อุกฤษฏ์ ปัทมานันท์ : สิงโตพบมังกรจีน

อุกฤษฏ์ ปัทมานันท์

วันพฤหัสบดีที่ 1 กุมภาพันธ์ศกนี้ นางเทเรซา เมย์ (Theresa May) นายกรัฐมนตรีอังกฤษเดินทางไปพบกับนายกรัฐมนตรี หลี่ เคิอ เฉียง (Li Kegiang) แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนที่มหาศาลาประชาชน ใจกลางนครปักกิ่ง

อันเป็นการเดินทางของนายกรัฐมนตรีอังกฤษมาสาธารณรัฐประชาชนจีนครั้งแรกในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา

หนังสือพิมพ์ทางการจีน China Daily รายงานว่า (1)

“…ทางการอังกฤษได้ลงนามข้อตกลงถึง 12 ข้อตกลงคือ ด้านการค้า การเงิน สาธารณสุข เทคโนโลยีสมาร์ตซิติ้ อันเป็นข้อตกลงสองฝ่ายจะทำให้สาธารณรัฐประชาชนจีนและอังกฤษไปสู่ “ยุคทอง” (golden era) ของประเทศหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ (strategic partnership) ต่อไป…”

ในช่วงระหว่างการเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนของนายกรัฐมนตรีหญิง เทเรซา เมย์ เธอยังได้ริเริ่มผลักดันการจัดเก็บชิ้นส่วนเล็กๆ ของพลาสติกออกจากแม่น้ำแยงซี (Yangtze) โดยเป็นไปตามข้อตกลงการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศที่ปารีส (Paris climate change agreement) ซึ่งนายกรัฐมนตรีเมย์ได้ร่วมกันตกลงกับผู้นำจีนเอาไว้ (2)

พร้อมกันนั้น ในวันถัดมา ผู้นำทั้งสองประเทศได้พูดคุยสิ่งที่นายกรัฐมนตรีเมย์ของอังกฤษห่วงใย กล่าวคือ ท่ามกลางการเพิ่มมากขึ้นของการถดถอยของเสรีภาพทางการแสดงออกและประชาธิปไตยในจีน

รายงานข่าวกล่าวว่า ทั้งประธานาธิบดี สี จิ้น ผิง (Xi Jinping) และนายกรัฐมนตรี เทเรซา เมย์ ตกลงยืนยันอีกครั้งหนึ่งของข้อยึดมั่นของทั้งสองฝ่าย ว่าด้วยระบบหนึ่งประเทศ สองระบบ (One Country, Two System)(3) แต่การแสดงออกของประธานาธิบดี สี จิ้น ผิง ไม่ได้สร้างความเชื่อมั่นอย่างเป็นรูปธรรม

 

สิงโตคำรามแหบๆ

เมื่อพิเคราะห์ให้ดีๆ นายกรัฐมนตรี เทเรซา เมย์ มาเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนพร้อมคณะผู้แทนทางการค้าของเธอเอง ซึ่งคณะนี้อาจไม่ยิ่งใหญ่เทียบเท่ากับคณะผู้แทนอังกฤษภายใต้การนำของอดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ เดวิด คาเมรอน (David Cameron) ซึ่งมีจำนวนนักธุรกิจรวม 120 คนในปี 2013 ซึ่งอรรถาธิบายในตอนนั้นได้ว่า เป็นคณะผู้แทนการค้าที่ใหญ่ที่สุดของอังกฤษ อันเหมาะกับเป้าหมายทางเศรษฐกิจที่นายกรัฐมนตรี เดวิด คาเมรอน ต้องการเพิ่มมูลค่าการค้าอังกฤษ-สาธารณรัฐประชาชนจีนเป็น 2 เท่าในปี 2015

แต่มูลค่าการค้าอังกฤษ-สาธารณรัฐประชาชนจีนเพิ่มขึ้นก็จริง แต่ไม่ได้ใกล้เคียงกับที่ประมาณการตามที่อดีตนายกรัฐมนตรี เดวิด คาเมรอน คาดการณ์เอาไว้

การเดินทางยืนสาธารณรัฐประชาชนจีนของนายกรัฐมนตรี เทเรซา เมย์ ต้องมองไปพร้อมๆ กันจากจุดบอดทางการทูต อังกฤษอ่อนแอลงเพราะเรื่อง Brexit และอังกฤษผิดหวังจากพันธมิตรทางการค้าที่เข้มแข็ง ตัวนายกรัฐมนตรี เทเรซา เมย์ เองได้รับการโจมตีอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง ทั้งจากพรรค Conservative ของเธอเอง รวมทั้งพรรคอื่นๆ ต่อการขาดทิศทางและเป้าหมายที่แน่ชัดของเธอเอง ทั้งปัญหาต่างๆ ภายในประเทศและปัญหา Brexit

