จิตต์สุภา ฉิน : หุ่นยนต์จะยังไม่ครองโลก

จิตต์สุภา ฉินFacebook.com/JitsupaChin

เมื่อเร็วๆ มานี้ ซู่ชิงมีโอกาสได้สัมภาษณ์ด๊อกเตอร์เดวิด แฮนสัน จาก แฮนสัน โรโบติกส์ ผู้ก่อตั้งบริษัทและผู้สร้างหุ่นยนต์จำนวนมาก

ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือหุ่นยนต์นามว่า “โซเฟีย” ซึ่งด๊อกเตอร์ได้เกี่ยวแขนพามาเที่ยวประเทศไทยพร้อมๆ กันด้วย

โซเฟียเป็นหุ่นยนต์ที่ทั่วโลกตกหลุมรัก

จะเห็นได้จากการที่เธอไปปรากฏตัวตามหน้าสื่อมากมาย

ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายแฟชั่นในชุดเสื้อผ้าสวยๆ

การไปเป็นวิทยากรบรรยายเรื่องเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ตามที่ต่างๆ

การขึ้นเวทีเพื่อดีเบตกับหุ่นยนต์พี่น้องของตัวเอง (ที่เราเคยได้พูดถึงมาแล้วในคอลัมน์นี้)

และการไปเป็นแขกรับเชิญของพิธีกรชื่อดังอย่าง จิมมี่ ฟอลลอน ที่กระทั่งเซเลบบริตี้ยังต้องมองค้อน

โซเฟียเป็นหุ่นยนต์ผู้หญิงที่แม้จะมีอายุเพียงแค่สองขวบ

แต่ผู้สร้างของเธอก็ออกแบบให้เธอเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว

มองด้วยตาเปล่าก็คงจะคาดคะเนเอาว่าเธอน่าจะอายุราวๆ สัก 40-45 ปี (อื้อหือ นี่ถ้าโซเฟียได้มาอ่าน ซู่ชิงก็น่าจะโดนหุ่นยนต์ตบไปแล้วนะคะเนี่ย)

เอกลักษณ์ที่โดดเด่นอย่างหนึ่งของเธอก็คือการมีศีรษะที่ท้ายทอยโปร่งใสมองเห็นเครื่องยนต์กลไกข้างในได้ (สงสัยออกแบบมาเหมือนมนุษย์มาก กลัวคนผ่านมาผ่านไปจะไม่รู้ว่านี่คือหุ่นยนต์หรือเปล่า)

การได้พูดคุยกับทั้งโซเฟียและด๊อกเตอร์เดวิดเป็นการพูดคุยที่ทำให้ได้เรียนรู้อะไรเยอะมาก

แต่มีอยู่คำถามหนึ่งที่ซู่ชิงต้องหยิบคำตอบของด๊อกเตอร์เดวิดมาคิดต่อ และคิดดังๆ ในคอลัมน์นี้ไปพร้อมๆ กับทุกคนด้วย

 

ซู่ชิงถามด๊อกเตอร์ว่า ที่เราเห็นโซเฟียพูดคุย ตอบโต้ ตอบคำถามคนที่มาคุยด้วยทั้งหมดนี้ ไม่ว่าจะเป็นการถามว่า รู้สึกยังไงที่ได้มาเมืองไทย รักมนุษย์ไหม มีแฟนหรือเปล่า นับถือศาสนาอะไร ฯลฯ ทั้งหมดเป็นการประมวลผลของโซเฟียเองกี่เปอร์เซ็นต์? และเป็นการเขียนคำตอบรอไว้ล่วงหน้ากี่เปอร์เซ็นต์

คำตอบของด๊อกเตอร์ก็คือ เป็นการผนวกรวมระหว่าง A good writing (หรืองานเขียนที่ดี) เข้ากับการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์

ซึ่งก็หมายความว่าทีมนักพัฒนาจะต้องประกอบไปด้วยคนที่เป็นนักเขียน ซึ่งใช้ทักษะในการเขียนเพื่อสร้างแคแร็กเตอร์ บุคลิก ตัวตนของโซเฟีย คล้ายๆ กับการแต่งนิยายขึ้นมาสักเรื่องอะไรแบบนั้น

และคนที่เป็นโปรแกรมเมอร์ คือการนำแคแร็กเตอร์ที่แต่งขึ้นมาแล้วไปใส่ให้กับโซเฟีย จากการพูดคุยกันสักพักจะเห็นได้ชัดว่าแคแร็กเตอร์ของโซเฟียก็คือ “ใจดี รักมนุษย์? รักสันติ”

