คู่รักวันธรรมดา | เรื่องสั้น : ขวัญเรียม จิตอารีย์

เรื่องสั้น | ขวัญเรียม จิตอารีย์

คู่รักวันธรรมดา

 

1

“ถ้าเราได้ไปเที่ยวต่างประเทศบ้างก็คงดีเนาะ” แฟนสาวพูดขึ้นในวันหนึ่ง วันที่ตัวเธอเองก็จำไม่ได้ ตอนนั้นพวกเขากำลังนั่งกินข้าว ทีวีจอยักษ์ในร้านอาหารกำลังฉายภาพทุ่งดอกไม้หลากสีสัน บ้านเรือนสีขาวสบายตาเรียงรายในแอ่งที่ราบมีเทือกเขาโอบล้อม น้ำในทะเลสาบสะท้อนเงาปุยเมฆขาวตัดกับท้องฟ้าครามเข้ม เสียงที่เปิดไว้ให้พอได้ยินบอกว่า สวิตเซอร์แลนด์เป็นประเทศที่งดงามเพียงใด ภาพขบวนรถไฟสีแดงแล่นผ่านใจกลางเทือกเขาแอลป์สะท้อนในดวงตาของเขา ขณะเธอก้มหน้าตักอาหาร ชายหนุ่มจำบทสนทนาหลังจากนั้นไม่ได้ แต่ความคิดเรื่องไปเที่ยวต่างประเทศได้ปักหมุดในหัวเขาแล้ว

ทำไมชายหนุ่มถึงสนใจการไปเที่ยวต่างประเทศ สามปีที่เขาย้ายงานจากเมืองหลวงมาที่นี่ ชีวิตการทำงานดูแลระบบข้อมูลของหน่วยงานรัฐไม่ได้สร้างความท้าทายหรือแรงกระเพื่อมใดแก่ชายหนุ่มวัยสามสิบห้า ผู้เรียนจบวิศวกรรมคอมพิวเตอร์จากมหาวิทยาลัยชั้นนำ ทำงานโปรแกรมเมอร์มาหลายบริษัท ชีวิตเคยแข่งขันรีบเร่งเหมือนพายเรือในกระแสน้ำเชี่ยวมาตลอด กลับต้องมาลอยเรือกลางทะเลสาบอันเงียบสงบในเขตเมืองทางเหนือ

คำว่า “เที่ยวต่างประเทศ” จึงเป็นเหมือนหางเสือให้เขาได้ตั้งหลักประคับประคองตัวเอง การงานช่วงแรกๆ มันก็ดีอยู่หรอก ชีวิตไม่วุ่นวาย ไม่ต้องแข่งขัน เขากลายเป็นข้าราชการประจำตามที่พ่อแม่วัยชรามุ่งหวัง มีสวัสดิการรักษาพยาบาลฟรีให้พ่อแม่ ได้พักแฟลตราชการ ไม่ต้องเช่าห้องพักเองเหมือนก่อน เงินเดือนอาจไม่ได้เท่าพนักงานบริษัท แต่คนรอบข้างบอกว่าในระยะยาวเขาปลอดภัยกว่า

“ไม่กี่ปีหรอกประเทศนี้ล่มแน่” เพื่อนคนหนึ่งคาดการณ์ด้วยน้ำเสียงหนักแน่นในวงเหล้าหลังการรัฐประหารเกิดขึ้นไม่นาน “อย่าขี้ตื่นไปหน่อยเลยน่า” เพื่อนอีกคนขัดคอด้วยยังลำพองในสถานะการงานและการเงินของตน “แต่มันก็ไม่แน่นะ” อีกคนแย้งกลับ หลายคนพยักหน้าเห็นด้วยและส่ายหัวเห็นต่าง ฤทธิ์แอลกอฮอล์กระตุ้นวงสนทนาให้ออกรส ดุเดือด

เขายังจำคืนวันเหล่านั้นได้ ไม่กี่ปีต่อมาเค้าลางที่ว่าเริ่มปรากฏ บริษัทเอกชนเลิกจ้างพนักงานเพิ่มขึ้นทุกปี ภาพพนักงานฝ่ายผลิตกอดคอกันร้องไห้หน้าประตูโรงงานปิดล็อกคล้องกุญแจมีให้เห็นบ่อยขึ้น นักลงทุนต่างชาติย้ายฐานการผลิต ชีวิตคนวัยทำงานส่วนใหญ่ตกอยู่ในความไม่แน่นอน คนหนุ่มสาวเรียนจบโดยไร้งานรองรับ

