‘หนุมาน 3’ Vintage EV สัญชาติไทย และการรุกหนักอีกครั้งของค่าย ‘จี๊ป’

สันติ จิรพรพนิต

ปิดฉากไปเรียบร้อยกับงาน “มอเตอร์โชว์ 2024” ซึ่งกวาดยอดขายน่าพอใจทั้งรถจากญี่ปุ่นและรถจีน

โดยรุ่นที่ได้รับความนิยมสูงสุดไม่พ้นเครื่องยนต์ลูกผสมไฮบริด ส่วนรถยนต์ไฟฟ้าหรือ EV ก็ทำได้ไม่น้อยหน้า

ส่วนค่ายจากยุโรป หรือกลุ่มรถต้นแบบ มีหลายรุ่นที่น่าสนใจ

“ยานยนต์ สุดสัปดาห์” ขอนำมา 2 ค่ายคือ “จี๊ป” และ “SRA”

จี๊ปนั้นไม่ต้องพูดถึง เพราะคนไทยคุ้นเคยกันอย่างดี ล่าสุดแนะนำรถใหม่ 2 รุ่น

“ออล-นิว จี๊ป แกรนด์ เชอเรอกี” และ “นิว 2024 จี๊ป แรงเลอร์ รูบิคอน”

ส่วน “SRA” อาจไม่คุ้นหูนักเพราะเป็นน้องใหม่ แต่เป็นค่ายสัญชาติไทย ที่ผลิตรถยนต์ย้อนยุค หรือวินเทจ ใช้ขุมพลัง EV

รูปทรงได้แรงบันดาลใจมาจากรถแข่งของ “พระองค์เจ้าพีรพงศ์ภาณุเดช” หรือพระองค์เจ้าพีระ เจ้าชายนักแข่งรถของไทยนั่นเอง

“เอสอาร์เอ หนุมาน 3” (SRA Hanuman 3) คือชื่อรถต้นแบบคันแรกของบริษัท สยามเรซซิ่ง ออโตโมบิลส์ จำกัด (Siam Racing Automobiles Co.,Ltd – SRA)

บริหารงานโดย พ.ท.ม.ร.ว.พีรานุพงศ์ ภาณุพันธ์ กรรมการบริหาร ทายาทพระองค์เจ้าพีระ

หนุมาน 3 ได้แรงบันดาลใจมาจากรถแข่งในอดีต เป็นแบบ 2 ที่นั่ง หน้ารถยาวกว่าปกติ ไฟหน้าทรงกลมแบบลอยตัว

ด้านท้ายเรียวเล็ก เพื่อให้ลู่ลม ล้อแม็กลายสวยจาก Lenso ส่วนระบบเบรกเป็นของ Nexzter

ออกแบบและพัฒนาโดยทีมงาน SRA ร่วมกับทีมวิศวกรยานยนต์ชั้นนำ ที่เคยอยู่กับค่ายรถสปอร์ตระดับตำนาน อาทิ Ferrari, Tesla, Toyota และ Jaguar Land Rover

รวมถึงทีมวิศวกรผู้สร้าง Honda NSX

ขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 430 กิโลวัตต์ พัฒนาร่วมกับบริษัท Acme Inter, Hoganas และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ขุมกำลัง 577 แรงม้า แรงบิด 525 นิวตันเมตร ความจุแบตเตอรี่ 60 กิโลวัตต์ชั่วโมง

ระยะทางวิ่งต่อการชาร์จ 400 กิโลเมตร น้ำหนักตัวรถ 800 กิโลกรัม

แบตเตอรี่คุณภาพสูงโดย Oska Holding

“เอสอาร์เอ หนุมาน 3” ออกมาเพื่อฉลองครบรอบ 110 ปี ของพระองค์เจ้าพีระ

ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 110 คัน

เริ่มต้นที่ราคา 6 ล้านบาท

ทดลองขับได้ภายในระยะเวลา 2 ปี และรับรถได้ภายใน 1-2 ปี

ถือเป็นรถรุ่นพิเศษสุดสุด และได้รับความสนใจจากนักสะสมทั่วโลก

ส่วนค่ายจี๊ป ที่ถือโอกาสใช้งานมอเตอร์โชว์ อวดโฉมรถใหม่ 2 รุ่น

เริ่มกันที่ตัวหรู “ออล-นิว จี๊ป แกรนด์ เชอเรอกี” เอสยูวี ที่ได้รับรางวัลมากที่สุด

เน้นความหรูหราสะดวกสบายแบบออน-โรด รูปลักษณ์ภายนอกบึกบึน กระจังหน้าแบบ 7 ช่อง ตกแต่งด้วยโครเมียม

ไฟหน้า LED พร้อมปรับไฟสูงอัตโนมัติ

ตัวรถแบบทูโทน หลังคาดำ

ภายในเน้นความหรูหราตกแต่งด้วยวัสดุระดับพรีเมียม

เบาะคู่หน้าหุ้มหนังแท้ Fine Grain คุณภาพสูง “ปาแลร์โม” (Palermo) ปรับทิศทางด้วยไฟฟ้า 12 ตำแหน่ง พร้อมระบบระบายอากาศและฟังก์ชั่นนวดแผ่นหลัง

