NAD Master M66 & M23 Streaming DAC/Preamp. & Power-Amp.

มาทำความรู้จักชุดอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ทำงานร่วมกับ DALI Epikore 11 กันหน่อยนะครับ ซึ่งเป็นเครื่องในอนุกรม Master Series ของ NAD เครื่องแรกคือ M66 BluOS Streaming DAC/Preamplifier พัฒนาการล่าสุดของเครื่องในอนุกรมนี้ เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อไม่นาน

ได้ข่าวว่าเข้ามาบ้านเราล็อตแรกก็หมดไปในเวลาอันรวดเร็ว และมีความต้องการในตลาดสากลสูงมาก เวลานี้บ้านเราจึงยังต้องเปิดรับจองเป็นพรี-ออร์เดอร์อยู่

ราคาค่าตัวดูเหมือนจะอยู่ที่สองแสนกลางๆ ราวสองแสนห้า, อะไรแถวๆ นี้แหละครับ

Master M66 นั้น เมื่อเข้าไปดูในรายละเอียดแล้วพบว่าใส่อะไรต่อมิอะไรเข้าไว้ในเครื่องมากมาย และจำได้ว่าเคยอ่านผ่านตาจากสื่อตะวันตกพูดถึงเครื่องนี้ทำนองว่า โดยธรรมชาติส่วนใหญ่ของเครื่องเสียงแล้ว เมื่อผนวกคุณสมบัติเข้าไว้ในตัวมากๆ นี่ มักจะให้คุณภาพที่อ่อนด้อย เนื่องเพราะการทำงานของอุปกรณ์ภาคต่างๆ ที่ต้องเบียดเสียดเยียดยัดกันอยู่

แต่นั้นนำมาใช้กับเครื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด ด้วยมันให้คุณภาพเสียงออกมายอดเยี่ยมมากจากทุกๆ แหล่งที่มา

 

NAD บอกว่านี้เป็นเครื่องที่ก้าวล้ำที่สุดที่เคยนำเสนอออกมา ภายใต้ความเป็นเครื่องปรีแอมป์แบบแยกชิ้นสำหรับฟังเพลงในระบบเสียงสเตอริโอนั้น มันได้ผนวกคุณสมบัติทั้งในแง่ของการเป็นเครื่องสตรีมเพลงความละเอียดสูง (Hi-Res Audio) เป็นทั้งเครื่องแปลงรหัสสัญญาณดิจิทัลเป็นอะนาล็อก (DAC : Digital-to-Analogue Converter) ในระดับเครื่องแยกชิ้นของออดิโอไฟล์ที่ถูกนำมารวมเข้าไว้ในตัวถังเดียวกัน ที่ควบคุมการทำงานทั้งหมดผ่านแอพพลิเคชั่น BluOS อันทรงประสิทธิภาพ ทั้งยังให้การทำงานในแบบ Multi-Room ได้ด้วย

ใช้ชุดประมวลผลคุณภาพสูงสุดของ ESS Technology รหัส ES Sabre ES9038PRO DAC และรหัส ES9822PRO ADC พร้อมผนวกวงจร DDH : Dynamic Digital Headroom ซึ่งเป็นนวัตกรรมด้านการขจัดความพร่าเพี้ยนที่เกิดขึ้นขณะสัญญาณดิจิทัลถูกแปลงกลับเป็นสัญญาณอะนาล็อก (เรียกอย่างเป็นทางการว่าอาการ Inter-Sample Peaks บ้างก็เรียกว่า True-Peaks)

ทั้งยังมีอินพุตที่รองรับการเชื่อมต่อต่างๆ ให้อีกมากมาย ซึ่งนั้นรวมถึงภาค Phono MM/MC ที่ยอดเยี่ยม ให้การทำงานที่เงียบสงัดเป็นพิเศษ ทั้งยังมีการปรับสมดุลตามมาตรฐาน RIAA อย่างเคร่งครัดและแม่นยำ มีอัตราโอเวอร์โหลดสูง และยังได้ผนวกวงจรนวัตกรรมการระงับสัญญาณรบกวนอินฟราเรด ที่มักจะปรากฏขึ้นพร้อมกับการเล่นแผ่นเสียง และส่งผลเสียต่อรูปสัญญาณย่านความถี่ต่ำ จึงทำให้สามารถถ่ายทอดเสน่หาของน้ำเสียงจากแผ่นไวนิลออกมาได้ด้วยความสุนทรีย์ยิ่ง

