ต่างประเทศ : เรื่องโหดๆ ของ “สามี-ภรรยา” ขังลูก 13 คนอยู่อย่างอดอยาก

บนถนนมูร์ วูดส์ เมืองเพอร์ริส รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ไม่เคยมีวี่แววว่าจะมีเรื่องน่าหดหู่เกิดขึ้นภายในบ้านเลขที่ 160 ที่น้อยคนนักจะได้พบเจอกับสมาชิกในบ้าน

บ้านหลังนี้เป็นบ้านหลังใหญ่ มีรถอยู่ 3 คัน ผ้าม่านถูกปิดหมด แต่มีการประดับดาวคริสต์มาสเอาไว้ที่หน้าต่างบานหนึ่ง

บ้านแต่ละหลังในละแวกนี้ตั้งอยู่ใกล้กันมาก จนยากที่จะเชื่อว่าสามารถปกปิดเรื่องราวความลับอันดำมืดเอาไว้ได้

และกลายเป็นที่มาของข่าวสะเทือนขวัญประชาชนอีกครั้ง หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจแคลิฟอร์เนียเข้าจับกุมตัวสามี-ภรรยาคู่หนึ่ง ที่เมืองเพอร์ริสแห่งนี้ ข้อหากักขังลูก 13 คนเอาไว้ในบ้านนานนับสิบปี จนทำให้ลูกๆ อยู่ในสภาพขาดสารอาหาร

ตำรวจเปิดเผยว่า สามี-ภรรยาคู่นี้มีชื่อว่า นายเดวิด อัลเลน เทอร์พิน วัย 57 ปี กับนางหลุยส์ แอนนา เทอร์พิน วัย 49 ปี

ซึ่งการจับกุมตัวสามี-ภรรยาคู่นี้ มีขึ้นหลังจากมีเด็กหญิงคนหนึ่งหนีออกจากบ้าน และใช้โทรศัพท์มือถือโทร.หาเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อแจ้งว่า พ่อแม่ของตนกักขังหน่วงเหนี่ยวลูกๆ เอาไว้ในบ้าน

นำไปสู่การบุกเข้าไปในบ้านหลังหนึ่ง จนพบว่า ภายในบ้านมีเด็กอีก 12 คนถูกขังไว้ และมี 7 คนที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว

ทั้งหมดอยู่ในสภาพขาดสารอาหารและสภาพแวดล้อมที่สกปรก

โดยลูกทั้ง 13 คนมีอายุตั้งแต่ 2-29 ปี ขณะที่เด็กผู้หญิงที่หนีออกจากบ้านไปแจ้งตำรวจนั้น ครั้งแรกที่พบตำรวจเองคิดว่าเด็กน่าจะอายุราว 10 ปี เนื่องจากขนาดตัวที่เล็กมาก แต่ความเป็นจริง เด็กหญิงอายุ 17 ปีแล้ว

 

เจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดเผยถึงสภาพภายในบ้าน พบว่ามีเด็กหลายคนที่ถูกล่ามเอาไว้กับเตียง อยู่ภายในห้องที่มืด และมีกลิ่นเหม็นคลุ้งไปทั่ว

ขณะที่พ่อแม่ของเด็กไม่ได้ให้เหตุผลของการกักขังลูกๆ ของตัวเองเอาไว้ ซึ่งหลังจากช่วยเหลือเด็กๆ ออกมาได้ บรรดาลูกๆ ของเทอร์พินทั้งสอง ก็บอกกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า “พวกตนอยู่อย่างอดอยาก”

แต่ตอนนี้พ่อ-แม่ของเด็กถูกจับกุมตัวและถูกตั้งข้อหาว่าด้วยการทรมาน 9 ข้อหาด้วยกัน และอีก 10 ข้อหาเกี่ยวกับการทำให้เด็กอันตราย

โดยตำรวจตั้งวงเงินสำหรับการประกันตัวอยู่ที่คนละ 9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนลูกทั้ง 13 คนถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลแล้ว