ตกแต่งตามจุดต่างๆ ด้วยลายไม้วอลนัต

แดชบอร์ดเป็นจอระบบสัมผัสขนาด 10.1 นิ้ว ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ “Uconnect 5” รองรับ Android Auto และ Apple Car Play แบบไร้สาย

เครื่องเสียงระดับไฮเอนด์ “McIntosh” 19 ลำโพง พร้อมออปชั่นใหม่พิเศษหน้าจอระบบสัมผัสสำหรับผู้โดยสารตอนหน้า ขนาด 10 นิ้ว

ระบบปรับอากาศแบบ 4 โซน

หลังคาพาโนรามิกซันรูฟ 2 ส่วน

ขุมพลังปลั๊ก-อินไฮบริด เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ เทอร์โบ 2.0 ลิตร ผสานมอเตอร์ไฟฟ้า ทำได้ 381 แรงม้า

ระบบช่วงล่างถุงลม “คอดดร้า ลิฟต์” (Quadra Lift) และ Semi-active damping ปรับความสูงอัตโนมัติ

ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ “คอดดร้า แทร็ก ทู” (Quadra Trac II), “ซีเล็ก-เทอร์เรน” (Select-terrain)

มากับ 5 โหมดการขับ คือ Auto, Snow, Sand, Mud และ Rock

ระบบเฟืองท้ายขับเคลื่อนล้อหลังแบบไฟฟ้า (Electronic Limited Slip Differential Rear Axle)

เทคโนโลยีความปลอดภัย อาทิ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และหัวเข่า ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ จนถึงหยุดนิ่ง

ระบบเบรกไฟฟ้า “โฮลด์ แอน โก” (hold ‘n go)

กล้องแสดงมุมมองด้านหน้าและรอบคัน พร้อมโหมดแสดงภาพในที่มืด (Night Vision)

กระจกมองหลังดิจิทัล ปรับลดแสงอัตโนมัติ ฯลฯ

ด้านจี๊ป แรงเลอร์ รูบิคอน 4 ประตูกระจังหน้าแบบ 7 ช่องดีไซน์ใหม่ ทันสมัยและโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์

กระจกบังลมหน้าแบบ Gorilla Glass

ไฟหน้าทรงกลม Premium LED Lighting Group ประกอบด้วยไฟหน้าแบบสะท้อนแสงอันเป็นเอกลักษณ์ ไฟตัดหมอก และไฟ Daytime Running Lamps

ไฟท้ายที่สว่างสดใสยังช่วยเตือนผู้ขับที่เข้าใกล้จากด้านหลัง

ยกสูงเน้นด้วยแฟลร์บังโคลนตัวหนาที่ออกแบบมาเพื่อรองรับยางขนาด 35 นิ้ว

ช่องระบายอากาศสองช่องในกระโปรงหน้ารถช่วยให้เครื่องยนต์เย็นลง

ขณะที่รางหินตะขอลากสีแดง และป้าย Trail Rated สีแดง

กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า พร้อมระบบไล่ฝ้า

หลังคาแข็งสีดำ 3 ชิ้น Freedom Top สามารถถอดออก เช่นเดียวกับประตูรถสามารถถอดออกได้

แผ่นกันกระแทกบริเวณถังน้ำมันและระบบขับเคลื่อน

ภายในเบาะหนัง Nappa ปักโลโก้รูบิคอน เบาะผู้ขับปรับไฟฟ้า 12 ทิศทาง และ 8 ทิศทางสำหรับเบาะผู้โดยสารด้านหน้า

พวงมาลัยหุ้มหนังพร้อมกับระบบมัลติฟังชั่น

จอแสดงผลคลัสเตอร์ดิจิทัลข้อมูลไดรเวอร์ขนาด 7 นิ้ว

จอทัชสกรีน 12.3 นิ้ว ดีไซน์ใหม่ พร้อมระบบนำทาง Uconnect 5 รองรับการเชื่อมต่อ Apple Car Play และ Android Auto แบบไร้สาย

เครื่องเสียงระดับพรีเมียม ที่มีลำโพงเก้าตัวจาก Alpine มาพร้อมซาวด์บาร์เหนือศีรษะ ซับวูฟเฟอร์ และแอมปลิฟายเออร์ 552 วัตต์

ระบบ Auto Start / Stop

ระบบปรับอากาศควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ แบบ Dual Zone

เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหลังพับได้ 60/40

เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 4 สูบ 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 270 แรงม้า ที่ 5,250 รอบ/นาที แรงบิด 400 นิวตันเมตร ที่ 3,000 รอบ/นาที

ระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ผสานเพลาหลัง Dana แบบ Full Float Axle ใหม่

ความปลอดภัยและระบบช่วยขับขี่ อาทิ ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา ระบบเช็กดูสถานะของตัวรถ

ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชันและการควบคุมรถลงเนินลาดชัน

ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ

ระบบช่วยเตือนเมื่อมีสิ่งกีดขวางด้านหลัง

กล้องแสดงภาพด้านหน้าและหลัง

ระบบช่วยเบรก ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ฯลฯ

“ออล-นิว จี๊ป แกรนด์ เชอเรอกี” และ “นิว 2024 จี๊ป แรงเลอร์ รูบิคอน” ราคา 5.49 ล้านบาท •

 

ยานยนต์ สุดสัปดาห์ | สันติ จิรพรพนิต

[email protected]