ไม่ทันขาดคำ ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา บอกให้รอฟัง ป.ป.ช. ชี้แจงกรณีนาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

นายวรวิทย์ บุญสุข เลขาธิการ ป.ป.ช. ก็ออกมานัดหมายให้สื่อมวลชนไปรับฟังความคืบหน้าในเรื่องดังกล่าว เวลา 10.00 น. วันที่ 24 มกราคม

จุ๊…จุ๊…จุ๊

มิใช่รู้เห็นกันแต่อย่างใด

โปรดอย่าระแวง

แต่มีเหตุผล ตามคำอธิบายของนายวรวิทย์

“สื่อให้ความสนใจและโทรศัพท์มาสอบถามจำนวนมาก ยังบอกรายละเอียดไม่ได้ ขอให้รอฟังพรุ่งนี้ (24 มกราคม) ให้มีเซอร์ไพรส์บ้าง”

และเสริมความหนักแน่น ของการ “ไม่ได้รู้เห็นกัน”

ด้วยเสียงกระซิบของ “แหล่งข่าวจาก ป.ป.ช.”

ว่าเหตุที่เลขาธิการ ป.ป.ช. จะแถลงนั้น

สืบเนื่องคณะทำงานแสวงหาข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าว ได้รายงานความคืบหน้าให้ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ทราบเมื่อวันที่ 23 มกราคม

ที่ประชุมจึงมีมติมอบให้นายวรวิทย์ แถลงให้สังคมทราบ

จึงไม่มี ใบสั่ง จากใครทั้งสิ้น

ส่วนคำแถลงงของเลขาธิการ ป.ป.ช. ที่นัดหมายไว้มีอะไรคืบหน้าบ้าง

1) ได้ให้ พล.อ.ประวิตร ชี้แจงเป็นรอบที่ 3 เพื่อให้ครอบคลุมข้อมูลนาฬิกาที่โซเชียลนำเสนอทั้ง 25 เรือน

2) กำลังตรวจสอบว่า มีนาฬิกา 25 เรือนจริงหรือไม่ หรือเป็นภาพซ้ำ นาฬิกาใครเป็นเจ้าของ

3) สอบพยานบุคคลเกี่ยวข้องหมดแล้ว เหลือพยานสำคัญอีก 1 ปาก ขณะนี้อยู่ระหว่างเดินทางไปต่างประเทศ ได้นัดหมายมาชี้แจงในสัปดาห์หน้า

4) มีหนังสือถามไปยังบริษัทตัวแทนจำหน่ายนาฬิกา 13 แห่ง

5) คาดว่าจะสรุปให้ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ เดือนกุมภาพันธ์นี้

ถือว่าคืบหน้าบ้าง แต่จบลงอย่างจืด-จืด

ส่วนที่นายวรวิทย์บอกว่าให้รอฟังเซอร์ไพรส์

ปรากฏว่าก็เป็นเพียง การที่แจ้งว่า พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. ได้แจ้งขอถอนตัวจากการพิจารณาเรื่องนี้

ซึ่งไม่ได้เหนือความคาดหมาย สื่อจึงไม่ค่อยตื่นเต้น

แต่ถามว่า แล้วการแถลงครั้งนี้ไม่มีอะไรน่าสนใจเลยหรือ

ก็ต้องบอกว่า มีอยู่บ้าง

โดยแฝงอยู่ในคำอธิบายของนายวรวิทย์ คือ

1) หากนาฬิกาเป็นของบุคคลอื่น พล.อ.ประวิตร ไม่ต้องแสดง

2) จะต้องแสดงเฉพาะทรัพย์สินที่เป็นของตัวเอง และคู่สมรส พร้อมบุตร

3) หากทรัพย์สินเป็นของ พล.อ.ประวิตร ต้องถามว่าได้มาเมื่อใด ก่อนหรือหลังเข้ารับตำแหน่ง ถ้าได้มาก่อนจะมีคำถามว่า เหตุใดจึงไม่แจ้งในบัญชีทรัพย์สิน แต่ถ้าได้มาหลังเข้ารับตำแหน่ง จะถือว่ายังไม่ถึงเวลาที่จะต้องแจ้ง

4) ส่วนทรัพย์สินที่ได้ครอบครองเฉยๆ ไม่จำเป็นต้องยื่น

ตามคำอธิบายนี้ มีช่องพอเถลือกไถลไปได้ คือต้องยืนยัน “เป็นของเพื่อน” อย่างหัวชนฝาสถานเดียว

ส่วนสังคมและกองหนุนว่าไง อันนี้น่าหวาดเสียว