นอกจากนี้ ยังมีพอร์ต HDMI eARC สำหรับการเชื่อมต่อกับ HDTV และมีอินพุต S/PDIF แบบ Coaxial สองชุด, Optical สองชุด, ดิจิทัล อินพุต แบบ Balanced AES/EBU หนึ่งชุด, อะนาล็อก อินพุต แบบ RCA สองชุด และแบบ Balanced XLR อีกหนึ่งชุด

ในส่วนของการเชื่อมต่อกับชุดหูฟังนั้น Master M66 มีภาคขยายหรือแอมปลิไฟเออร์เฉพาะ ซึ่งเป็นแบบที่มีเอาต์พุต อิมพีแดนซ์ ต่ำมาก และให้แรงดันเอาต์พุตสูงสุดที่สูงมาก ทำให้สามารถขับหูฟังแบบมอนิเตอร์ที่ใช้ในสตูดิโอได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังสามารถเชื่อมต่อกันแบบไร้สายผ่าน Bluetooth ที่รองรับ AAC, LDAC และ aptX HD

 

 

ทางด้านระบบแก้ไขสภาพห้องของ Dirac Live Room Correction นอกจากจะเป็นเวอร์ชั่นที่ปรับแต่งได้แบบเต็มแบนด์วิธด์แล้ว ยังได้ผนวกระบบ Dirac Live Bass Control ซึ่งช่วยให้สามารถควบคุมสับ-วูฟเฟอร์แต่ละตัวที่นำมาเชื่อมต่อในระบบได้อย่างเป็นอิสระ เพื่อได้การตอบสนองความถี่ที่ราบรื่น และสม่ำเสมออย่างทั่วถึงภายในห้องฟัง ซึ่งการผสมผสานการทำงานของระบบทั้งสอง จะช่วยให้ Master M66 นำเสนอประสิทธิภาพออกมาได้เต็มความสามารถ และช่วยให้ได้ประสิทธิผลที่เหนือชั้นกว่าระบบสเตอริโอ สอง-แชนเนล ใดๆ จะให้ออกมาได้เทียมเท่า

Master M66 มีเอาต์พุตสำหรับสับ-วูฟเฟอร์ให้ทั้งแบบ Balanced และ Unbalanced อย่างละสี่ชุด

นอกจากการมีโครงส้างภาพลักษณ์ที่แลดูมั่นคง หรูหรา ยังมีการควบคุมระดับเสียงแบบดิจิทัลที่มีความราบรื่น ให้ความนุ่มนวลเป็นพิเศษ ผนวกหน้าจอสัมผัส (Touch Screen) ขนาด 7 นิ้ว ที่ให้ความรู้สึกมีชีวิตชีวาด้วยการบ่งบอกสถานะการทำงาน และการแสดงผลในรูปแบบต่างๆ ได้อีกมากมาย Streaming DAC/Preamplifier เครื่องนี้ยังถึงพร้อมในคุณภาพทั้งทางด้านภาพ และเสียง รวมไปถึงการมีเทคโนโลยีที่เหมาะสมต่อการทำงานกับภาคขยาย หรือเพาเวอร์-แอมป์ประสทธิภาพสูงต่างๆ ได้ โดยไม่มีข้อจำกัดใดๆ ทั้งสิ้น

