วิถีแห่งอำนาจ เอี้ยก่วย เสถียร จันทิมาธร / พลานุภาพ กระบี่หนัก (125)

เสถียร จันทิมาธร

วิถีแห่งอำนาจ เอี้ยก่วย/เสถียร จันทิมาธร

พลานุภาพ กระบี่หนัก (125)

บนเส้นทางของอึ้งย้ง ก๊วยพู พลันพบเข้ากับลี้มกโช้วระหว่างทาง บนเส้นทางเกาะติดเพื่อหวังล้างแค้นต่อก๊วยพู ย่อมทำให้เอี้ยก่วยประสบเข้าอย่างมิได้ตั้งใจ

ส่งผลให้เอี้ยก่วยได้ก๊วยเชียง ทารกน้อยเข้าไปอยู่ในความครอบครอง

เป้าหมายมันย่อมอยู่ที่เซียวเล้งนึ่ง เป้าหมายมันย่อมอยู่ที่สุสานโบราณ แต่กลับกลายเป็นว่าต้องพบกับเหล่านักพรตแห่งสำนักช้วนจิน ซึ่งล้อมรอบเซียวเล้งนึ่ง สถานการณ์บีบให้เอี้ยก่วยต้องปะทะกับนักพรตแห่งสำนักช้วนจินอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้

นอกจากเห็นร่างอันบอบช้ำของเซียวเล้งนึ่งยังเห็นกองกำลังของยอดฝีมือที่มาหนุนช่วยมองโกลตามคำเชิญของหลวงจีนกิมลุ้นฮวบอ้วงอีก

นี่ย่อมเป็นการประจันหน้ากันที่แปลกประหลาดอย่างยิ่งในยุทธจักร

เตียจี่เก่งแลเห็นเอี้ยก่วยเหลือแขนเพียงข้างเดียวจึงประเมินว่าน่าจะจัดการได้ไม่ยากนัก แต่พอปะเข้ากับเอี้ยก่วยพร้อมกับศิษย์ที่เคยเคียดแค้นเอี้ยก่วย เต็กเช็งต๊ก พลันที่กระบี่ 2 เล่มทิ่มแทงเข้าไป เอี้ยก่วยโบกแขนเสื้อข้างขวาออกก่อเกิดเป็นพลังมหาศาล

กระแทกเต็กเช็งต๊กปลิวลิ่วออกไป เตียจี่เก่งรู้สึกพลังแขนเสื้อหนักหน่วงรุนแรงรีบใช้วิชาถ่วงพันชั่งตรึงร่างเอาไว้ แต่เมื่อเป็นเช่นนี้กระบี่ต้องลดต่ำลงตามสภาวะ

เอี้ยก่วยยกเท้าเหยียบลงก็เหยียบคมกระบี่ไว้ใต้เท้า

แม้จะดำเนินไปแบบ 2 รุม 1 ทั้งเตียจี่เก่งก็ได้ชื่อว่าเคยเป็นอาจารย์ของเอี้ยก่วยมาก่อน แต่ภาพที่ปรากฏกลับพลิกผันอย่างชนิดหนังคนละม้วน

นี่ย่อมเป็นผลจากการฝึกเพลงกระบี่กลางกระแสน้ำป่า

แรงน้ำอันรุนแรงยังมิอาจซัดกระแทกมันล้มลงได้ ยามนี้พอทิ้งเท้าย่ำเหยียบจึงมั่นคงดั่งขุนเขา เตียจี่เก่งถอนดึงกระบี่อย่างสุดกำลัง ไหนเลยกระชากดึงได้

“เตี่ยเต้าเจี้ยง ตอนที่อยู่เบื้องหน้าก๊วยไต้เฮียบที่ด่านไต้เซ่งกวน ท่านประกาศว่ามิใช่ซือแป๋ ข้าพเจ้า วันนี้ไฉนเอ่ยถึงสำนักอาจารย์อีก เอาเถอะ เห็นแก่กาลก่อนเรียกหาท่านเป็นซือแป๋หลายคำจะปลดปล่อยท่านไป”