แต่สำหรับที่นี่ไม่มีใครกังวลเรื่องนี้ เขาอาจโชคดีแล้วก็ได้ เพื่อนฝูงหลายคนยังหางานแข่งกับเด็กเพิ่งเรียนจบ บ้างออกมาค้าขาย ร่วงมากกว่ารุ่งไปตามๆ กัน ยิ่งคนมีลูกด้วยแล้วแค่พาครอบครัวไปให้รอดยังยาก เรื่องท่องเที่ยวพักผ่อนแทบไม่ต้องพูดถึง

 

2

เสาร์อาทิตย์นี้แทนที่ชายหนุ่มจะขับรถกลับไปเยี่ยมพ่อแม่ที่ต่างจังหวัด เขากลับนั่งเล่นเกมออนไลน์อยู่ในห้อง ส่วนแฟนสาวผู้ทำงานเป็นครูโรงเรียนรัฐต้องไปงานสัมมนา เพราะทางโรงเรียนไม่อยากให้เสียเวลาวันสอนปกติ เขาเล่นเกมอยู่ค่อนวันจนคร้านจะเล่นต่อ เกมไหนก็ดูน่าเบื่อไปหมด ถ้าแฟนสาวอยู่เธอคงชวนเขาตระเวนร้านกาแฟตามรีวิวในโลกออนไลน์ แล้วมันก็ผ่านไปอีกสัปดาห์หนึ่ง พวกเขาไม่ได้คลั่งไคล้การดื่มกาแฟมากมายนักหรอก แค่เป็นกิจกรรมเติมสีสันวันหยุด ช่วยกั้นขอบเขตการงานออกไปบ้าง วันหยุดจะได้เป็นวันหยุด และแฟนสาวได้เป็นหญิงสาวธรรมดา

บางครั้งพวกเขาก็นอนดูซีรีส์กันทั้งวันทั้งคืน เริ่มตั้งแต่เย็นวันศุกร์ กว่าจะรู้สึกตัวว่าชีวิตจริงหวนคืนสู่ร่างก็ตอนค่ำวันอาทิตย์หลังกินข้าวด้วยกันเสร็จ เธอเริ่มบ่นถึงงานที่รออยู่ มันทำให้งานสอนทำได้ไม่เต็มที่ แต่ใครๆ ก็ต้องทำงานเกินหน้าที่ด้วยกันทั้งนั้น เป็นข้าราชการครูโรงเรียนรัฐนี่ เธอถอนหายใจปลงตก

เขาเข้าใจความรู้สึกของเธอดี การงานที่มั่นคงเหล่านี้ลดทอนศักยภาพของเขาไปไม่น้อยเช่นกัน คิดแล้วก็ชวนให้นึกถึงงานบริษัท คนทำงานงานต่างเร่งพัฒนาตัวเอง กำหนดเป้าหมายใหม่ๆ โจทย์งานที่ท้าทาย เพื่อนร่วมงานที่กระตือรือร้น

ชายหนุ่มยังจำทริปญี่ปุ่นกับเพื่อนร่วมทีมเมื่อหลายปีก่อนได้ หูตาเขาเปิดกว้างขึ้นมาก ฟุ้งฝันถึงการเป็นประเทศพัฒนา ขนส่งสาธารณะทันสมัย บ้านเมืองเป็นระเบียบ เทคโนโลยีก้าวล้ำ ตอนนั้นเขายังหนุ่มแน่นกว่านี้ วัยหนุ่มผ่านไปเหมือนชายชราผู้เพิ่งตื่นจากฝัน ยกมือลูบใบหน้าเหี่ยวย่นในกระจก ผมขาวชี้เด่ขึ้นมา พอจะดึงออกต้องชะงักมือไว้ เมื่อพบว่ามีอีกไม่รู้กี่เส้น ผู้คนรอบตัวแก่ชราลง บ้างเจ็บป่วย บ้างก็ตายจากไป เวลาหมุนเร็วจนเหลือเชื่อ การงานก็แค่สิ่งที่ต้องทำให้ผ่านพ้นไปในแต่ละวัน

นี่คืออาการที่เกิดขึ้นกับชายหนุ่มและเขาต้องรีบกำจัดมันออกไป

การติดตามยูทูบเปอร์ท่องเที่ยวทำให้เขารู้ว่าการเดินทางง่ายกว่าที่คิด ถ้าจะไปเที่ยวประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนาม อินโดนีเซีย กัมพูชา เขาสามารถจองตั๋วเครื่องบินแล้วบินไปในวันหยุดได้เลยทันที ใช้วันลาพักร้อนเพิ่มเข้ามาอีกก็ยังได้