ในส่วนของแอพพลิเคชั่นหรือระบบปฏิบัติการ BluOS สามารถจัดการระบบเครือข่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ เข้าถึงผู้ให้บริการสตรีมมิ่งกว่า 20 บริการได้อย่างรวดเร็ว และรองรับข้อมูลความละเอียดสูงถึงระดับ 24-bit/192kHz โดยไม่มีการสูงเสียแต่อย่างใด ทั้งยังให้งานได้ง่าย สะดวก และรวดเร็ว ไม่ว่าจะจากแท็บเล็ตหรือสมาร์ตโฟนก็ตาม รวมทั้งทำงานกับไฟล์เสียงคุณภาพสูงอย่าง MQA : Master Quality Authenticated ได้เต็มรูปแบบ

อีกทั้งยังให้ใช้งานควบคุมแบบ Multi-Room ผ่านอุปกรณ์เครือข่ายที่รองรับ BluOS ได้สูงถึง 63 รายการ และทำงานร่วมกับระบบควบคุมภายในบ้านแบบอัจฉริยะ (Smart Home) เช่น Control4, Creston, ELAN, RTI, URC และอื่นๆ อีกได้อย่างง่ายดาย รวมไปถึงควบคุมการเล่นด้วยเสียงผ่าน Amazon Alexa หรือ Appe Siri ได้ด้วย

และเช่นเดียวกับเครื่องที่เป็นหัวใจหลักของระบบของ NAD ทุกชิ้น Master M66 ได้ถูกออกแบบมาในลักษณะ MDC : Modular Design Construction ที่พร้อมรองรับเทคโนโลยีใหม่ๆ ในอนาคตได้ โดยมี Slot สำหรับใส่โมดูล MDC2 ให้ถึงสองช่อง

จึงมิพักต้องเป็นกังวลว่าเมื่อมีเทคโนโลยีใหม่พัฒนาขึ้นมาแล้ว จะกลายเป็น ‘เครื่องตกรุ่น’ แต่อย่างใด จึงเป็นเครื่องที่พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพด้วยความสามารถใหม่ๆ ได้ตลอดเวลา

 

Master M66 มาพร้อมรีโมตคอนโทรล แบบ Premium IR

ส่วนอีกเครื่องที่ใช้สองตัวในการขับ DALI Epikore 11 คือ Master M23 HybridDigital Stereo Power-Amp. ใช้เทคโนโลยีในการออกแบบภาคขยายเสียงที่ล้ำสมัยที่สุดในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ซึ่งเป็นนวัตกรรมในการกำจัดความพร่าเพี้ยน (Distortion) ทั้งในแง่ของ Harmonic และ Intermodulation ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด นั้นคือสิ่งที่เรียกว่า Eigentakt ของ Purifi Audio ที่ทำให้ปลอดเสียงรบกวนอย่างสิ้นเชิง และให้สัมผัสได้ถึงรายละเอียดเสียงที่แม้จะยิบย่อยมีน้อยนิดขนาดไหนในการบันทึก ก็สามารถสื่อออกมาให้รับรู้ได้อย่างหมดจด

ให้กำลังขับปกติที่โหลด 8 โอห์ม ด้วยพลัง 200W/Ch และสูงถึง 380W/Ch,ที่โหลด 4 โอห์ม ซึ่งมากพอที่จะทำให้ลำโพงคู่ใดๆ สามารถถ่ายทอดทุกรายะเอียดเสียงออกมาได้อย่างเต็มที่ แต่ในกรณีนี้มันได้ถูกนำไป Bridged เพื่อให้ทำงานในรูปแบบของโมโน แอมป์ ทำให้ได้กำลังขับมากกว่า 700W ซึ่งนั้นมันมากเกินพอที่จะทำให้ DALI Epikore 11 เปล่งประสิทธิภาพออกมาได้สูงสุด เป็นการนำเสนอจินตนาการของการออกแบบลำโพงคู่นี้ออกมาให้รับรู้ได้อย่างจริงจัง

เพราะเมื่อถูกขับด้วย Master M23 สองเครื่อง ที่ให้การทำงานในระบบสเตอริโอแล้ว พลังโดยรวมที่ใช้เพื่อการนี้มันมากกว่า 1,400W นั่นเอง •

 

เครื่องเสียง | พิพัฒน์ คคะนาท

[email protected]