กาละแมร์ พัชรศรี : ไม่อยากซึม และไม่อยากเศร้า

ไม่มีใครสมหวังหรือได้อะไรอย่างใจไปซะทุกอย่าง ไม่ว่าคุณจะเป็นใครก็ตามบนโลกนี้ ทุกคนล้วนต้องเผชิญกับมันทั้งสิ้น

แต่เมื่อเจอแล้ว เราต้องตั้งสติเสมอ เพื่อไม่ให้มันไหลไปไกล ยิ่งไหลไปนาน ยิ่งตามกลับมายาก แต่ถ้าเราตั้งสติได้ รู้ทันมันว่าเรากำลังซึม เรากำลังเศร้า เรากำลังเหงา เรากำลังเซ็ง เราจะเปลี่ยนท่าทีได้ทันที

ตั้งแต่เปลี่ยนทีท่าจากภายนอกยันภายใน ไม่อยู่ในที่มืด อับ แคบ ไร้แสงสว่าง พาตัวเองออกไปรับแดด แต่งตัวให้ดี ขยับตัวลุกจากท่าทางเดิม ใช้กำลังกายของเราฉุดกำลังใจขึ้นมา

แม้ไม่อยากทำแต่ก็ฝืนๆ ทำไปก่อน เริ่มมันยาก แต่ถ้าพอเริ่มทำไปเครื่องมันจะติดเอง

ถ้าวันไหนซึมเซ็งเศร้า เอารองเท้ามาใส่แล้วออกไปวิ่ง ออกไปกระโดด ออกไปหัวเราะปลอมๆ เขย่าสารในสมองไม่ให้มันนอนก้น

หัวเราะให้มันบ้าคลั่งไปเลยว่า ทำไมชีวิตกรูเจอเรื่องบ้าบอคอแตกขนาดนี้

หัวเราะให้กับชีวิตตัวเอง แมร่งเจอแจ๊กพ็อตขุมทรัพย์ทางปัญญาละ

เรื่องที่เกิดขึ้นมันจะทำให้ชีวิตกรูดีขึ้นแน่นอน แม้จะยังไม่รู้วิธีในตอนนั้น แต่ขอให้เชื่อว่า เดี๋ยวเราจะได้รู้อย่างแน่นอน

จากหัวเราะปลอมๆ มันจะกลายเป็นหัวเราะจริงๆ

 

แล้วหันไปมองรอบข้างบ้าง ไม่ใช่อยู่กับตัวเองลำพัง และไม่ใช่อยู่แต่กับโลกโซเชียลที่เป็นโลกเสมือน เพราะมันสามารถเสกสรรปั้นแต่งอย่างไรก็ได้

แต่ให้ออกไปใช้ชีวิตในโลกที่แท้จริง ของจริง คนจริง ความรู้สึกที่แท้จริง

โลกที่มีมากกว่าเรื่องของตัวเอง

เพราะถ้าเราอยู่กับตัวเอง เราก็จะยิ่งเพ่งเรื่องนั้น ยิ่งเพ่งยิ่งใหญ่ จนเรามองไม่เห็นเรื่องอื่น

บางครั้งการมองเรื่องอื่นแล้วกลับมามองเรื่องตัวเอง มันก็อาจจะทำให้เรื่องมันเล็กลง หรือคิดทางออกของปัญหาได้

เมื่อปรับท่าทีภายนอกแล้ว เราก็มาปรับทีท่าภายใน

คิดกับตัวเองซะว่าจะเอาอย่างไรกับชีวิต

เราอยากมีชีวิตแบบไหน เราอยากทำอะไร เราทำอะไรเก่ง เราทำอะไรแล้วสนุก รื้อฟื้นความทรงจำนั้นขึ้นมาให้ได้ เพราะพอเวลาที่เราซึมเซ็งเศร้า เราชอบลืมในความดี ความเก่ง ความสุขของตัวเอง

เพราะเรามัวแต่คิดถึงแต่ปัญหาๆๆๆ แม้แต่จะแต่งตัวเรายังปล่อยตัว คนใกล้ตัวเรายังไม่สนใจ อะไรดีๆ เราไม่เคยมอง เรามองแต่อะไรที่ไม่ดี

แล้วก็คิดเหมารวมว่า ชีวิตแมร่งไม่มีอะไรดีสักอย่าง ทั้งที่ความจริงเรายังมีอีกหลายอย่างที่ดีเยอะมาก แต่ดันไม่มองหรือลืมไปเลย