แล้วแฟนสาวล่ะ เธอต้องไปอบรมหลักสูตรช่วงวันหยุดอีกหรือเปล่า เขาปัดปฏิทินบนหน้าจอสมาร์ตโฟน มองหาวันหยุดในแต่ละเดือน ปัดแค่ไม่กี่ทีวันสิ้นปีก็มาถึง ปีใหม่มาเยือนอีกครั้ง ทำไมเวลาเดินเร็วอย่างนี้ เขาคิดใคร่ครวญถึงเวลาในอนาคตที่ดูเหมือนจะแน่นอนนั้น คิดฝันถึงการเดินทางสู่มาชูปิกชูในเปรู เพตราในจอร์แดน พีระมิดในอียิปต์ รวมไปถึงการนั่งดูซากสังขารลอยตามแม่น้ำคงคาริมฝั่งเมืองพาราณสี

หากยังเป็นไปไม่ได้ในเร็ววันนี้ เขาอาจไปนครวัดนครธมใกล้ๆ นี้ก่อน ตอนนี้เขาไม่ได้นอนมองฟ้าในเรือน้อยกลางทะเลสาบอีกต่อไปแล้ว แต่กำลังหัดพายเรือในจังหวะและท่วงท่าใหม่ ค้นหาทางออกสู่โลกอีกครั้ง

 

3

ค่ำวันอาทิตย์ แฟนสาวโบกมือให้จากหน้าประตูกระจกทางเข้าแฟลตข้าราชการครู เธอหันมายิ้มก่อนสะพายเป้เดินหายลับ ชายหนุ่มขับรถกลับด้วยความรู้สึกกระปรี้กระเปร่า ทริปกางเต็นท์นอนริมแม่น้ำกับกลุ่มเพื่อนก็ไม่เลวนัก การนัดหมายครั้งต่อไปตามมาทันที หนุ่มรุ่นน้องกำลังเห่อการแคมปิ้ง ซื้อหาอุปกรณ์จากร้านค้าออนไลน์มาไม่น้อย ไม่น่าเชื่อว่าตอนนี้เศรษฐกิจกำลังตกต่ำ คนตกงาน บ้านเมืองเต็มไปด้วยความขัดแย้ง คนจนมีแต่จะเพิ่มขึ้น แต่กระแสแคมปิ้งกลับผุดขึ้นในกลุ่มคนวัยทำงานเหมือนอยู่กันคนละโลก

มันคือการหลบหนีความจริงหรือเปล่านะ? ชายหนุ่มคิดขณะขนสัมภาระขึ้นห้องพัก ไม่มีใครหลีกหนีอะไรนี่ ชีวิตพวกเขายังปกติ ไม้ใบด่างที่เคยได้รับความนิยมจนราคาพุ่งพรวดก็ถึงเวลาดิ่งลงอย่างรวดเร็ว เพื่อนผู้ชื่นชอบการวิ่งเทรลยังซื้อรองเท้าวิ่งรุ่นล่าสุด ยังมีสเก๊ตบอร์ด เซิร์ฟสเก๊ตที่วัยรุ่นวัยทำงานซื้อหามาเล่นกันจนของขาดตลาด ไหนจะกระแสการชงกาแฟดริปที่ไม่ว่าใครก็ต้องหัดกันอีก

แผนการท่องเที่ยวของเขายังดำเนินไปอย่างที่ควรจะเป็น ข้อมูลการเดินทาง แหล่งท่องเที่ยว ที่พัก ค่าใช้จ่าย เทศกาล และฤดูกาลของประเทศที่สนใจ ถูกตระเตรียมไว้เพื่อจะได้วางแผนถูกต้อง เมื่อลองเปรยกับแฟนสาว เธอก็ดูสนใจดี อาจเป็นช่วงปิดเทอมใหญ่ก็ได้นะ เธอรับปากร่วมแผนการ พวกเขายังไม่รีบร้อน เวลาจะยังทอดยาวออกไปจนกว่าเขาจะปักหมุดในแผนที่

“คงจะดีกว่า ถ้าฉันได้ย้ายประเทศ” สมาชิกคนหนึ่งโพสต์ขึ้นหน้าเพจกลุ่ม ตามมาด้วยความคิดเห็นล้นหลามจากสมาชิก บ้างเห็นด้วยถ้าจะย้ายไปประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างแคนาดา สวิตเซอร์แลนด์ สวีเดน บ้างเอาแต่ละด้านมาเปรียบเทียบกับประเทศตัวเอง อย่างรัฐสวัสดิการและความก้าวหน้าในอาชีพ แต่ก็มีไม่น้อยบอกว่า อยู่บ้านเราก็ดีอยู่แล้วจะไปเริ่มต้นที่อื่นทำไม เธอไม่ควรดูถูกประเทศตัวเองนะ บ้างว่าเธอตั้งใจป่วนให้กลุ่มแตกแยก

