จาก กกต. ถึงศาล รธน. ยุบก้าวไกล ล้างเผ่าพันธุ์ อุดมการณ์เคลื่อนสู่พาหนะใหม่ การต่อสู้ไม่มีวันจบสิ้น

ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่า สถานการณ์ทางการเมืองที่คล้ายว่าอยู่ในภาวะซึมเซา กำลังจะกลับมาร้อนระอุอีกครั้ง

หลัง กกต.มีมติเอกฉันท์เสนอเรื่องพร้อมความเห็นให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบ “พรรคก้าวไกล” และตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค ที่ออกมาในช่วงบ่ายของวันที่ 12 มีนาคมที่ผ่านมา

จากกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์วินิจฉัยการกระทำของ “นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และพรรคก้าวไกล” ที่เสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา ม.112 และใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้ง ถือเป็นการเซาะกร่อนบ่อนทำลาย ใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เข้าข่ายเป็นความผิดมาตรา 92(1) พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560

กำลังจะปลุกไฟของผู้คนจำนวน 14 ล้านเสียง ที่กาเลือกพรรคก้าวไกลในคูหาเลือกตั้งเมื่อ 14 พฤษภาคม พ.ศ.2566 ให้กลับมาลุกโชนอีกครั้งหลังจากนี้

 

ก่อนหน้านี้กระแสข่าวลือการยุบพรรคก้าวไกลมีมาเรื่อยๆ แต่ทางพรรคก็ยังไม่หยุดเดินหน้าทำงานพร้อมกับการลงพื้นที่อย่างหนัก

อย่างล่าสุดลงพื้นที่จัดประชุมสมาชิกสัมพันธ์และผู้สนับสนุนพรรค แลกเปลี่ยนพูดคุยนโยบายและการทำงานระดับท้องถิ่นใน จ.มุกดาหาร

ช่วงหนึ่งของการพูดคุย มีผู้เข้าร่วมสอบถามกับ “ชัยธวัช ตุลาธน” หัวหน้าพรรคก้าวไกล ถึงกระแสการยุบพรรค

ซึ่งชัยธวัชเองได้ตอบคำถามว่าไม่อยากให้ทุกคนเครียดและกังวล เราต้องช่วยกันปกป้องพรรคอย่างเต็มที่ แต่ก็ต้องพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น

“อยากให้ทุกคนมองย้อนไปเพียง 5 ปีของอนาคตใหม่-ก้าวไกล เราสร้างความเปลี่ยนแปลงมาไกลมากแล้ว ทำลายความเชื่อที่ว่าการเมืองแบบก้าวไกลไม่มีทางชนะได้ลงไปโดยสิ้นเชิง เพราะฉะนั้น ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น อย่ากังวล สิ่งที่เราเผชิญหน้าอยู่นั้นเป็นเพราะเราสำเร็จมากและเร็วเกินไปสำหรับพวกเขา”

“เราไม่ได้ทำอะไรผิด ถ้าไปถามอาจารย์นิติศาสตร์ทั่วประเทศให้อ่านคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญแล้วทุกคนเกาหัวหมด ไม่รู้จะสอนหนังสือนักศึกษาอย่างไรแล้ว เอาหลักกฎหมายมาจับอธิบายไม่ได้”

“วันนี้เราต้องเผชิญคมหอกคมดาบ แน่นอนว่าหลายคนเหนื่อย เครียด กดดัน แต่ขอให้ดีใจ เพราะมันหมายความว่าเราต้องทำอะไรบางอย่างที่มีความสำคัญมากๆ มีนัยสำคัญจนกระทั่งเขาไม่อยากจะปล่อยเราไว้ จึงต้องจัดการเราทุกวิถีทาง”

“วันนี้การเติบโตของพรรคก้าวไกลไม่ได้เกิดขึ้นเพราะพิธาหรือชัยธวัช แต่เกิดเพราะทุกคน และมันจะเติบโตขึ้นไปอีก มีคนเลือกเรา 14 ล้านคน ไม่ว่าเขาจะทำอะไรกับพรรคก้าวไกล ขอให้เรามุ่งมั่นเดินหน้า ช่วยกันสร้างการเมืองแบบนี้ให้ลงหลักปักฐานมากยิ่งขึ้น ช่วยกันทำพรรคการเมืองนั้นให้เป็นพรรคการเมืองที่ประชาชนอยากเห็นให้ได้และเติบโตไปด้วยกัน” นายชัยธวัชกล่าว

