โผทหาร เอฟเฟ็กต์ พลัง ตท.24 ยึด กลาโหม ฐานที่มั่นใหม่ ‘บิ๊กหนุ่ม’ ‘บิ๊กทิน’ รอมชอม! ‘ผบ.อ๊อบ’ วอร์มอัพ ทัพไทย

บัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารชั้นนายพลกลางปี ที่ประกาศออกมาเมื่อ 19 มีนาคมที่ผ่านมา จำนวน 233 นาย ถือเป็นการโยกย้ายตามสไตล์เล็กๆ ที่ไม่มาก และย้ายตำแหน่งหลักน้อย

แต่ที่ถูกวิจารณ์มากที่สุดคือ ในส่วนของสำนักปลัดกลาโหม ที่มี 58 นายนั้น เป็นการจัดแบบรวมทั้งในส่วนของสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม (สป.) และสำนักรัฐมนตรี รวมกันไปเลย

และพบว่า มากกว่าครึ่งหนึ่งเป็นนายทหารเตรียมทหาร 24 มากถึงร่วม 30 คน แถมรายชื่อเรียงติดกัน จนทำให้ สป.กลาโหม ถูกเรียกว่าเป็น ฐานที่มั่น ตท.24

ในบรรดาเพื่อนร่วมรุ่น ตท.24 ล้วนชื่นชม บิ๊กหนุ่ม พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกลาโหม และ บิ๊กอ๊อบ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผบ.ทหารสูงสุด ที่ช่วยเพื่อนร่วมรุ่น ตท.24 ให้ได้เลื่อนยศเลื่อนตำแหน่งก่อนจะเกษียณราชการ

เพราะมีรายงานว่า พล.อ.สนิธชนก และ พล.อ.ทรงวิทย์ เจรจากับ นายสุทิน คลังแสง ในการขอให้ ตท.24 ได้ลงตำแหน่งก่อน เพราะจะเกษียณกันยายนนี้กันเป็นส่วนใหญ่ บางคนยังไม่ได้เป็นนายพลเลย

นายสุทินเองก็เป็น รมว.กลาโหมพลเรือน ไม่มีรุ่น ไม่มีเหล่า และเห็นแก่ ผบ.เหล่าทัพ จึงยอมให้ปลัดกลาโหมดำเนินการ จนทำให้นายทหารในส่วนทีมงาน รมว.กลาโหม ผช.รมต. เลขาฯ รมว.กลาโหม ได้แค่ไม่กี่คนเท่านั้น หรือนายทหารที่นายสุทินใช้งานอยู่ ก็ต้องให้รอโผหน้าในอีก 6 เดือน

โดยที่บางตำแหน่ง ผบ.เหล่าทัพได้ขออนุมัติจาก นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เปิดอัตราเฉพาะตัวให้ แล้วพอเกษียณอัตรานี้ก็จะปิดไป

จะเห็นได้ว่า ในส่วนที่ได้พลเอก ตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมมี ตท.24 เรียงติดกันแบบยกหน้า ยกแผง ตั้งแต่ พล.ท.เอี่ยม น้ำจันทร์ พล.ท.เอกราช อมรวัลย์ พล.ท.จิระ เหล่าจิรอังกูร พล.ท.นิคม อุดมเลิศวนสิน ที่ปรึกษาสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม พล.ท.สุรัฐ สิริโกสินทร์ พล.ท.เอกกมล สินหนัง พล.ท.ชรัติ อุ่มสัมฤทธิ์ พล.ท.ภัทรศักดิ์ หอมทรง พล.ท.มาโนช อ้นจันทร์ พล.ท.เสนีย์ ศรีหิรัญ พล.ร.ท.อนุพงษ์ ทะประสพ