เพียงชั่วข้ามคืน ประเด็นอยากย้ายประเทศได้กลายเป็นกระแสร้อนแรงในโลกออนไลน์ มีการตั้งเพจคนอยากย้ายประเทศขึ้น มีผู้ที่ย้ายสำเร็จมาชี้แนะแนวทางด้วย ชายหนุ่มอยากรู้จึงเข้าร่วมกลุ่ม คนในสำนักงานต่างพูดถึงกระแสอยากย้ายประเทศ ไม่เว้นแม้แต่คนที่ชอบพูดติดปากว่าช่วงนี้ไม่ได้ค่อยสนใจการเมือง ก่อนจะก้มหน้าก้มตาทำงาน แยกย้ายกลับเมื่อเวลาเลิกงานมาถึง

ผ่านไปไม่กี่วันพวกเขาก็ตกลงในกระแสใหม่ ขณะชีวิตยังคงเดิมเหมือนเช่นเป็นมา

ชายหนุ่มก็ไม่ต่างจากคนอื่นๆ เขาสนใจแค่การท่องเที่ยวต่างประเทศ ไม่ได้ต้องการโยกย้ายไปไหน ประเทศไม่ได้เลวร้ายจนถึงขนาดต้องอพยพลี้ภัยเหมือนแถบตะวันออกกลางที่มีกลุ่มก่อการร้าย มีสงครามกลางเมือง เขาเชื่อว่าอีกไม่นานเศรษฐกิจจะฟื้นตัวดีขึ้น ฝ่ายประท้วงต่อต้านรัฐบาลจะค่อยๆ สงบลง

ประเทศไม่ถึงขั้นเป็นเผด็จการทหารเบ็ดเสร็จเช่นฝ่ายต่อต้านโจมตี โอกาสเลือกตั้งครั้งใหม่ยังมีอยู่ พอเลือกตั้งเสร็จอะไรๆ ก็คงดีขึ้น เรือน้อยของเขายังลอยลำอย่างสงบ

แล้วจู่ๆ เพื่อนจากที่ทำงานเดิมก็โทร.มาแจ้งข่าวว่าจะไปปักหลักที่เยอรมนีอีกสามเดือนข้างหน้า มีงานรออยู่แล้ว ภาษาพอได้ ค่อยไปเรียนเพิ่มที่โน่น “ประเทศนี้มันไม่มีความหวัง เค้าตั้งโปรแกรมทุกอย่างเอาไว้แล้ว อีก 20, 30 ปีไม่รู้จะเปลี่ยนได้ไหม แต่มึงเป็นข้าราชการ ไม่น่าจะลำบากมาก”

คำพูดของเพื่อนยังดังก้อง ใช่ ตัวเขาคงไม่ลำบาก พร้อมกันนั้นพื้นเรือก็ดูเหมือนจะโคลงเคลงขึ้นมาทันที ไม่นานมานี้เขาเพิ่งได้ยินข่าวซุบซิบของผู้อำนวยการเขตกับเลขาฯ สาวคนสนิท คนที่ชวนเขามาลองสอบคัดเลือกเข้าทำงานตำแหน่งนี้ เธอเป็นลูกพี่ลูกน้องของเขาเอง

คำว่า “โปรแกรม” ผุดขึ้น เขาเงียบงำไว้ ไม่บอกแม้แต่แฟนสาว หากเรือรั่ว ทะเลสาบนี้ไม่ใช่ทางออกสู่ทะเล เขาคงไม่อาจออกเดินทางสู่โลกได้

โปรแกรมความกลัวได้เริ่มทำงานแล้ว

 

4

ทุ่งดอกไม้ผลิบานที่ชายหนุ่มค้นหาเปิดเผยตัวเองผ่านใบหน้าของหญิงเหล่านั้น ทั้งเด็กสาว แม่บ้านและหญิงสูงวัย เขากำหมุดในมือไว้แน่น มองพวกเธอร้องไห้คร่ำครวญ น้ำตาอาบนองใบหน้า ยิ่งอีกคนเจ็บปวดรวดร้าวมากเท่าใด อีกคนยิ่งฟูมฟายมากยิ่งกว่า เสียงร้องไห้ดังระงมราวหัวใจแหลกสลาย ส่งต่อความอาดูรสูญสิ้นแด่โศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ของคิม อิล ซุง ท่านผู้นำคนแรกของเกาหลีเหนือ และคิม จอง อิล บุตรชายคนโตผู้เป็น “บิดาที่รัก” ของประชาชน สองพ่อลูกผู้กลายมาเป็นอนุสาวรีย์เคียงคู่กัน เป็นรูปภาพที่ติดอยู่ทุกหนแห่ง เป็นสายตาที่คอยจับจ้องประชาชนทุกคน แม้กระทั่งหน้าบ้านหรือริมระเบียงจะต้องมีดอกไม้ประจำตัวผู้นำทั้งสองตั้งวางไว้ให้ระลึกถึง