มีการกล่าวกันไปทั่วว่า เธอจะอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของอังกฤษไปได้นานสักแค่ไหน (4) นายกรัฐมนตรี เทเรซา เมย์ ต้องการข่าวดีๆ บ้าง แต่ก็ไม่มี

 

มังกรผงาด

ในช่วงเวลาที่การค้าระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีนและอังกฤษยังไม่ได้ดำเนินการอะไรเลย ในช่วงที่นายกรัฐมนตรี เทเรซา เมย์ เยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการในอาทิตย์นั้น มีรายงานข่าวว่า รัฐบาลจีนยืนยันว่ารัฐบาลของนายกรัฐมนตรี เทเรซา เมย์ ให้การรับรองอย่างเป็นทางการในข้อริเริ่มแถบและถนน (Belt and Road Initiative-BRI) มูลค่านับแสนล้านดอลลาร์สหรัฐ

ข้อริเริ่มแถบและถนน เป็นมหายุทธศาสตร์ของท่านประธานาธิบดี สี จิ้น ผิง เชื่อมต่อกับหลายยุทธศาสตร์ของจีนเอง ได้แก่ One Belt One Road-OBOR, Maritime Silk Road อันเป็นยุทธศาสตร์ทั้งเส้นทางพื้นดิน ได้แก่ ถนน รถไฟ รถไฟความเร็วสูงที่เชื่อมต่อเมืองต่างๆ ในสาธารณรัฐประชาชนจีนต่อกับเอเชียใต้ผ่านเมืองชายแดนในเมียนมา เชื่อมจีนกับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ คุนหมิง สาธารณรัฐประชาชนจีน เวียงจันทน์ สปป.ลาว กรุงเทพฯ ประเทศไทย กัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย และสิงคโปร์ เชื่อมต่อทวีปเอเชียกลาง ยุโรป

ส่วนเส้นทางพื้นน้ำ ได้แก่ ท่าเรือสำคัญของประเทศต่างๆ ในเอเชียตะวันออก เอเชียใต้ เช่น ศรีลังกา ปากีสถาน และแอฟริกา เป็นต้น

ข้อริเริ่มแถบและถนนของรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนชัดเจน แต่มีอีกหลายเส้นทางที่ก่อตัวและประกอบสร้างไม่พร้อมกัน แต่เสริมสร้างซึ่งกันและกัน

แล้วอังกฤษภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี เทเรซา เมย์ ก็ถูกผนวกเข้ามาด้วยพิธีกรรมทางการทูตอันชาญฉลาดของผู้นำจีน ที่รู้จุดอ่อนของอังกฤษที่กำลังจะออกจากระบบระหว่างประเทศของยุโรปคือ Brexit

รวมทั้งมองเห็นจุดอ่อนและความไร้ทิศทางทางการทูตของนายกรัฐมนตรี เทเรซา เมย์ เองที่ได้แรงกดดันแม้แต่จากภายในพรรคอนุรักษนิยมของเธอเอง รวมทั้งปัญหาเศรษฐกิจของอังกฤษที่กำลังย่ำแย่

ในยุคจักรวรรดินิยม (imperialism) อังกฤษเคยเป็นดินแดนพระอาทิตย์ไม่ตกดิน เคยยึดครองได้ทั้งอินเดีย ชมพูทวีป และพยายามยึดครองจีนได้เพียงบางส่วน จักรพรรดิจีนองค์สุดท้ายไม่มีพลานุภาพอะไรจะไปต่อกรกับอังกฤษในยุคนั้น

มาในศตวรรษที่ 21 นายกรัฐมนตรีอังกฤษถึง 2 ท่านทั้งผู้ชายและผู้หญิงอุตส่าห์บินไปพร้อมคณะผู้แทนการค้าและนัธุรกิจชั้นนำของประเทศนับร้อยชีวิตเพื่อเจรจาการค้าและการลงทุนกับทางรัฐบาลจีน

แต่ทว่า ประธานาธิบดี สี จิ้น ผิง ท่านได้เสนอ BRI ซึ่งเป็นมหายุทธศาสตร์ของท่านเอง ซึ่งท่านสี จิ้น ผิง เรียกว่า “project of the century”

แล้วอังกฤษจะว่าอย่างไร

 

——————————————————————————

(1) An Baijie, “Xi, May push to advance ties” China Daily 2 February 2018.
(2) Jessica Elgot, “Theresa May presses Xi Jinping on plastic waste at Beijing talks” The Guardian 1 February 2018.
(3) Ibid.,
(4) Richard Cook, “China-UK spat brewing over May”s Belt and Road caution” Asia Times 30 January 2018.