กล่าวจบเท้าขวาไม่ขยับ แต่พลังใต้เท้าพลันสาบสูญไปจนไร้ร่องรอย

เตียจี่เก่งกำลังโคจรพลังกระชากดึงโดยแรง พลันรู้สึกที่มือเบาหวิว กระบี่ย้อนกลับมาอย่างเร่งร้อน เสียงทึบเมื่อด้ามกระบี่กระแทกใส่ทรวงอกเฉกเช่นเขาจงใจใช้ด้ามกระบี่กระแทกใส่ตัวเอง หากการกระแทกเป็นศัตรูเกร็งกำลังฟาดใส่ต่อให้เตียจี่เก่งรับไว้ไม่ได้ก็ต้องโคจรพลังต้านทาน

ตอนนี้กระทุ้งกระแทกใส่ตัวเองไหนเลยมีเรี่ยวแรงต่อต้าน รู้สึกทรวงอกปวดแปลบอย่างรุนแรง โลหิตฉีดพุ่งจากปาก

เบื้องหน้าสายตามืดทะมึนหงายร่างล้มลง

การเผชิญหน้ากับนักรบที่เป็นบริวารของมองโกลและนักพรตสำนักช้วนจินครั้งนี้เป็นการเผชิญหน้าขณะที่เซียวเล้งนึ่งตลอดทั้งร่างไร้เรี่ยวแรงแอบอิงกับร่างของมัน

ดังนั้น เบี่ยงตัวไปทางซ้ายแขนเสื้อข้างขวาโบกขวาง

ม้วนพันกับเอวอ้อนแอ้นของเซียวเล้งนึ่งให้นางเอนพิงกับทรวงอกด้านขวา ยกมือซ้ายดึงกระบี่หนักเหล็กดำซึ่งสะพายอยู่กลางหลังออกมาสะบัดวูบหนึ่ง เสียงทึบดังขึ้นหนักแน่นคล้ายไม้พลองหวดใส่หนังฟอกมือขวาของนีมอชิงง่ามมือขาด

เงาดำสายหนึ่งพวยพุ่งขึ้นฟ้าเป็นไม้เท้าเหล็กปลิวกระเด็น ไม้เท้าเหล็กน้ำหนักร่วม 10 ชั่งปลิวลิ่วสู่ท้องฟ้า 20 กว่าวา

ค่อยร่วงหล่นที่หลังเขาของถ้ำเง็กฮือตั่ง

เอี้ยก่วยเห็นว่าทดสอบพลังแข็งกร้าวของกระบี่แล้วจึงลองทดสอบพลังอ่อนหยุ่น ขยับปลายกระบี่ ยามนั้นไม่ตวัดรั้งกระบี่หนักขึ้นกลับกดต่ำลง ไม้เท้าเหล็กก็ทิ่มทะลวงลงยังเบื้องล่างก่อกวนจนฝุ่นละอองคละคลุ้ง

ตัวไม้เท้าทะลวงลึกไปในดินกว่าครึ่ง

ถือได้ว่าเป็นครั้งแรกที่เอี้ยก่วยใช้กระบี่หนักของกระบี่อสูรต๊กโกวคิ้วป่ายสู้กับศัตรูกลับมีอานุภาพถึงเพียงนี้

ไม่เพียงแต่ศัตรูจะตระหนก หากแม้ตัวมันเองก็อดตื่นตระหนกมิได้

นับเป็นสถานการณ์พลิกเปลี่ยนอย่างเหลือเชื่อ ไม่มีใครคาดเดาได้ออกว่าเวลาเพียงเดือนเศษ ไฉนเอี้ยก่วยมีพลังฝีมือรุดหน้าถึงเพียงนี้ ร่างไม่ขยับ แขนไม่ยกขึ้น เพียงใช้กำลังภายในกระแทกอาวุธของอีกฝ่ายก็หักสะบั้น

“คนผู้นี้มีพลังฝีมือลี้ลับชั่วร้ายจริงๆ”