และพลตรีที่ได้เป็นพลโท ที่ส่วนใหญ่ถูกลืมอยู่ในกรุผู้ทรงคุณวุฒิ แล้วถูกดึงขึ้นมา ทั้ง พล.ต.ไชยศักดิ์ พรนิพัทธ์กุล เป็น หัวหน้านายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำรองปลัดกระทรวงกลาโหม พล.ต.พงศ์วิชญ์ คงทน เป็น หัวหน้านายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำรองปลัดกระทรวงกลาโหม พล.ต.ธานินทร์ ชัยวีรกุล พล.ต.ประสพโชค พงษ์ทองเจริญ และ พล.ต.จุลภพ ศรีวลัย ที่ได้ พลโทก่อนเกษียณ เป็น ที่ปรึกษาสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม

พล.ต.วีระพงษ์ คำสิทธิ์ พล.ต.สาธิต อูวิจิตร ได้เป็น ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม (อัตราพลโท) พล.ต.สุรชัย เชยกลิ่น พล.ต.อัมรินทร์ ทรงผาสุข พล.ต.ชาลี ไกรอาบ ผบ.มทบ.19 เป็น ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม (อัตราพลโท) พล.ต.พัลลภ รัตนอุดม พล.ต.วิเชียร ไทยประยูร พล.ต.กฤษณพงค์ พรหมการัตน์

และ ตท.24 ที่เพิ่งจะได้นายพลก่อนเกษียณ เช่น พ.อ.ปิยะ แคล้วรอดภัย น.อ.มาโนช อารีพงษ์ พ.อ.กิตติศักดิ์ ดวงกลาง พ.อ.ณัฐพงศ์ วานิกร พ.อ.ทินกร ประสีระเตสัง พ.อ.พสิษฐ์ มุขเพชร พ.อ.พิชาติ ผู้ภักดี พ.อ.สุรศักดิ์ สำราญบำรุง น.อ.ปรัชญา เลาะหนับ (ร.น.) น.อ.ระวิ พงษ์สุวรรณ (ร.น.)

มีเพียง เสธ.ยักษ์ พล.อ.ท.ธัชชัย คำเพิ่มพูล และ พล.อ.ท.วรชาติ ฟองชล ที่เป็น ตท.25 และเป็นทีมงานนายสุทิน ที่แทรกเข้ามา เป็น ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม (อัตราพลอากาศเอก)

และ พล.ต.พงศ์วิชญ์ คงทน จาก ตท.23 ได้เป็นพลโท เป็น หัวหน้านายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำรองปลัดกระทรวงกลาโหม และ พล.ต.อมรเดช พิชิตรณภูมิ (ตท.23) ได้เป็นพลโท ผู้ทรงคุณวุฒิสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ก่อนเกษียณ และ พล.ต.ธิติวัฒน์ ฐิติพบร่มเย็น (ตท.28) ผู้อำนวยการสำนักส่งกำลังบำรุงร่วม กรมส่งกำลังบำรุงทหาร เป็นพลโท ผู้ช่วยหัวหน้านายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำ รมว.กลาโหม

และ พล.ต.อภิสิทธิ์ บุศยารัศมี ตท.29 นายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำ รมว.กลาโหม ทีมเสธ. ตึกไทยคู่ฟ้ายุคบิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ยังมีตำแหน่งลง เป็น รองผู้อำนวยการสำนักพัฒนาระบบราชการกลาโหม

ส่วน เสธ.นุ้ย พล.ท.ฐิตวัชร์ เสถียรทิพย์ (ตท.29) ผู้ช่วยหัวหน้านายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำ รมว.กลาโหม ยุคบิ๊กตู่ หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรี PMOC ก็ถูกหมุนเวียน เป็น ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ สป. เป็นพลโทตามเดิม

แต่ก็พบว่า นายทหาร ตท.28 และ ตท.29 ขึ้นมาเป็นนายพลใหม่หลายคน ทั้ง พ.อ.ปฏิภาณ ศรีวรรณรัตน์ (ตท.28) เป็น นายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำ รมว.กลาโหม น.อ.ชูเกียรติ พงษ์ถาวร (ตท.28) เป็น นายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำ รมว.กลาโหม พ.อ.ปฐมฤกษ์ ไพบูลย์ (ตท.29) เป็น รอง ผอ.สำนักสนับสนุน สป.

