เป็นความอัปยศช็อกโลกอีกครั้งกับกรณีอื้อฉาวที่ “ไทม์ส ออฟ ลอนดอน” สื่อใหญ่ในอังกฤษตีแผ่ข่าวออกมาก่อนให้โลกได้รับรู้เมื่อเร็วๆ นี้ว่าเจ้าหน้าที่บางคนของ “ออกซ์แฟม” หนึ่งในองค์การบรรเทาทุกข์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซื้อบริการทางเพศหญิงโสเภณีในขณะที่เจ้าหน้าที่ออกซ์แฟมเหล่านั้นอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ให้กับชาวเฮติที่ประสบมหันตภัยพิบัติจากเหตุแผ่นดินไหวถล่มประเทศเฮติเมื่อปี 2553 ที่คร่าชีวิตชาวเฮติไปมากกว่า 225,000 คน และสร้างความเสียหายย่อยยับให้กับชาติหมู่เกาะเล็กๆ ในทะเลแคริบเบียนแห่งนี้เป็นวงกว้าง

โดยที่หนึ่งในหญิงโสเภณีที่เจ้าหน้าที่ออกซ์แฟมเรียกซื้อบริการทางเพศนั้นมีผู้เยาว์รวมอยู่ด้วย 1 คน

การกระทำสุดอัปยศครั้งนั้นถูกออกซ์แฟมปกปิดไม่ให้โลกภายนอกได้รับรู้

แต่เมื่อกลายเป็นประเด็นอื้อฉาวขึ้นมา ออกซ์แฟม องค์การบรรเทาทุกข์ที่มีที่ตั้งสำนักงานใหญ่อยู่ในประเทศอังกฤษและองค์การเป็นที่นับหน้าถือตาในประชาคมโลกจากการเคลื่อนไหวให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในพื้นที่ขัดแย้งและพื้นที่ประสบภัยพิบัติต่างๆ ทั่วโลก ยอมออกมาชี้แจงหลังตกเป็นข่าวว่าได้ทำการสอบสวนในเรื่องนี้เป็นการภายในแล้วตั้งแต่ปี 2554

และเพิ่งส่งมอบรายงานผลการสอบสวนเรื่องที่เกิดขึ้นให้กับรัฐบาลเฮติไปเมื่อต้นสัปดาห์นี้เอง

 

ในรายงานผลการสอบสวนเป็นการภายในถึงกรณีอื้อฉาวนี้ที่ออกซ์แฟมเปิดเผยออกมาระบุว่า มีการกล่าวหาเจ้าหน้าที่ออกซ์แฟมจำนวนหนึ่งซึ่งรวมถึงนายโรแลนด์ ฟาน เฮาเวอร์ไมเรน อดีตผู้อำนวยการออกซ์แฟมประจำประเทศเฮติที่กำกับดูแลปฏิบัติการบรรเทาทุกข์แก่ผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวในเฮติในช่วงเวลานั้นว่าเรียกซื้อบริการทางเพศหญิงโสเภณีมาให้บริการถึงที่พัก

ซึ่งการซื้อบริการดังกล่าวเป็นการกระทำผิดกฎหมายในประเทศเฮติ และเป็นการขัดระเบียบวินัยและจรรยาบรรณอย่างร้ายแรงของทางองค์การด้วย

ผลจากการสอบสวนในเรื่องนี้นำไปสู่การไล่ออกเจ้าหน้าที่ออกซ์แฟม 4 คน และอีก 3 คนได้ลาออกจากออกซ์แฟมไปแล้ว รวมถึงนายเฮาเวอร์ไมเรนเอง หลังเจ้าตัวยอมรับว่าเขามีความสัมพันธ์ทางเพศกับหญิงชาวเฮติรายหนึ่งจริงขณะนำความช่วยเหลือไปมอบให้