เวนดี มาร์ติเนซ แม่บ้านวัย 41 ปี ที่อยู่ละแวกเดียวกับครอบครัวนี้เปิดเผยว่า เธอได้สื่อสารกับครอบครัวเทอร์พินเพียงครั้งเดียว คือตอนที่เดินผ่านบ้านในคืนหนึ่งของเดือนตุลาคม เธอเห็นเด็กๆ 4 คน นั่งอยู่ที่สนามหญ้าหน้าบ้าน โดยมีแม่ของเด็กนั่งมองอยู่ที่ประตู เมื่อมาร์ติเนซทักทายไปว่า “สวัสดี” ก็ไม่มีการตอบสนองใดๆ กลับมา

“เหมือนพวกเขาอยู่ในอาการที่กลัวอะไรมากๆ เหมือนเขาไม่เคยเห็นคนมาก่อน” มาร์ติเนซบอกเล่าถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนนั้น

 

ขณะที่มีรายงานว่า นายเทอร์พินเคยทำงานเป็นวิศวกรอยู่ที่บริษัท ล็อกฮีด มาร์ติน แต่ลาออกเมื่อปี 2010 และยังเคยทำงานเป็นวิศวกรให้กับบริษัท นอร์ธรอป กรุมแมน ซึ่งทั้งสองบริษัทเป็นบริษัทด้านการออกแบบเครื่องบินและเทคโนโลยีการป้องกันตนเองทั้งนั้น

อย่างไรก็ตาม ครอบครัวเทอร์พินเคยถูกฟ้องล้มละลายมาแล้วเมื่อปี 2011 แม้ว่านายเทอร์พินมีรายได้สูงเนื่องจากงานที่ทำเป็นถึงวิศวกร แต่เนื่องจากมีลูกหลายคน และภรรยาก็ไม่ได้ทำงานอะไร ทำให้ค่าใช้จ่ายสูงเกินกว่ารายได้ที่รับ จึงล้มละลายในที่สุด

แนนซี เทรแฮน ซึ่งเคยเป็นทนายความที่คอยดูแลเกี่ยวกับเรื่องล้มละลายของครอบครัวนี้เปิดเผยกับเจ้าหน้าที่ว่า สามี-ภรรยาคู่นี้เป็นคู่ที่มีความเป็นมิตรกับคนอื่นอย่างมาก และมักจะพูดถึงเรื่องลูกของตัวเองอยู่บ่อยๆ

ทั้งสองดูเป็นคนที่น่ารักมากๆ

 

ขณะที่เจมส์และเบตตี้ เทอร์พิน ปู่กับย่าของเด็กๆ เปิดเผยกับเอบีซีว่า ไม่ได้พบกับครอบครัวของลูกชายมานานราว 4-5 ปีแล้ว และว่า ครอบครัวของลูกชายเป็นครอบครัวคริสเตียนที่ดี และพระเจ้าขอให้พวกเขามีลูกหลายๆ คน

ส่วนเด็กๆ นั้นก็เรียนหนังสือ แต่เป็นการเรียนจากที่บ้าน ซึ่งก็ไม่ได้อธิบายไว้ว่า หมายความว่าอย่างไร

สามี-ภรรยาคู่นี้ยังมีเพจบนเฟซบุ๊ก ที่มีภาพนิ่งและวิดีโอของครอบครัวเอาไว้หลายภาพ เป็นภาพที่แสดงออกให้เห็นถึงความเป็นครอบครัวที่มีความสุข และทุกคนมีใบหน้าที่ยิ้มแย้ม

นอกจากนี้ ยังมีรายงานด้วยว่า สามี-ภรรยาคู่นี้ ทำพิธีแต่งงานกันมาแล้วอย่างน้อย 3 ครั้ง คือเมื่อปี 2011, 2013 และ 2015 ที่โบสถ์ซึ่งจัดเป็นธีมเอลวิส เพรสลีย์ ในนครลาสเวกัส

โดยมีภาพพิธีวิวาห์ของทั้งคู่ ที่มีลูกๆ ทั้งหมดร่วมอยู่ในงานแต่งงาน

ถึงตอนนี้ เจ้าหน้าที่ยังคงตรวจสอบอยู่ว่า สาเหตุที่ทำให้สามี-ภรรยาคู่นี้กักขังลูกๆ เอาไว้ และปล่อยให้อดอยากจนขาดสารอาหารนั้น เป็นเพราะเหตุใด