ชายหนุ่มตัดสินใจปักหมุดลงที่เกาหลีเหนืออย่างไม่ลังเล

ข้อมูลบอกว่า เขาสามารถเดินทางโดยเครื่องบินของสายการบินแห่งชาติเกาหลีเหนือและจีนมุ่งสู่กรุงพยองยางหรือเปียงยางได้โดยตรง หรือจะบินเข้าจีนก่อนแล้วไปต่อรถไฟ เครื่องบินในจีนข้ามแดนไปก็ได้ หรือไม่ก็นั่งเครื่องบินไปลงรัสเซีย แล้วนั่งรถไฟจากมอสโกสู่กรุงเปียงยางก็ได้เช่นกัน

ทุกปีมีคนต่างชาติเดินทางเข้าไปท่องเที่ยวในเกาหลีเหนือมากขึ้น โดยเฉพาะชาวจีนแผ่นดินใหญ่ที่ต้องการย้อนความทรงจำถึงสาธารณรัฐประชาชนจีนยุค 70 จึงต้องเดินทางเข้าสู่สาธารณรัฐประชาธิปไตยเกาหลี แล้วเขาต้องการสิ่งใด?

ชายหนุ่มบอกแฟนสาวว่า ถ้าเป็นประเทศอื่นเราจะไปเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ถ้าเกาหลีเหนือปิดประเทศ จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม โอกาสเข้าไปเที่ยวจะหายวับ เธอพยักหน้ารับทราบ แต่ไม่ยอมรับ เธอไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเสี่ยงไปเที่ยวในที่แบบนั้นด้วย ไม่มีสิ่งใดน่าสนใจสำหรับเธอเลยสักนิด แฟนสาวบ่นกับตัวเองในใจ เธอมองเห็นความมุทะลุแปลกๆ ในแววตาชายคนรัก

เรื่องราวความรักของนักธุรกิจสาวชาวเกาหลีใต้ผู้มั่งคั่งกับทหารหนุ่มชาวเกาหลีเหนือ อันมีเหตุมาจากเครื่องร่อนของนางเอกปลิวไปตกในเขตพรมแดนเกาหลีเหนือ จบลงในเสาร์อาทิตย์นี้ด้วยการดูซีรีส์แบบมาราธอนสองวันติด แฟนสาวซื้อรามยอนกับกิมจิมาเป็นเสบียงด้วย หนังสนุกเหมือนที่อวยกัน พระเอกขึ้นแท่นสามีแห่งชาติ สาวน้อยสาวใหญ่โดนตกเป็นสหายผู้กองถ้วนหน้า แฟนละครเกาหลีใต้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่าสร้างภาพสังคมเกาหลีเหนือให้ดูดีเกินจริง ทั้งเรื่องความเป็นอยู่ของชาวบ้าน เทคโนโลยีและความทันสมัยของเมืองหลวง

“ละครมันก็ดูโรแมนติกดีหรอก แต่มันไม่น่ากลัวไปหน่อยเหรอ” แฟนสาวยังแข็งแกร่งเกินกว่าจะถูกโน้มน้าวด้วยสื่ออันทรงพลังจากเกาหลีใต้ “ถ้าเผลอเรียกพี่ว่าโอปป้า* โดนจับขังคุกเลยนะ” เธอเย้าแหย่ เขาทำได้แค่หัวเราะหึๆ มันก็จริงอย่างที่เธอว่า “หนูจะไปเที่ยวเกาหลีใต้ แล้วโอปป้าไปเกาหลีเหนือนะ นัดเจอกันตรงจุดแบ่งเขตประเทศ เส้นขนานที่ 38 เลยละกัน” เธอพูดก่อนจะหายเข้าไปในครัว

เขายังครุ่นคิดถึงเกาหลีเหนือ การแสดงร้องเพลงของเด็กเกาหลีเหนือที่แฟนสาวไม่ชอบ เด็กหญิงวัยห้าหกขวบสวมชุดฮันบก ร้องเพลงด้วยเสียงแหลมเล็ก จีบปากจีบคอ ชี้นิ้วไปมาเหมือนป้าแก่ๆ เธอว่านี่ไม่ใช่เด็ก เกินเด็กไปเยอะ คงถูกล้างสมอง เหมือนโดนตั้งโปรแกรมมาเลย โดนตั้งโปรแกรมเหรอ?

