โล่เงิน : “พล.ต.ท.กิตติพงษ์” บนเก้าอี้ “เจดีย์ 1” วางแนวบริหาร “โรงพักคือจุดแตกหัก” ป้องระเบิดซ้ำรอย ลั่น “มันเกิดไม่ได้”

กองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 7 (บช.ภ.7) กำกับดูแลพื้นที่ จ.นครปฐม กาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สุพรรณบุรี สมุทรสาคร และสมุทรสงคราม

จัดเป็นพื้นที่สำคัญทั้งแหล่งเกษตรกรรม ประมง และแหล่งท่องเที่ยวทางทะเล ทางธรรมชาติสำคัญๆ อีกหลายแห่ง

รวมทั้งเป็นพื้นที่สำคัญเชื่อมต่อกรุงเทพมหานครและเป็นเส้นทางหลักที่ขบวนการค้ายาเสพติดใช้เป็นทางผ่านในการลำเลียงยาเสพติดไปยังพื้นที่ภาคใต้ เพื่อไปต่อยังประเทศเพื่อนบ้าน

“โล่เงิน” สัมภาษณ์พิเศษ พล.ต.ท.กิตติพงษ์ เงามุข ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 7 (ผบช.ภ.7) เจ้าของรหัสเรียกขาน “เจดีย์ 1” ในโอกาสมารับตำแหน่งใหม่ ถึงวิสัยทัศน์และนโยบายการทำงาน

“ป้องกันเป็นหลัก พิทักษ์คนดี มีใจให้บริการ ประสานความร่วมมือ ยึดถือคุณธรรม”

พล.ต.ท.กิตติพงษ์ กล่าวว่า เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่า ทุกวันนี้การปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจถูกวิจารณ์อย่างมาก ถ้าเราพิจารณาถึงบทบาทและหน้าที่ของตำรวจ ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ต้องใช้ความสำคัญในการป้องกัน เพื่อมิให้อาชญากรรมเกิดขึ้น โดยการปฏิบัติหน้าที่ในเชิงรุกด้วยวิธีต่างๆ

เช่น งานสายตรวจออกตรวจป้องกันภัย งานจราจร งานสืบสวนหาข่าว ฯลฯ จะมีลักษณะป้องกันอาชญากรรม เป็นมาตรการปกป้องคุ้มครองสวัสดิการให้กับประชาชนก่อนที่เหตุร้ายจะเกิดขึ้น ป้องกันไม่ให้บุคคลหรือองค์กรอื่นใดละเมิดกฎหมาย ก่ออาชญากรรม สร้างความเดือดร้อน ความเสียหายในร่างกาย ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน

พล.ต.ท.กิตติพงษ์ กล่าวถึงด้านการป้องกันยาเสพติดและความมั่นคง ที่คนร้ายมักใช้เป็นเส้นทางผ่านนั้นว่า มีการประสานทำงานร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ภาค และแนวชายแดน ประสานงานกับกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (บช.ตชด.)

มีการข่าวประชุมร่วมกันทุกเดือน และประสานข้อมูลกับระบบโซเชียล จากข้อมูลจะมีลักษณะกองทัพมดมากกว่าที่มาจากแนวชายแดน

ที่ผ่านมามีการจับกุมได้เรื่อยๆ มีการขยายผลและยึดทรัพย์เพื่อตัดวงจรไม่ให้ขยายไปกว้างขึ้น ส่วนแหล่งพักยาเสพติดที่มีข่าวก็มีการตรวจค้นไม่เจอรายใหญ่จริงๆ ส่วนใหญ่จะเป็นรายเล็กๆ ก็ไม่มีอะไรในเรื่องยาเสพติด เพราะหน่วยงานทหารมีความเข้มแข็ง มีความร่วมมือกันอย่างดี

พล.ต.ท.กิตติพงษ์ เผยด้านความมั่นคงหลังเกิดเหตุระเบิดในแหล่งท่องเที่ยว จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่ผ่านมาว่า มีจุดเฝ้าระวังของทาง บช.ภ.7 ก่อนจะถึงช่วงเทศกาล มีการตรวจค้นทุกจุดและประสานการข่าวกับทางพื้นที่ บช.ภ.8-9 ตลอด หากไปตรวจค้นและพบความเชื่อมโยงน่าจะมาถึง บช.ภ.7 ก็จะเข้าตรวจค้นให้หมด เป็นจุดที่ห่วงอยู่

เมื่อเข้ามารับตำแหน่ง ผบช.ภ.7 วันแรกยอมรับว่าห่วงเรื่องนี้มากที่สุด พูดว่าอย่าให้เกิด มันเกิดไม่ได้ พลาดไม่ได้ เพราะมันเคยเกิดมาแล้วครั้งหนึ่ง

ด้านปัญหาค้ามนุษย์และการป้องกันการค้ามนุษย์ หลังไทยพ้นเทียร์ 3 พล.ต.ท.กิตติพงษ์กล่าวยืนยันว่า ไม่มีแล้ว ที่ผ่านมาเอาคดีเก่าๆ มารื้อตรวจเอ็กซเรย์ทั้งหมดไม่มี เราดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลอยู่แล้ว การค้ามนุษย์เป็นเรื่องระดับชาติ นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญเน้นเป็นข้อแรกอยู่แล้ว

