ตัวจรคือดาวพฤหัสฯ ซึ่งก็เป็นดาวบริวารจรทางทักษาอีกด้วย จึงเท่ากับเป็นตัวแทนของเจ้าชาตาได้อย่างดี
ดูอย่างเร็วก็ปรากฏว่าดาวพฤหัสฯ ขณะนี้จรอยู่ที่ราศีมิถุน ได้มาตรฐานประเกษตร บ่งถึงความอ่อนตัว ไม่มั่นคง และยังจรร่วมกับดาวอีกสามดวงคือจันทร์พุธศุกร์
เราเห็นดวงแล้วเราก็รู้ว่าศุกร์นั้นเป็นดาวเจ้าเรือนอริของลัคนาจร (ราศีธนู) จันทร์นั้นเป็นดาวเจ้าเรือนมรณะ พุธคือเจ้าเรือนปัตนิ/กัมมะ ถูกดาวทุสถานะเกาะกุมกันทั้งสองด้าน
และจุดสำคัญที่เราต้องดูด้วยตามกฎของ “ภพซ้อน” นั้นก็คือ ราศีนั้นเป็นภพอะไรของดวงเดิม
ราศีมิถุนนั้นเป็นภพอริของดวงเดิม
ดูแค่นี้เราก็ส่งดวงคืนให้เพื่อนไปได้แล้วพร้อมกับบอกว่า
“ตอนนี้คุณยังแย่อยู่ ดวงมันจู๋จริงอย่างว่า แต่ก็อย่ากังวลมากไปเลย อาทิตย์หน้าดวงจะดีขึ้นนิดหนึ่ง และเดือนหน้าจะดีขึ้นอีกหน่อย แต่ก็แค่ขยับดีขึ้นพอหายใจโล่งหน่อยเท่านั้นนะ ยังไม่ดีเท่าเก่าหรอก ต้องปีหน้านั่นแหละจึงจะค่อยดีขึ้นกว่าปีนี้อย่างเห็นชัด”
ที่ตอบไปอย่างนี้ก็ใช้เพียงดาวกลุ่มเดียวที่กุมดาวตนุลัคน์ (พฤหัสฯ) อยู่เท่านั้นแหละเป็นตัวพยากรณ์ โดยใช้กำหนดของดาวที่โคจรห่างออกไปจากดาวตนุลัคน์เป็นตัวบอกให้รู้ ซึ่งวิธีอ่านดาวจรนี้ผมก็ได้เคยบรรยายให้ฟังมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง คงไม่ต้องมาพูดซ้ำอีกให้เยิ่นเย้อนะครับ
นี่ก็เป็นวิธีพยากรณ์อย่างเร็ว ซึ่งในความเป็นจริงนั้นใช้เวลาดูดวงนี่ไม่เกินห้านาทีก็เสร็จแล้ว (ขืนดูช้ากว่านี้ก็อดกินข้าวน่ะซี) และก็เป็นการดูแบบเฉพาะกิจ จะมาเอาให้แจ๋วเหมือนกับดูกันจริงๆ ไม่ได้ แต่ก็พอแก้ขัดได้ชั่วคราวในสังคมที่เราต้องอยู่กันแบบนี้แหละ มันก็ได้ผลพอควรแหละครับ