ชายหนุ่มนึกถึงโปรแกรมที่ใช้สร้างสังคมให้คนอยู่ร่วมกันในรูปแบบต่างๆ เหมือนเกมที่ชอบเล่น

“โอปป้า…โอปป้า โอปป้า มากินรามยอนกันดีกว่า” แฟนสาวดึงเขากลับมาด้วยน้ำเสียงสดใส พร้อมยกถาดรามยอนรสเผ็ดสองถ้วยหอมกรุ่นมาวางตรงหน้า

 

5

ถ้ายังเป็นพนักงานบริษัทเอกชน วันเสาร์นี้ชายหนุ่มจะได้วันหยุดตามปกติ พร้อมกับวันหยุดชดเชยเพิ่มในวันจันทร์ และวันพุธก็เป็นวันหยุดราชการอีกวันหนึ่ง ทั้งสัปดาห์จะกลายเป็นวันหยุดยาวที่คนงานในระบบรอคอย ข่าวรายงานถึงขบวนรถนักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลจากเมืองหลวงสู่เขตต่างๆ โรงแรมที่พักในเมืองท่องเที่ยวถูกจองเต็มแทบทั้งหมด คนชนบทได้หวนคืนสู่บ้านเกิด รถกระบะอัดคนเต็มแน่น บางคันหลังรถเต็มไปด้วยข้าวของเครื่องใช้และกรงหมาแมวที่มัดไว้พร้อมคลุมผ้ากันแดดลม ชายคนหนึ่งให้สัมภาษณ์กับนักข่าวว่า พวกเขาจะเดินทางกันยาวนานทั้งคืน หากถนนโล่ง สายวันพรุ่งนี้คงถึงบ้าน แต่ถ้ารถติดคงถึงบ้านตอนค่ำ พวกเขาอาจไม่กลับสู่เมืองหลวง ถ้ายังไม่มีงานให้ทำ

ข้าราชการจำนวนมากมุ่งหน้าสู่อนุสรณ์สถานสร้างชาติอันกว้างใหญ่ ซึ่งตั้งอยู่กลางเมือง มีอนุสาวรีย์สร้างชาติสีดำสูงเกือบร้อยเมตรตั้งตระหง่าน มองเห็นได้จากที่ไกลๆ จำลองมาจากหลักศิลาจารึก แท่งสี่เหลี่ยมทรงสูงเท่ากันทั้งสี่ด้าน มียอดแหลมโค้งมน แต่ละด้านจารึกอักษรโบราณสีทอง บอกเล่าความเป็นมาของการสร้างชาติตั้งแต่ครั้งอดีต

ข้าราชการทุกหมู่เหล่าสวมชุดข้าราชการสีกากีอันหมายถึงสีของแผ่นดิน เดินเรียงแถวสู่ลานพิธีอย่างเป็นระเบียบ จนถึงเวลา 09.09 น. อันถือเป็นฤกษ์ยามมงคล เสียงเพลงชาติจากเครื่องขยายเสียงก็ดังขึ้น ทุกคนยืนตรง ผู้ว่าการเขตกล่าวคำสดุดีคณะสร้างชาติ เสียงปรบมือดังกึกก้องเต็มลาน หลังจากแต่ละหมู่เหล่าเข้าโค้งคำนับอนุสาวรีย์แล้วจึงเข้าสู่หอประชุมเพื่อฟังปาฐกถาจากราษฎรสร้างชาติอาวุโส

ชายหนุ่มกลืนหายไปในแถวที่นั่ง ร่วมปรบมืออย่างพร้อมเพรียงเมื่อผู้แสดงปาฐกถาแต่ละคนพูดจบ เนื้อหาส่วนใหญ่เน้นย้ำความรักชาติรักแผ่นดินเกิด การป้องกันภัยทางความคิดที่มุ่งมอมเมาประชาชนให้ไม่อาจพึ่งตนเองได้

ชายหนุ่มปิดปากหาวอยู่หลายครั้ง ปรัชญาจูเช ของคิม อิล ซุง เหรอนี่? เขาถามตัวเองในความง่วงหงาว เห็นข้าราชการสูงวัยหลายคนนั่งสัปหงกรอคอยให้พิธีกรรมสิ้นสุด แฟนสาวคงนั่งอยู่ ณ จุดใดจุดหนึ่งในความเหมือนจนแยกไม่ออกนี้ ดูคล้ายกำลังมองภาพสามมิติ ถ้ามองเป็นเขาจะเห็นภาพหนึ่งค่อยๆ นูนออกมาจากลวดลายที่เหมือนกันนั้น

