ล้านนาคำเมือง : พะ นาง สาม ผิว

อ่านเป็นภาษาล้านนาว่า “พะ นาง สาม ผิว”

พระนางสามผิว เป็นตำนานเกี่ยวกับเมืองฝางที่คนล้านนาเล่าสืบต่อกันมา

เรื่องราวมีอยู่ว่า

สมัยหนึ่ง เมื่อพญาเชียงแสนได้ครองเมืองฝาง เฉลิมนามว่า “พระเจ้าฝางอุดมสิน” มีชายาเป็นราชธิดาเจ้าเมืองล้านช้างนามว่า “พระนางสามผิว”

พระชายามีสิริโฉมงดงามนัก ความพิเศษของพระนางอยู่ที่ผิวที่มีถึงสามสีผิวด้วยกัน

ยามเช้าผิวกายนางมีสีขาวบริสุทธิ์ดุจปุยฝ้าย

ยามบ่ายผิวเป็นสีแดง

ยามตะวันอ่อนผิวจะกลายเป็นสีชมพู

สมัยนั้นเมืองฝางเป็นประเทศราชอยู่ในความปกครองของเมืองอังวะ พระเจ้าฝางคิดจะกอบกู้เอกราช ซ่องสุมฝึกปรือไพร่พล สะสมเสบียงอาหารไว้มากมาย

เมื่อพร้อมแล้วก็ทำการแข็งเมืองไม่ยอมส่งเครื่องบรรณาการดั่งเคย พระเจ้าสุทโธธรรมราชาผู้ครองอังวะจึงกรีธาทัพมาล้อมเมืองเอาไว้

รบพุ่งกันอยู่หลายวัน เมืองฝางสู้ไม่ได้ ผู้คนล้มตาย เสบียงอาหารร่อยหรอลง ผู้คนอดอยากได้รับความลำบาก

พระเจ้าฝางและพระนางสามผิวเห็นดังนั้นก็โทษตัวเองว่าเป็นต้นเหตุให้ชาวเมืองเดือดร้อน

จึงตัดสินใจสละชีพด้วยการไปกระโดดลงบ่อ “ซาววา” อันเป็นบ่อน้ำลึก 20 วา เพื่อยุติสงคราม

ยังมีเรื่องเล่าอีกเรื่องหนึ่ง ต่างกันเล็กน้อย ว่า

พระเจ้าฝางมีชายาที่มีผิวงดงาม ยามเช้าสีขาวบริสุทธิ์ ยามเที่ยงผิวจะมีสีชมพูอ่อน งามตา ถึงยามเย็นผิวกายนางเป็นสีแดงระเรื่อ

ข่าวความงามรู้ไปถึงพระเจ้าสุทโธธรรมราชา แห่งพม่า กษัตริย์พม่าอยากยลโฉมงามจึงปลอมตัวเป็นพ่อค้านำสินค้ามาขายที่เมืองฝาง และทำอุบายขอเข้าเฝ้าถวายผ้าเนื้อดีแก่พระชายา

ครั้นได้ยลโฉม ก็เกิดหลงรักสุดจะหักห้ามใจ จึงกลับไปกรีธาทัพมาตีเมืองฝาง ชาวเมืองได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก

ในที่สุดพระเจ้าฝางต้องสละราชสมบัติแล้วกระโดดลง “บ่อซาววา” พร้อมกับชายา เช่นเดียวกับที่เล่ามาดังข้างต้น

แต่อีกกระแสหนึ่งกลับว่า อำมาตย์หลวงขอให้พระเจ้าฝางและชายาหนีไปอยู่เมืองกุสินารา แล้วแต่งคนชาย-หญิงกระโดดลง “บ่อซาววา” แทน ลวงกษัตริย์พม่าว่าพระเจ้าฝางและพระชายาฆ่าตัวตายแล้ว เพื่อยุติการศึก

อย่างไรก็ตาม การพลีชีพโดยการกระโดดลง “บ่อซาววา” นี้ คนเมืองฝางยังเชื่อว่าเป็นวีรกรรมของพระเจ้าฝางและพระนางสามผิว จึงได้สร้างอนุสาวรีย์ไว้กราบไหว้

ปัจจุบันอนุสาวรีย์แห่งวีรกรรมนี้อยู่บริเวณหน้าวัดพระบาทอุดม ตำบลเวียง อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่