เฉกเช่นเดียวกับ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ประธานคณะก้าวหน้า ที่ได้พูดถึงประเด็นนี้ในฐานะที่พรรคอนาคตใหม่เคยถูกยุบมาก่อน โดยระบุว่า การยุบพรรคไม่ทำให้พรรคก้าวไกลหนักใจ เชื่อว่าผู้สนับสนุนเข้าใจและพร้อมจะเดินทางต่อ

การยุบพรรคจะทำให้คนเห็นอกเห็นใจถึงความไม่เป็นธรรม ความไม่ถูกต้องที่ดำรงอยู่ในประเทศ

หากถามว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยกับอนาคตใหม่หรือไม่ ธนาธรกล่าวว่า “แล้วแต่ประชาชน แต่คณะก้าวหน้าและพรรคก้าวไกล มุ่งมั่นทำงานทุกวันให้ดีที่สุด เพื่อให้ประชาชนเห็นว่าพวกเราตั้งใจจริงที่จะเปลี่ยนประเทศ ให้ประเทศไทยดีกว่านี้ ให้ประชาชนเข้าถึงคุณภาพชีวิตที่ดี”

มาทางฝั่ง ส.ส.ชุดปัจจุบันอย่าง “พริษฐ์ วัชรสินธุ” ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะโฆษกพรรคก้าวไกล ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการ The Politics ข่าวบ้านการเมือง มติชนทีวี ยืนยันพรรคลุยสู้เกมยุบพรรคเต็มที่ และจะเดินหน้าต่อไม่มีแตกแถว ถึงยุบพรรคได้ แต่จะไม่สามารถยุบความคิดและอุดมการณ์ของผู้คนได้

พริษฐ์กล่าวว่า ตั้งแต่มีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญออกมาเกี่ยวกับเรื่องคดีล้มล้างการปกครอง เราก็รู้อยู่แล้วว่าสิ่งหนึ่งที่มีความเป็นไปได้ว่าจะตามมา คือการที่ กกต.จะยื่นเรื่องยุบพรรค

ดังนั้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้ ถ้ามองในภาพรวมก็อาจจะไม่ได้เป็นอะไรที่เกินคาดการณ์หลังจากที่มีคำวินิจฉัยออกมา ทีมกฎหมายของพรรคก็ได้มีการทำงานกันมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะทำเต็มที่ในการพิสูจน์และปกป้องไม่ให้พรรคถูกตัดสินในลักษณะที่เป็นการยุบพรรค

แต่ก็ต้องยอมรับว่าวันนี้ในเชิงกระบวนการมีข้อสังเกตเกิดขึ้น ว่ามันอาจจะมีความรวบรัดมากกว่าที่คาดการณ์ไว้เล็กน้อย ในมุมที่ กกต.ตัดสินใจยื่นเรื่องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญเลย ไม่ได้มีการเปิดพื้นที่ให้ทางพรรคก้าวไกลเข้ามารับทราบข้อกล่าวหาหรือชี้แจงข้อเท็จจริง ข้อโต้แย้งที่เรามี

แต่ไม่ว่าอย่างไร พรรคก้าวไกลก็จะพยายามเต็มที่ในการชี้แจงความบริสุทธิ์ของเรา

“ผมคิดว่าถ้ามองเรื่องนี้ให้ใหญ่กว่าก้าวไกล ประเด็นที่หนึ่งผมต้องบอกว่าการที่เราจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเรา มันไม่ได้เป็นไปเพื่อจะรักษาอนาคตของพรรคไม่ให้ถูกยุบเพียงอย่างเดียว แต่เรายืนยันว่าสิ่งที่เราทำไป มันไม่ได้มีอะไรที่เป็นการกระทำที่ผิด เราไม่ได้มีเจตนาในการล้มล้างการปกครองหรือเข้าข่ายฐานความผิดที่จะนำไปสู่การยุบพรรค”

“ฉะนั้น การพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเรา หากกระทำสำเร็จก็จะเป็นการสร้างบรรทัดฐานที่เราคิดว่าควรจะเป็นสำหรับอนาคตการเมืองไทยและของพรรคการเมืองในอนาคตด้วย”