ถนนมุ่งหน้าออกจากเมือง แค่ครึ่งชั่วโมงรถของชายหนุ่มก็เลี้ยวเข้าประตูซุ้มโค้งสีทองอลังการ คู่หนุ่มสาวช่วยกันหอบหิ้วข้าวของเดินผ่านอนุสาวรีย์ผู้บุกเบิก รูปปั้นสัมฤทธิ์สูงถึงยี่สิบเมตรของชายผู้เชิดหน้ามองฟ้าและก้าวขาไปข้างหน้าอย่างมุ่งมั่น เงาของเขาทอดยาวบนสนามหญ้า ชายหนุ่มแหงนหน้ามอง แดดบ่ายจ้าจนเขาต้องหยีตา ใบหน้าผู้บุกเบิกกลายดำมืด สายลมสดชื่นจากบึงกว้างเร่งให้ทั้งคู่รีบเดินสู่ร่มไม้ใหญ่ เสียงหัวเราะของเด็กๆ ดังมาจากสนามเด็กเล่น บรรยากาศดูคึกคัก เพราะมีคนมาปูเสื่อนั่งเต็มไปหมด

แฟนสาวยิ้มขณะกวาดตามอง “ได้มีวันหยุดเหมือนคนอื่นเค้าสักทีน้า…” เธอทอดเสียงผ่อนคลาย สวนสาธารณะแห่งนี้เปิดมาเกือบปีแล้ว แม้จะอยู่ใกล้เมือง เดินทางได้ง่าย แต่ทั้งคู่ก็เพิ่งมีเวลามาเป็นครั้งแรก พิธีกรรมของชาติได้เวลาครึ่งเช้าไป เวลาวันหยุดที่เหลือจึงกลับมาเป็นของพวกเขา

เด็กๆ ยังเล่นเครื่องเล่นเต็มลานทราย เมื่อทั้งสองเดินวนกลับมายังเสื่อที่ปูไว้ เด็กชายสองพี่น้องยังแกว่งไกวชิงช้าไม่รู้เบื่อ พ่อแม่พวกเขานั่งอยู่ริมสนามเด็กเล่น พ่อนอนหลับ แม่กำลังแกะส้ม เธอกวักมือเรียก แต่เด็กๆ ส่ายหน้าและหันกลับไปเล่นชิงช้าต่อ

แฟนสาวย้ายถุงผ้าใส่กล่องอาหารออกไป เธอนั่งเหยียดขาไปข้างหน้า ชายหนุ่มหยิบสมาร์ตโฟนมาถ่ายรูปเล่น พวกเขารู้สึกผ่อนคลายกว่าทุกครั้งจากภาพชีวิตสามัญอันปกติสุข

“เคยเห็นรูปพวกนี้ยัง?” ชายหนุ่มขยับเข้าใกล้ อวดภาพล่าสุดจากเกาหลีเหนือที่ช่างภาพต่างชาติแอบถ่ายมาได้ แลกกับการถูกห้ามเข้าประเทศนี้ตลอดชีวิต แฟนสาวเคยเห็นเกาหลีเหนือมาบ้างตามข่าว ภาพการสวนสนาม ตำรวจหญิงเดินยกขาพร้อมเพรียง มีเชือกมัดเท้าติดกับรองเท้า ผู้นำตัวอ้วนกลมกับทรงผมประหลาด เธอคิดว่าเขาเหมาะเป็นแคแร็กเตอร์ตัวการ์ตูนมากกว่าจะเป็นผู้นำจอมโหด หากใครโดนจับได้ว่าพยายามหลบหนีออกนอกประเทศจะโดนโทษประหารชีวิต

เธอละสายตาจากภาพความสุขตรงหน้ามาหาชายหนุ่ม “โอ้ว… ประเทศอะไรกันเนี่ยโอปป้า” เธอแสร้งทำเสียงตื่นเต้น เดาว่าต้องเป็นอะไรที่เกี่ยวกับเกาหลีเหนือ ชายหนุ่มปัดนิ้วเลื่อนดูทีละภาพ แฟนสาวรู้เรื่องเกาหลีเหนือมากกว่าที่เขาคิด เธอประชดว่าเธอเป็นติ่งโอปป้าคิม จอง อึน ท่านผู้นำคนปัจจุบัน เพราะท่านใส่ใจคัดเลือกสมาชิกวงเกิร์ลกรุ๊ปด้วยตัวเอง