ที่น่าจับตาคือ น.อ.พงษ์ชัย เอกวิทยาเวชนุกูล ที่เป็น ตท.36 เป็น นายพล นายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำ รมว.กลาโหม

อาจกล่าวได้ว่า พล.อ.สนิธชนกมีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือเพื่อนๆ ตท.24 เพราะเป็นคนถือโผ และจัดโผโยกย้าย ที่ทำให้เพื่อนๆ แฮปปี้ และเป็นการสะท้อนพลังของเตรียมทหารรุ่น 24 ที่มีผู้บัญชาการเหล่าทัพถึง 3 คน คือ พล.อ.สนิธชนก พล.อ.ทรงวิทย์ และบิ๊กไก่ พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผบ.ทอ.

ดังนั้น จึงทำให้มีการมองข้ามช็อตไปถึงการแต่งตั้งโยกย้ายในเดือนสิงหาคม-กันยายนนี้ ที่แคนดิเดต ตท.24 มีพลัง ทั้ง บิ๊กหยอย พล.อ.อุกฤษฎ์ บุญตานนท์ ผช.ผบ.ทบ. บิ๊กหนุ่ย พล.อ.ธราพงษ์ มะละคำ ผช.ผบ.ทบ. ที่ชิงเก้าอี้ ผบ.ทบ. และ เสธ.น้อย พล.ร.อ.วรวุธ พฤกษารุ่งเรือง เสธ.ทร. จาก ตท.24 ตัวเต็ง ผบ.ทร. คนใหม่

ที่ส่อเค้าว่า หากโยกย้ายทหารครั้งหน้า ทั้ง ผบ.ทบ. และ ผบ.ทร. เป็น ตท.24 ก็จะถือว่า ตท.24 ยึดแผงอำนาจกองทัพเบ็ดเสร็จ ทั้ง 5 เหล่าทัพ จะกลายเป็นแผงอำนาจที่แข็งแกร่ง

ในขณะที่นายสุทินเองก็รอมชอม ด้วยการยอมในส่วนกลาโหม แต่ในส่วน ทบ. ที่มีการขยับ พล.ต.วรพินิจ ขันธุปัฏน์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 23 เป็นพลโท ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก โดยมี พ.อ.กิตติพงษ์ เนื่องชมภู หลานชายนายสุทิน มาเป็นผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 23 แต่ก็ถือว่าโตมาตามไลน์

นายสุทินกล่าวว่า การร่วมจัดโผทหารครั้งแรกของตนเองในฐานะ รมว.กลาโหม ถือว่าเรียบร้อยดีและเหมาะสม การพิจารณาได้ผ่านกระบวนการที่ถูกต้องสมบูรณ์ ร่วมกันพิจารณาตามกฎเกณฑ์ และขั้นตอนทุกอย่าง เชื่อว่าน่าจะได้รับการยอมรับจากทุกคน ก็แล้วแต่ว่าใครจะมองอย่างไร

เพราะการแต่งตั้งนายทหารที่ใกล้ชิด เข้ามาทำงานในตำแหน่งนายทหารฝ่ายเสนาธิการนั้น ก็มีเพิ่มเติมบางส่วน แต่คงไม่ใช่การไล่คนเก่าออกไป แล้วเอาคนใหม่ที่เป็นคนของเราเข้ามาหมด ก็ผสมผสานกันไป คนเก่าที่ทำงานดีก็ให้อยู่ คนใหม่ที่จะมาเติมก็เอาเข้ามาหรือ บางคนที่อยากจะให้เขาเปลี่ยนก็ต้องพิจารณาตำแหน่งให้เขาไปอยู่ในที่เหมาะสม

“หากไม่มีตำแหน่งที่หมุนเวียนก็จะโยกย้ายไปไม่ได้ จะไปผลักไสไล่ส่ง หรือจะเอาเขาออกไปโดยที่เขาเสียโอกาส เสียสิทธิที่เขาจะได้ เราก็ไม่ทำ” นายสุทินแจง