แต่ปฏิเสธว่าไม่ได้ซื้อบริการทางเพศหรือล่วงละเมิดผู้เยาว์อย่างที่มีการกล่าวหา

ถือเป็นการตอบสนองชี้แจงต่อการกระทำอันสุดอัปยศที่สายเกินไปมากของออกซ์แฟมจนยากที่โลกจะยอมรับและทำความเข้าใจได้ถึงความโปร่งใสและการยึดมั่นในธรรมาภิบาลอันดีขององค์การที่ได้ชื่อว่าเป็นที่พึ่งพาไว้วางใจในการช่วยปัดเป่าบรรเทาทุกข์ภัยเดือดร้อนแก่ผู้ประสบชะตากรรมอันเลวร้ายในพื้นที่ทุกข์ยากต่างๆ ทั่วโลก

 

แม้กรณีอื้อฉาวข้างต้นจะสร้างความตกตะลึงให้กับประชาคมโลก แต่กรณีนี้ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกหรือเป็นเรื่องใหม่ เพราะมีกรณีที่เจ้าหน้าที่ขององค์การช่วยเหลือทางมนุษยธรรมระหว่างประเทศที่เข้าไปเกี่ยวข้องพัวพันกับการค้าประเวณีหรือเรื่องอื้อฉาวทางเพศในประเทศที่มีความอ่อนแอเปราะบางเกิดขึ้นมาแล้วหลายกรณี

เฉพาะออกซ์แฟมเองมีรายงานกรณีเจ้าหน้าที่ข่มขืนผู้หญิงในประเทศซูดานใต้ ล่วงละเมิดทางเพศเหยื่อในไลบีเรีย และการซื้อบริการทางเพศในประเทศชาดและเฮติ

ขณะที่องค์การแพทย์ไร้พรมแดน (เอ็มเอฟเอส) ซึ่งเป็นองค์การให้ความช่วยเหลือทางการแพทย์ที่ก่อตั้งขึ้นในประเทศฝรั่งเศส เปิดเผยข้อมูลว่าในปี 2560 ที่ผ่านมา เอ็มเอฟเอสได้ไล่ออกทีมงานไป 19 คนภายใต้ข้อกล่าวหาคุกคามทางเพศหรือการล่วงละเมิดทางเพศ

ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกยังมีรายงานเจ้าหน้าที่กองกำลังรักษาสันติภาพและเจ้าหน้าที่พลเรือนขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ที่เข้ามาปฏิบัติหน้าที่รักษาสันติภาพในประเทศนี้ จำนวน 18 นาย ถูกกล่าวหาว่าก่อเหตุล่วงละเมิดทางเพศหรือแสวงหาประโยชน์ทางเพศ

 

กรณีอื้อฉาวต่างๆ ที่เกิดขึ้นแม้จะมีการสอบสวนและดำเนินบทลงโทษเป็นการภายในของแต่ละหน่วยงานแต่ละองค์การก็ตาม

แต่แน่นอนว่านั่นไม่ได้ช่วยทำให้โลกกลับมามีความเชื่อมั่นไว้วางใจในองค์การบรรเทาทุกข์เหล่านี้เหมือนเช่นเดิมได้

มิหนำซ้ำยังจะทำให้ภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของประชาคมองค์การด้านความช่วยเหลือระหว่างประเทศต้องแปดเปื้อนมัวหมองไปด้วย เรียกว่า “ปลาเน่าตัวเดียว เหม็นทั้งข้อง” ซึ่งยังอาจจะส่งผลกระทบอย่างสำคัญต่อองค์การบรรเทาทุกข์ต่างๆ ในการจะระดมเงินบริจาคสนับสนุนจากสปอนเซอร์ทั้งหลายที่เป็นทั้งภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อมาให้การสนับสนุนอีกได้

ดังนั้น องค์การบรรเทาทุกข์เหล่านี้จะต้องลงมือดำเนินการและจัดหามาตรการป้องกันหรือกลไกตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยนี้ขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกได้ในภายภาคหน้า ไม่ใช่เพียงเพื่อกอบกู้เกียรติศักดิ์ศรีและความเชื่อมั่นในองค์การของตนเองกลับคืนมา หากแต่ไม่ควรจะต้องทำให้เกิดเหตุการณ์ที่เป็นการย่ำยีซ้ำเติมเพื่อนมนุษย์ด้วยกันที่เผชิญชะตากรรมอันเลวร้ายอยู่แล้วให้ยิ่งเลวร้ายหนักลงไปอีก

ต้องช่วยกันกำจัดปีศาจในคราบนักบุญ!!