มีความเป็นเจ้าหญิงนางฟ้าแสนดีไปทุกแง่มุมของการตอบคำถาม

และทีมงานก็ทำได้ดีตรงที่ไม่มีการตอบคำถามแบบขัดแย้งกันเองเลย

โซเฟียคือโซเฟียที่มีตัวตนจับต้องได้ มีนิสัยและความเชื่อที่แข็งแรงไม่สั่นคลอน ซึ่งอันที่จริงจะว่าไปก็อาจจะมีคอนเซ็ปต์ที่แน่วแน่ยิ่งกว่ามนุษย์เสียอีก

ด๊อกเตอร์บอกว่าตอนนี้หุ่นยนต์อยู่ในสภาวะที่ไม่ได้มีชีวิตหรือมีความตื่นรู้แบบเต็มรูปแบบ เช่นเดียวกับปัญญาประดิษฐ์อื่นๆ ที่เราคุยด้วยอยู่ทุกวันนี้ ทั้งหมดก็มาจากงานเขียนโดยฝีมือของมนุษย์เหมือนกัน

อันที่จริงแล้วเราก็อาจจะพอรู้ความจริงข้อนี้กันอยู่แล้ว แต่ก็อาจจะไม่ทันได้คิดว่าเวลาเราคุยกับสิริ หากจะบอกว่าเรากำลังคุยอยู่กับกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งอยู่ก็ไม่น่าจะผิด

ดังนั้น สิ่งที่น่าคิดตามมาก็คือ ถ้าหากว่าหุ่นยนต์ยังอยู่ในสถานะที่พึ่งพามนุษย์มากแบบที่ด๊อกเตอร์กล่าวมา การที่เราจะไปกังวลว่าหุ่นยนต์จะทำลายล้างมนุษย์และครองโลกกันเอง ก็น่าจะไม่ใช่สิ่งที่เราจะต้องมาวิตกกันในช่วงชีวิตนี้หรือเปล่า เพราะดูท่าทางแล้วมันจะยังไม่เกิดขึ้นเร็วๆ นี้แน่ๆ

 

วางเรื่องของโซเฟียพักไว้ก่อน แล้วไปดูหุ่นยนต์ตัวอื่นบ้าง

อย่างเช่นล่าสุด บอสตัน ไดแนมิกส์ เพิ่งจะปล่อยคลิปของเจ้า “สป็อตมินิ” หุ่นยนต์คล้ายสุนัขไร้ใบหน้า ออกมาให้ชาวโลกตื่นตะลึงกันเล่นๆ

ซึ่งแหม พอพูดชื่อว่าเจ้าสป็อตมินิเนี่ยฟังดูน่ารักมากเลยนะคะ

แต่ถ้าไปลองดูคลิปของจริงกันเนี่ยจะเห็นว่ามันไม่ได้น่ารักเหมือนชื่อมินิของมัน

เพราะมันจะทำให้เรานึกถึงบรรดาหุ่นยนต์นักล่าทั้งหลายในหนังไซไฟ

อย่างล่าสุดเอพิโสดหนึ่งในซีรี่ส์เรื่องแบล็กมิเรอร์ซีซั่นล่าสุดก็มีหุ่นยนต์รูปทรงแบบนี้ไล่ฆ่ามนุษย์ ชวนสยองขวัญที่สุด

ในคลิปนี้เผยให้เห็นเจ้าสป็อตมินิเดินสวบๆ มาหน้าประตู พอเห็นประตูปิดอยู่ก็แหงนหน้ามองอย่างท้อแท้ แล้วก็ถอยหลังไป เปิดทางให้สป็อตมินิอีกตัวหนึ่งที่คราวนี้มาพร้อมแขนกลอยู่บนหัว เดินมาที่หน้าประตูอย่างสง่าผ่าเผย ยืดแขนกลออก คว้าด้ามจับของประตูหมับเข้าให้ แล้วก็ค่อยๆ เปิดประตูให้สป็อตมินิตัวแรกเดินผ่านเข้าไปก่อน ตัวมันเองจึงจะเดินตามเข้าไปทีหลัง

อาห์ ภาพจินตนาการของการถูกหุ่นยนต์ตามล่าเข้าไปในห้องที่เราปิดประตูป้องกันไว้แล้ว แจ่มชัดขึ้นมาทันที