ส่วนเรื่องผู้มีอิทธิพลในพื้นที่รับผิดชอบ 8 จังหวัด พล.ต.ท.กิตติพงษ์ ว่า ไม่มีอะไร ไม่วิตกกังวล ตั้งแต่เข้ามานั่งเก้าอี้ พวกมือปืนซุ้มในจังหวัดดังไม่มีอยู่แล้ว เพราะที่ผ่านมาเขาทำกันดีอยู่แล้ว ไม่ใช่เขากลัวผม ทั้งเรื่องฮั้วประมูล ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ ดูแล้วไม่น่ามีอุปสรรคอะไร อยู่ในกรอบ จุดในที่ล่อแหลมก็เข้าตรวจค้นขึ้นบัญชีเฝ้าระวังไว้

ทั้งหมดจะทำกฎหมายให้เป็นกฎหมาย จะมีมาตรการเข้มขึ้น

นอกจากนี้ พล.ต.ท.กิตติพงษ์ เผยด้วยว่า การบริการประชาชน โรงพักนั้นๆ เป็นจุดแตกหักอยู่แล้ว ตั้งแต่ไหนแต่ไร ตั้งแต่ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) จนมาถึง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.คนปัจจุบัน ยังมุ่งเน้นอยู่เหมือนเดิม

พร้อมอยากให้ยกระดับการให้บริการ ไม่ว่าจะเป็นมารยาท เรื่องแรกคือเรื่องปาก เพราะฉะนั้น การดูแลยิ้มแย้มแจ่มใสและทำให้ประชาชนพอใจกลับไป เพราะปัจจุบันมีระบบโซเชียล คือ ถ้าเขาติดขัดหรือแคลงใจจะลงโซเชียลทันที สิ่งพวกนี้เราติดตามตลอด เราจะรู้เลยว่าปัญหากลับมาคืออะไร จึงต้องนำมาแก้ไข ตำรวจที่ปฏิบัติต้องทำให้ดี แต่ได้บอกน้องๆ เสียเวลาอธิบายเพื่อให้ผู้เข้าแจ้งความฟังดีกว่า ดีกว่าให้เขาไปคิดเอง

ผบช.ภ.7 บอกว่า ในส่วนงานตำรวจจราจร คือด่านแรกของเรา ก่อนเทศกาลปีใหม่มีการอบรมตำรวจของ บช.ภ.7 ทั้งภาค เน้นย้ำว่าการพูดจาและบริการ เน้นการตักเตือนก่อน เปรียบเสมือนว่าผู้ใกล้ชิดกับผู้ขับขี่เป็นญาติ

เราอย่าไปคิดว่าเป็นศัตรู เพราะเขาไม่ได้เป็นโจรอะไร การพูดจาจะต้องให้สุภาพ รวมถึงการอบรมตำรวจจราจรทำ (cpr) ปั๊มหัวใจ ตำรวจจราจรเป็นด่านแรกที่เห็นก่อนหรือเจอก่อน เพราะการช่วยชีวิตคนเป็นเรื่องสำคัญ

อยากเห็นตำรวจจราจรเหมือนสมัยก่อน พอถึงช่วงเทศกาลจะมีชาวบ้านนำของขวัญมามอบให้ แต่ไม่ใช่ต้องการของขวัญ แต่ต้องการเห็นว่าประชาชนที่สัญจรบนถนนรักตำรวจจราจร

อยากเห็นภาพนั้นกลับมา ไม่ใช่ตำรวจจราจรสร้างภาพลบให้กับอาชีพตำรวจ อยากให้เป็นภาพบวก เลยต้องเน้นย้ำว่างานจราจรถือเป็นหน้าด่านของโรงพัก

นอกจากนี้ พล.ต.ท.กิตติพงษ์ยังเกาะติดถึงคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ อาทิ คดีทำร้ายร่างกายและข่มขืนหญิงชรา ว่า

“ยังตามอยู่ เหตุเกิดตั้งแต่ปี พ.ศ.2553 ผ่านมา 6-7 ปีผมก็ยังตามอยู่ ก่อนหน้าสมัยผมดำรงตำแหน่ง ผบช.สพฐ. มีคดีเกิดขึ้นอีก 1 คดี แต่เมื่อตรวจแล้วไม่ใช่คนร้ายในคดีดังกล่าว ผมคิดว่าคนร้ายยังอยู่หรือเปล่าไม่แน่ใจ หรืออาจเสียชีวิตไปแล้วก็ได้ แต่ไม่ให้มีเกิดอีก ทั้งนี้ ไม่ได้นิ่งนอนใจ เอาคดีเก่ามาปัดฝุ่นรออยู่เตรียมรับฟังหากมีคดีเกิดขึ้น จัดทีมลูกน้องลงไปตรวจว่าดีเอ็นเอตรงกับผู้ต้องสงสัยในพื้นที่ บช.ภ.7 ไหม ไม่ได้นิ่งนอนใจ อยากจะจับให้ได้จริงๆ คดีนี้ รวมถึงการเฝ้าระวังมิให้เหตุเกิดซ้ำในบ้านที่มีผู้สูงอายุอยู่”

เป็นทิศทางการบริหารงานของเจ้าของรหัสเรียกขาน “เจดีย์ 1” ที่ชื่อ พล.ต.ท.กิตติพงษ์ เงามุข ที่เน้นย้ำทั้งบู๊ บุ๋น และป้องปราม!!