วิธีที่สี่ ดูด้วยดาวบริวารจร

วิธีนี้เป็นวิธีที่เหมาะในการใช้กับเรื่องที่เกี่ยวกับเจ้าชาตาอย่างเป็นส่วนตัวจริงๆ ซึ่งหมายถึงไม่ใช่เรื่องที่ผูกพันกว้างขวางกับคดีอื่นๆ อีก เป็นเรื่องของเจ้าชาตาโดยเฉพาะ ซึ่งถ้าเป็นเรื่องที่กว้างขวางเราจะใช้ตนุลัคน์เป็นตัวกำหนดการพยากรณ์อย่างที่ได้แสดงให้เห็นมาแล้วในบทก่อน เรื่องที่เป็นส่วนตัวเฉพาะนี้ จะยกตัวอย่างให้ดู เช่น –
“ผมทำพลาดเรื่องการเงินของบริษัท ตอนนี้กำลังถูกตั้งกรรมการสอบสวน ผมจะถูกไล่ออกจากงานไหมครับ?”
หรือ
“ผมแอบไปมีเมียน้อยไว้อีกคน ตอนนี้เมียจับได้ เราถึงกับจะต้องเลิกกันไหมครับ?”
เรื่องส่วนตัวแบบนี้แหละครับที่เราจะต้องใช้ดาวบริวารจรเป็นตัวหลักในการพยากรณ์แบบเร็ว
เพราะถ้าเราใช้ตนุลัคน์แม้จะพอพยากรณ์ได้เหมือนกัน แต่ก็เหมือนตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ คือไม่จำเป็นต้องใช้วัสดุอุปกรณ์ที่กว้างขวางขนาดนั้น
เช่น จะติดหลอดไฟที่เสาไฟฟ้าข้างถนนเราก็ใช้บันไดไม้ไผ่มาพาดปีนขึ้นไปติดก็ใช้ได้แล้ว
ไม่ต้องถึงกับเรียกรถเครนที่มีกระเช้ามายกตัวเราขึ้นไปเพื่อจะติดหลอดไฟเพียงดวงเดียวนี่หรอก
อีกอย่างหนึ่ง ดาวตนุลัคน์นั้นมีคุณสมบัติที่กว้างระดับที่ตรวจชาตาได้ตั้งแต่เกิดจนสิ้นชีวิต
แต่เรื่องอย่างที่ผมยกตัวอย่างมาให้ดูนั้นมันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน อาจจะเพียงเดือนเดียวหรืออาทิตย์เดียวก็ได้ การใช้ดาวบริวารจรจึงกะทัดรัดและเหมาะกับช่วงเวลาของเหตุที่อุบัติขึ้นในปีเดียวนี้เอง
การใช้อุปกรณ์ที่เหมาะกับงาน จึงเป็นการถูกต้องกว่า อันนี้ผมขอแนะนำให้นักพยากรณ์ทุกคนได้สำเหนียกไว้ด้วย เพื่อคุณจะได้รู้จักถึงการใช้ดุลยพินิจในการพยากรณ์ในเรื่องต่างๆ ได้ถูกต้องยิ่งขึ้น
เอ้า-แล้วพยากรณ์ยังไงกันล่ะ บอกวิธีด้วยซี
วิธีพยากรณ์ก็คล้ายๆ กับวิธีต่างๆ ที่ผ่านมา
แล้วนั่นแหละครับ ก็เอาดวงของเจ้าชาตามาดู แล้วก็ถามถึงอายุย่างว่าปีนี้จะตกทักษาจรที่ภูมิใด ก็นำเอาดาวภูมินั้นมาตรวจดูในดวงชาตาว่า สถิตอยู่ในภพอะไรในดวงนั้น ส่งคุณหรือโทษให้แก่ชาตา แล้วก็ดูดาวนั้นที่เป็นดาวจรว่าขณะนี้จรไปอยู่ที่ราศีใดภพใด ให้คุณโทษแก่ดวงชาตาอย่างไร ก็นำเอามาหักลบกับดาวเดิม ได้ผลยังไงก็นั่นแหละคือคำตอบละ
ดูตัวอย่างอีกตามเคย สมมติดวงเป็นยังงี้

เกิดวันอังคาร อายุย่างถึงปีนี้ 48 ปี ทักษาจรตกที่ภูมิจันทร์กาลกิณีเดิม มีดาวจันทร์เป็นดาวบริวารจร ซึ่งจันทร์ในดวงนั้นได้ราชาโชคที่ภพสหัชชะ ผมขี้เกียจทำดวงจึงวางดาวจรที่จำเป็นลงไว้ให้ดูเท่านั้น ไม่ได้ลงทั้งหมดเพราะไม่จำเป็นอะไร ทีนี้เราก็สมมติอีกว่าเจ้าชาตาส่งดวงมาให้คุณดูและถามอย่างในตัวอย่างว่า กำลังถูกตั้งกรรมการสอบสวนอยู่ จะโดนไล่ออกไหม?
คุณลองตรวจด้วยตัวเองก่อนนะครับ ในตอนหน้าผมจะนำคำเฉลยมาบอกคุณ ตอนนี้ไม่มีเนื้อที่แล้ว ขอลาไปก่อนนะครับ