ภาพถนนโล่งกว้าง ต้นไม้สองข้างทางเหลือแต่กิ่งก้านสีเทาเป็นแนวยาว ฟ้าซีดหม่น ไกลออกไปมีชายคนหนึ่งจูงจักรยานคันเก่าต่างกระสอบใบใหญ่, ตำรวจจราจรสาวโบกมือให้สัญญาณในเส้นวงกลม รถสัญจรบนถนนมีไม่มากนัก, ชายวัยกลางคนกลุ่มหนึ่งในเสื้อผ้าทึมเทานั่งยองๆ ริมทางรถไฟ ด้านหลังเป็นท้องทุ่งแปลงดินแห้งแล้ง, ผู้คนใบหน้าเคร่งเครียดกำลังเดินและปั่นจักรยานตามท้องถนน, ทหารหนุ่มในชุดเครื่องแบบเดินเป็นกลุ่ม, ห้างสรรพสินค้าที่ชั้นวางของว่างเปล่าเพราะขาดแคลนอาหาร, เด็กสาวในชุดกันหนาวสองคนกำลังช่วยกันเข็นรถเข็นที่เต็มไปด้วยกระสอบปุ๋ยและเมล็ดพันธุ์ไปตามถนนดินแดง มีตึกร้างเก่าโทรมเรียงรายด้านหลัง, ใบหน้าเด็กชายสองคนยิ้มร่าขณะเล่นด้วยกัน ทั้งสองสวมเสื้อเก่าขาด ขอบคอเสื้อยานยืดเผยให้เห็นแผงกระดูกอก แม้จะมีรอยยิ้มให้เห็น แต่ภาพส่วนใหญ่ดูไร้สีสัน หม่นทึม หลายใบหน้าผ่านไป ประเทศนี้ไม่มีใครอ้วนหรอก นอกจากท่านผู้นำ แฟนสาวถอนหายใจ ชายหนุ่มปัดนิ้วไปอีกภาพ

“สงสารคนในประเทศเผด็จการพวกนี้จัง พวกเขาคงไม่รู้ว่าโลกเป็นยังไง” หญิงสาวเปรยเสียงเศร้า ชายหนุ่มยังจับจ้องรูปภาพ ไม่มีคำตอบรับ มือยังค้างอยู่ในท่าเดิม แฟนสาวสังเกตเห็นปลายนิ้วเขาสั่นน้อยๆ เธอมองหน้าชายหนุ่มด้วยความฉงน ใบหน้านั้นซีดเผือด

เขาเงยหน้าสบตาหญิงคนรักด้วยดวงตาตื่นตระหนก เธอตื่นกลัวในความไม่รู้ ปลายนิ้วที่สั่นระริกชี้ไปยังรูปภาพที่เปิดค้างไว้ ชายในภาพสวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้านั่งหันหลัง หญิงสาวผมยาวสวมชุดเดรสสีชมพูนั่งบนเสื่อในสนามหญ้า ทั้งคู่เอียงหัวเข้าหากันเหมือนกำลังก้มดูอะไรบางอย่าง ใบหน้านั้นดูคุ้นตามาก แม้จะเป็นมุมเอียงข้าง เห็นไม่เต็มใบหน้าเพราะมีผมบังอยู่ ไกลออกไปเป็นสนามเด็กเล่น ชิงช้าที่เด็กชายสองคนนั่งไกวค้างอยู่กลางอากาศ

แฟนสาวเงยหน้าขึ้นมองหญิงผู้เป็นแม่ซึ่งหันหน้าไปทางสนามเด็กเล่น ชายผู้เป็นพ่อนอนเหยียดยาว หกคนในภาพนั้นช่างคล้ายพวกเขาเหลือเกิน ทั้งเสื้อผ้าและท่าทาง ตอนนี้ทั้งคู่จ้องมองภาพที่ดูสดใสที่สุดในชุดนี้ ดวงตาหวาดผวาเบิกโพลงจ้องมองกันไม่กะพริบ รู้สึกถึงเสียงหัวใจที่เต้นรัวแรง เลือดในกายกำลังร้อนขึ้นๆ มันฉีดพล่านไปทั่วร่างจนถึงปลายนิ้ว แต่กลับเย็นเยียบเยือกแข็งไปในทันที

“นี่เรา!…” ชายหนุ่มเอ่ยถ้อยคำแต่ไร้เสียง ปากเขาอ้าค้าง แฟนสาวจ้องมองไม่ขยับเขยื้อน ดวงตาคู่หนุ่มสาวฉายแววตื่นกลัวสุดขีด เมื่อเสียงหนึ่งดังกังวานขึ้นจากที่ไม่ปรากฏ “สงสารคนในประเทศเผด็จการพวกนี้จัง พวกเขาคงไม่รู้ว่าโลกเป็นยังไง” นี่มันเสียงของแฟนสาว ประโยคเดียวกันกับที่เพิ่งพูดไปเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้

คู่รักหนุ่มสาวยังคงนิ่งค้างอยู่ในท่วงท่าเดิมอย่างนั้น ไม่รู้ด้วยเหตุใด •

 

*โอปป้า หมายถึง พี่ (ในภาษาเกาหลี) ผู้หญิงจะใช้เรียกพี่ชาย ผู้ชายแก่กว่าที่สนิทกัน หรือใช้เรียกแฟน