 

การคิดว่าชีวิตเราดียังไงและเราจะทำอะไรต่อไปดี เป็นการเปลี่ยนโฟกัสจากเรื่องที่เราคิดว่ามันเป็นปัญหา เป็นเรื่องแย่ของชีวิต พอเราย้ายจุดโฟกัสไปเพ่งเรื่องดี คราวนี้เรื่องดีมันจะใหญ่ขึ้น ใหญ่ขึ้น จนรัศมีมันกลบเรื่องเศร้า และจนเราลืมไปว่า เมื่อวันก่อนกรูเศร้าเรื่องอะไรนะ และไม่มีเวลาให้เศร้าอีกต่อไป

ลุกขึ้นมาทำเรื่องดีๆ ท้าทายกับชีวิต

เช่น ก่อนตายกุจะผอมหุ่นดีให้ได้

ก่อนตายจะมีบ้านสวยๆ ให้ได้

ก่อนตายจะรวยให้ได้

ก่อนตายกุจะทำบุญใหญ่สร้างโบสถ์วิหาร

ก่อนตายกุจะเดินทางรอบโลกให้ได้

ก่อนตายกุจะเอาความสามารถของตัวเองสร้างประโยชน์ให้คนอื่นให้ได้

ดูสิก่อนตายมีเรื่องให้ทำตั้งมากมาย ดังนั้น อย่าเพิ่งตายง่ายๆ

 

อย่าท้อใจง่ายๆ ถ้ายังไม่ถึงจุดหมายปลายทางที่ตั้งไว้ ไม่มีคำว่า “ท้อ” อย่าเหยาะแหยะ อย่าซะเงาะซะแงะ ใจแข็งๆ หน่อย ให้มันรู้กันไป ถ้าทำให้สุดมันจะไปได้ถึงไหน

อย่าทำๆ หยุดๆ ทำๆ เลิกๆ เจอปัญหาก็คิดว่าเป็นอุปสรรค ยากจัง ไม่ไหวแล้ว ให้คิดว่ามันคือความท้าทายสิ มองให้มันเป็นเกม หาวิธีผ่านด่านนี้ให้ได้

ลองคิดดูว่า เราจะไม่เบื่อตัวเองเหรอที่ชีวิตเรามันไม่ไปถึงไหนสักที ผ่านไปหลายปีกรูยังอยู่ที่เดิม เพิ่มเติมอาจถอยหลัง เบื่อกับความเดิมๆ ไหม

ถ้าอยากได้ผลลัพธ์ที่ต่างไป คุณต้องทำตัวใหม่ที่ไม่เหมือนเดิม กัดฟันหน่อย ฮึดหน่อย ทำเรื่องสนุกกับชีวิต ทำเรื่องเล่นๆ ให้เป็นเงิน ทำเรื่องง่ายๆ ที่เรารู้ดีที่สุด ทำเรื่องบันเทิงใจให้เป็นอาชีพ ทำสิ่งดีส่งต่อให้ผู้อื่น โดยไม่ต้องคิดมากว่าจะดังไหม ได้เงินเท่าไหร่ สำเร็จไหม

เพราะเมื่อเราทำเรื่องที่เราชอบ สนใจ หมกมุ่น เราจะทำมันอย่างบ้าคลั่ง ตั้งแต่ตื่นยันหลับ และแม้แต่ในฝันก็ตาม

 

จงหาเรื่องที่คุณทำมันได้ดี และลงมือทำๆๆๆๆ มันลงไป ทำอย่างมีเป้าหมาย สิ่งที่คุณทำมันจะเป็นประโยชน์ต่อคนอื่นอย่างไร ไม่ใช่แค่คุณได้อะไรจากมัน เพราะเมื่อคิดถึงคนอื่น ชีวิตคุณจะมีความหมายขึ้นมา

คุณเกิดมาบนโลกนี้เพื่อมีภารกิจ มีหน้าที่ มีสิ่งที่ต้องทำมากมาย ความเศร้า ซึมเซ็ง เบื่อหน่ายมันแค่เป็นตัวหลอกให้คุณไขว้เขว ให้คุณไม่ไปถึงเป้าหมาย

อย่าไปสนใจมัน อย่าให้ค่ามัน อย่าไปเสวนากับมัน บอกมันไปว่า

“กูไม่ว่างจะเศร้าโว้ยยยยยยยย”