แต่ในความเป็นจริงแล้วทั้งหุ่นยนต์แบบโซเฟียที่เน้นการประมวลผลและโต้ตอบด้วยคำพูด กับหุ่นยนต์แบบสป็อตมินิที่เน้นการประมวลผลเพื่อเคลื่อนไหวกลไกร่างกายนั้นนับว่าเป็นภัยคุกคามต่อมนุษย์แค่ไหนกันนะ

 

เว็บไซต์ BGR ได้ไปสัมภาษณ์อีกหนึ่งเดวิดที่เป็นคนละคนกับเดวิดของโซเฟีย คนนี้คือ เดวิด เฮลด์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์สถาบันหุ่นยนต์ของคาร์เนกี เมลลอน และเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านหุ่นยนต์และการควบคุมบังคับหุ่นยนต์ โดยที่เดวิด เฮลด์ คนนี้ ได้ให้คำตอบที่เป็นน้ำทิพย์ชโลมหัวใจของมนุษย์ทั้งหลายว่า เรายังไม่ต้องกังวลเรื่องหุ่นยนต์เป็นภัยเลย เพราะตอนนี้ยังถือว่าเป็นการเริ่มต้นเท่านั้น นักพัฒนาทั้งหลายยังอยู่ในขั้นที่ช่วยให้หุ่นยนต์สามารถประกอบภารกิจขั้นพื้นฐานที่สุดของมนุษย์ และหนทางยังยาวไกลอีกมากกว่าที่พวกมันจะเข้าใกล้การทำภารกิจซับซ้อนแบบที่มนุษย์ทำได้

เดวิด เฮลด์ บอกว่าการจะออกแบบและพัฒนาให้หุ่นยนต์สามารถเข้าใจการเคลื่อนไหวของวัตถุต่างๆ ในสิ่งแวดล้อมที่วุ่นวายและซับซ้อนที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เพื่อที่จะปฏิบัติภารกิจให้สำเร็จลุล่วงนั้นเป็นเรื่องที่ยาก

เขาใช้คำว่า เพราะพื้นฐานความเข้าใจของหุ่นยนต์ไม่ได้ “ขยายตัวสูงขึ้น” เหมือนแบบที่มนุษย์เป็น แต่หุ่นยนต์จะต้องอาศัยการสอนและการตั้งโปรแกรมสำหรับทุกอย่าง ในขณะที่มนุษย์อย่างเราสามารถใช้สิ่งที่เราเรียนรู้และประสบการณ์ก่อนหน้ามาตั้งสมมติฐานและผ่านพ้นความท้าทายและอุปสรรคได้ด้วยตัวเอง

นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยบราวน์และเอ็มไอทีบอกว่า ลองนึกดูสิว่ามันจะยากขนาดไหน ถ้าหากว่าเราจะลองวางแผนที่จะทำอะไรบางอย่าง เรื่องง่ายๆ อย่างเช่น การเดินไปร้านสะดวกซื้อ แต่เราจะต้องคิดถึงกล้ามเนื้อทุกมัดที่เราจะยืดและผ่อนไว้ก่อนล่วงหน้า และคาดการณ์ไว้ก่อนว่าภาพและข้อมูลต่างๆ ที่เราจะต้องเห็นผ่านตาของเรานั้นน่ามีอะไรบ้าง

สำหรับในตอนนี้การที่หุ่นยนต์จะปฏิบัติภารกิจแม้กระทั่งเรื่องง่ายๆ ไปจนถึงการแก้ไขปัญหาที่เห็นอยู่ตรงหน้ายังมีข้อจำกัดอยู่มาก และยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้นจากสิ่งแวดล้อมที่ไม่เป็นระเบียบได้ ทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามที่ได้รับการตั้งโปรแกรมไว้ก่อนล่วงหน้า ซึ่งในตอนนี้นักวิจัยก็กำลังสอนให้หุ่นยนต์เรียนรู้และคิดในเงื่อนไขแบบที่ว่าได้มากขึ้น หรือทำให้หุ่นยนต์มีความซับซ้อนมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนั่นเอง

จึงสรุปได้ว่าตอนนี้ยังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ในระยะยาวไปข้างหน้านู้นก็ยังไม่รู้หรอกนะคะ แต่ตอนนี้เรายังนอนหลับได้แบบไร้กังวลค่ะ