แม้ว่าภาพของโผกลาโหมโผนี้จะเรียบร้อย รร.ตท.24 และสะท้อนเพาเวอร์ของ พล.อ.สนิธชนก ที่ยังเป็นที่พึ่งของเพื่อนและน้องๆ ได้เสมอ เพราะก็ยังช่วยสนับสนุนนายทหารในสาย 3 ป. ให้ยังคงได้เติบโต ในยุครัฐบาลผสมข้ามขั้ว ภายใต้ดีล 2 ขั้ว ที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทย นายกฯ และ รมว.กลาโหม จะไม่แทรกแซง ล้วงลูก ล้างบาง กองทัพ

ท่ามกลางกระแสข่าว การเปลี่ยน รมว.กลาโหม ก่อนการโยกย้ายครั้งหน้า หลังนายเศรษฐาได้พบกับแกนนำขั้วอนุรักษนิยมคนสำคัญเมื่อไม่นานมานี้ ที่เป็นหลักประกันว่า ดีลเดิมยังคงอยู่ และนายเศรษฐาจะเป็นนายกฯ ต่อไป ไม่มีเปลี่ยนแปลง แต่ที่จะเปลี่ยนคือ รมว.กลาโหม ที่ฝ่ายอนุรักษนิยมกำลังทวงดีลเรื่อง รมว.กลาโหม อยู่อย่างเข้มข้น

ขณะที่ในโผนี้ กองทัพไทยถูกจับตามองมากที่สุด เมื่อ พล.อ.ทรงวิทย์คืนความชอบธรรมให้ “รองจุ๊ฟ” พล.ท.ชิดชนก นุชฉายา รองผู้บัญชาการสถาบันวิชาการป้องกันประเทศ (สปท.) แกนนำ ตท.26 มาเป็นพลเอก ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองบัญชาการกองทัพไทย

ที่คาดกันว่า น่าจะเตรียมสำหรับการโยกย้ายตุลาคมนี้ ที่คาดว่า พล.ท.ชิดชนกจะขยับขึ้นเป็น เสนาธิการทหาร อัตราพลเอกพิเศษ และเข้าไลน์ ชิงเก้าอี้ ผบ.ทหารสูงสุด จากสายคอเขียว

ถือเป็นการคืนความชอบธรรม ในการให้กลับเข้าไลน์หลัก จากที่เคยเป็นเจ้ากรมยุทธการทหาร แต่ถูกขยับไปอยู่สายการศึกษา ในโผตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ คาดว่า บิ๊กจ่อย พล.อ.ธิติชัย เทียนทอง เสนาธิการทหาร จะขยับขึ้นเป็น รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด ในปีสุดท้าย ก่อนเกษียณในโยกย้ายตุลาคมนี้ รวมทั้งนายทหารระดับรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด และรองเสนาธิการทหารจะต้องปรับเปลี่ยนใหม่หมด

แต่ก็ไม่มีอะไรแน่นอน ว่า ผบ.ทหารสูงสุดคนต่อไป จะมาจากทหารคอเขียว

หรือจะกลับไปเป็นทหารคอแดง ต่อเนื่องกันเป็นคนที่ 3

ที่คาดว่าน่าจะเป็น พล.อ.ธราพงษ์ แคนดิเดต ผบ.ทบ.

ที่หากพลาดหวัง ก็ยังมีสิทธิลุ้นเป็น ปลัดกลาโหม หรือ ผบ.ทหารสูงสุด คนใหม่

รวมทั้งรอดูบทบาทของนายเศรษฐา ในการวางตัวขุมกำลังในกองทัพ เพื่อป้องกันความขัดแย้งในการชิงอำนาจ หลังจากที่โชว์เพาเวอร์ในการมีส่วนร่วมในการหย่าศึกสีกากี ที่ค่อนข้างเด็ดขาดอีกด้วย