วิถีแห่งอำนาจ เอี้ยก่วย/โค่น กิมลุ้นฮวบอ้วง (127)

เสถียร จันทิมาธร

วิถีแห่งอำนาจ เอี้ยก่วย
เสถียร จันทิมาธร

โค่น กิมลุ้นฮวบอ้วง (127)

แนวทางของกิมลุ้นฮวบอ้วงเป็นไปตามที่ครุ่นคิดในใจ “มันแขนขาดข้างหนึ่งมาตรว่ามือซ้ายร้ายกาจ ด้านขวาต้องเผยช่องโหว่ เราจู่โจมด้านขวา ต่อสู้อย่างยืดเยื้อยาวนาน มันห่วงพะวงอาการบาดเจ็บของเซียวเล้งนึ่ง หากถ่วงเวลานานเข้าย่อมว้าวุ่นใจไปเอง”
นั่นก็คือ อาศัยลักษณะ “ยืดเยื้อ” มาเป็นประโยชน์
กิมลุ้นฮวบอ้วงไม่กล้าปะทะด้านตรง พึงจักรดีบุกสีเทาทึบซัดขว้างออก เอี้ยก่วยตะวัดกระบี่ฟันลง จักรกลับวกอ้อม เกิดเสียงอื้ออึงคะนึงขึ้นประกายสีทองแปลบปลาบ ประกายสีเงินพร่าพราวตา จักรบินจู่โจมมา 5 ทิศทาง
เอี้ยก่วยกริ่งเกรงกระทบกระเทือนอาการบาดเจ็บของเซียวเล้งนึ่งจึงยืนแน่วนิ่งไม่เคลื่อนไหว
จักรทั้ง 5 พุ่งวนเข้ากายเอี้ยก่วย เซียวเล้งนึ่งแล้วก็หวนบินกลับไปโดยที่เอี้ยก่วยไม่ถือกระบี่ไล่ติดตาม ก็เข้าใจจิตเจตนาของอีกฝ่ายในใจลอบยินดี มีความมั่นใจเป็นเพิ่มทวีว่าอยู่ในฐานะได้เปรียบ
กระนั้นการฉวยโอกาสของกิมลุ้นฮวบอ้วงออกจะขาดความโอ่อ่าผ่าเผย
เอี้ยก่วยทุ่มเทกำลังทั่วร่างใส่แขนซ้ายสั่นพลิ้วปลายกระบี่ปัดป่ายจักรทอง 3 อันออกพ้นห่าง จากนั้นสะบัดกระบี่ฟันลง ทุกคนรู้สึกละลานตาวูบหนึ่ง ฝุ่นผงบนพื้นม้วนคละคลุ้งขึ้น จักรเงิน จักรดีบุกล้วนถูกผ่ากลาง
ร่วงหล่นลงบนพื้น

กิมย้งบรรยายการสัประยุทธ์ครั้งนี้ตามสำนวน น.นพรัตน์ ออกมาว่า กระบี่หนักเหล็กดำแม้ปราศจากคม แต่เอี้ยก่วยถ่ายทอดพลังเข้าไปกลับสามารถทำลายล้างทุกสิ่ง
ทุกผู้คนเห็นวิชาตัวเบาของลามะต่างโห่ร้องชมเชย
รอจนประจักษ์กระบี่หนักเหล็กดำประกาศศักดากลับแตกตื่นตะลึงลานจนเงียบสงัดไร้สุ้มเสียง พริบตานั้นจักรทั้ง 5 ก็ถูกทำลายไป 3
ไม่ว่ากิมลุ้นฮวบอ้วงจะพลิกแพลงกระบวนท่าอย่างไรก็ไม่กล้าเข้าใกล้ในรัศมี 3 ก้าว
ยุทธวิธีของเอี้ยก่วยจึงต้องยืดหยุ่นพลิกแพลง มันตระหนักว่า “คนผู้นี้มีกำลังภายในกล้าแข็งยิ่งนัก” เมื่อหักล้างกำลังภายในก็มิอาจเปล่งอานุภาพของกระบี่ออก จำเป็นต้องหลอกล่อให้เข้ามาใกล้แล้วโบกสะบัดแขนเสื้อใส่ใบหน้า
ดังนั้น หากรั้งแขนซ้ายกลับช้าๆ ทั้ง 2 ความจริงห่างกันเชียะเศษ ระยะห่างค่อยๆ ร่นใกล้ จาก 5 เป็น 4 เชียะครึ่ง จาก 4 เชียะครึ่งเป็น 4 เชียะ
ยามนี้แขนซ้ายของเอี้ยก่วยหดรั้งกลับมาทีละน้อย “ขอเพียงลามะรุกมาอีกครึ่งเชียะ แขนเสื้อข้างขวาของเราพอโบกสะบัดออก แม้ไม่สามารถปลิดชีวิตมันได้ก็ต้องฟาดกระทั่งตาลาย สมองหมุนได้อย่างแน่นอน”
กินลุ้นฮวบอ้วงเห็นเอี้ยก่วยพลันขยับไหล่ขวาก็ล่วงรู้ในจิตเจตนา

อาการครุ่นคิดของเอี้ยก่วยกับกิมลุ้นฮวบอ้วงทำให้มองข้ามการดำรงอยู่ของเซียวเล้งนึ่งไปโดยอัตโนมัติ
นางรู้สึกถึงคลื่นความร้อนบนใบหน้าเอี้ยก่วยจึงลืมตาขึ้น
เห็นหน้าผากมันปรากฏหยาดเหงื่อไหลซึมจึงยกแขนเสื้อปาดเช็ดให้เบาๆ แต่ก็อดใจหายวาบมิได้เนื่องจากดวงตาโปนโตปานกระดิ่งของกิมลุ้นฮวบอ้วงปรากฏตรงหน้า
ดวงตานี้สร้างความชิงชังรังเกียจให้กับนางยิ่ง
ยามนี้ไม่ได้คาดคิดว่ากิมลุ้นฮวบอ้วงกำลังต่อสู้อยู่กับเอี้ยก่วย เพียงประจักษ์ว่าลามะรูปนี้ชั่วร้ายเลวทราม ขณะเดียวกัน ก็ไม่ปรารถนาให้มันเข้ามารบกวนช่วงเวลาอันหวานชื่นของนางจึงยื่นมือลงไปในอกเสื้อ
ล้วงเข็มผึ้งหยกออกมาเล่มหนึ่งแทงใส่ดวงตาข้างซ้าย
เซียวเล้งนึ่งแทงเข็มออกอย่างแช่มช้า กิมลุ้นฮวบอ้วงกลับมิอาจต่อต้านแข็งขืน เห็นเข็มทองยิ่งมายิ่งเคลื่อนใกล้
จาก 2 เชียะเป็น 1 เชียะ จาก 1 เชียะเป็นครึ่งเชียะ

กิมลุ้นฮวบอ้วงส่งเสียงร้องออกมา เสือกส่งจักรไปเบื้องหน้า หงายร่างตีลังกาออก เอี้ยก่วยฟาดฟันกระบี่จักรทอง จักรเหล็กแยกออกเป็น 2 ส่วน
จากนั้นสืบเท้าออกไป 2 ก้าว
สะบัดกระบี่ฟันลงยังศีรษะ กิมลุ้นฮวบอ้วงโคจรพลังผิดแนวทางรู้สึกอัดอั้นแทบตาย กระแทกนั่งกับพื้นปราศจากเรี่ยวแรงต้านทานแม้แต่น้อย
นี่เป็นวินาทีอันวิกฤตอย่างยิ่งสำหรับกิมลุ้นฮวบอ้วง