“ส่วนประเด็นที่สอง ผมคิดว่าจำเป็นต้องพูดเหมือนกัน คือเรามีหลักการหรือแนวคิดมาโดยตลอดว่า เราไม่อยากจะให้การยุบพรรคเป็นเรื่องปกติของการเมืองไทย เราไม่ปฏิเสธว่าข้อเท็จจริงที่ผ่านมา ไม่ใช่แค่อนาคตใหม่หรือตอนนี้ที่มีการพูดถึงคือก้าวไกล เราเห็นว่าที่ผ่านมาการยุบพรรคเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในบริบทของการเมืองไทย”

“ซึ่งในมุมมองของก้าวไกล เรามองว่าท้ายที่สุดแล้วเราต้องการให้มันมีระบบนิเวศของการเมืองที่ทำให้พรรคสามารถเติบโตขึ้นมาเป็นสถาบันการเมืองได้”

 

เมื่อถามว่าทางพรรคได้เตรียมการรับมืออย่างไรกับมติของ กกต.ที่ออกมานั้น โฆษกพรรคกล่าวว่า ยังไม่อยากให้ด่วนสรุปและเราก็จะทำอย่างเต็มที่

“ถ้าเปรียบเหมือนเกมฟุตบอล มันยังไม่มีการเป่านกหวีดหมดเวลา เราก็ต้องทำเต็มที่ต่อไปทุกวิถีทางที่เราทำได้ อย่างที่บอกมันไม่ได้ส่งผลต่อชะตากรรมของก้าวไกล แต่มันจะสร้างบรรทัดฐานกับการเมืองไทยในอนาคตด้วย ไม่ว่าจะยุบหรือไม่ยุบ เราก็มีแผนในการเดินหน้าต่อในการพยายามจะผลักดันวาระการเปลี่ยนแปลงที่เราตั้งเป้าไว้”

“ผมพูดมาตลอดว่าท้ายที่สุดแล้วถึงแม้จะมีการยุบพรรคเกิดขึ้นหรือกรณีใดๆ ก็ตาม สิ่งที่ไม่มีทางยุบได้เลยคือชุดความคิดที่มันหลอมรวมคนที่เป็นสมาชิกหรือผู้สนับสนุนพรรค ชุดความคิดนี้ยังไงมันก็ต้องมียานพาหนะที่จะนำพาและขับเคลื่อนต่อไปในการเมืองไทย”

“ผมเชื่อมั่นว่า ส.ส.ของพรรคก้าวไกลจะเดินหน้าต่ออย่างเป็นเอกภาพด้วยสองเหตุผล หนึ่งผมคิดว่าตั้งแต่ก่อนจะมีการเลือกตั้งที่พรรคเปิดรับผู้สมัคร ส.ส. ผมคิดว่าพรรคก้าวไกลมีความชัดเจนมาโดยตลอดว่าพรรคยืนหยัดเพื่อคุณค่าอะไร มีจุดยืน อุดมการณ์แบบไหน มีภาพอนาคตประเทศไทยที่อยากเห็นเป็นอย่างไร ฉะนั้น เหตุผลที่หนึ่งในมุมที่ทุกคนที่เดินเข้ามาในพรรคก้าวไกล มายื่นใบสมัครเป็น ส.ส. ผมคิดว่าเขามีความเชื่อที่สอดคล้องกับพรรคอยู่แล้ว”

“ส่วนเหตุผลที่สอง ผมคิดว่าทุกคนที่เข้ามาสมัครเป็น ส.ส. ก็ย่อมรู้อยู่แล้วถึงความเสี่ยงในเรื่องของนิติสงครามที่มันเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้ แม้กระทั่งกับพรรคอนาคตใหม่ก็ด้วย ดังนั้น ผมคิดว่า ส.ส.ของพรรคก็คาดการณ์ได้ล่วงหน้าว่ามันอาจจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคต ดังนั้น ก็คงไม่ได้เป็นอะไรที่แปลกประหลาดหรือเกินจินตนาการที่จะคาดการณ์ได้”

ก่อนจะย้ำทิ้งท้ายว่าหากเกิดกรณีเลวร้ายขึ้นมาจริงๆ ก็ยังเชื่อมั่นว่าพรรคก้าวไกลจะเดินหน้าต่ออย่างมีเอกภาพ ไม่แตกแถวอย่างแน่นอน