‘ฝรั่งเตะหมอภูเก็ต’ บาน! จุดกระแสทวงคืนชายหาด ไม่ทนเหยียด-ไล่กลับสวิส จว.ประสาน ตม.งดต่อวีซ่า

ปรากฏการณ์ร่วมใจทวงคืนชายหาดสาธารณะของคนภูเก็ต นอกจากสะท้อนให้เห็นปัญหาการยึดครองทรัพยากรของกลุ่มทุนที่หมักหมมมานานแล้ว

ยังเผยให้เห็นถึงพฤติกรรมน่ารังเกียจของชาวต่างชาติบางคน ที่ยังมองคนไม่เท่ากัน

ทำให้คนภูเก็ตถึงจุดที่จะไม่ทนอีกต่อไป

พญ.ธารดาว จันทร์ดำ หรือหมอปลาย ให้ข้อมูลตร.

หมอสาวร้องสื่อฝรั่งกร่างเตะ

เรื่องราวถูกเปิดเผยขึ้นเมื่อเพจต่างๆ ใน จ.ภูเก็ต ต่างแชร์โพสต์ที่ พญ.ธารดาว จันทร์ดำ แพทย์เวชปฏิบัติทั่วไป ประจำคลินิก โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งใน จ.ภูเก็ต เล่าเรื่องราวเหตุการณ์ถูกชายชาวต่างชาติทำร้าย เพราะไม่พอใจที่เจ้าตัวกับเพื่อนไปนั่งชมพระจันทร์ที่บันไดทางลงชายหาดมายู หน้าวิลล่าของตน

คุณหมอธารดาวเล่ารายละเอียดโดยสรุปว่า เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2567 เวลาประมาณ 19.30 น. ไปกินข้าวกับเพื่อนผู้หญิงที่เป็นหมอด้วยกัน หลังกินเสร็จก็ชวนกันไปเที่ยวหาดสาธารณะใกล้บ้าน ตอนเดินไปที่หาดเจอพี่ยามคนหนึ่ง ถามว่าเรามาดูพระจันทร์ใช่มั้ย เพราะเป็นวันมาฆบูชา (ฟูลมูน) คุณหมอตอบไปว่า ใช่ค่ะ พี่ยามก็บอกว่า เอนจอย ครับ แล้วเดินจากไป

ตรวจปางช้างของเดวิด

จากนั้นทั้งคู่เดินดูพระจันทร์บนชายหาดจนรู้สึกเมื่อยเลยเดินไปนั่งตรงบันไดที่สร้างลงมาบริเวณชายหาดที่ต่อลงมาจากวิลล่า หมายเลข 23 เพราะคิดว่าเป็นบันไดของชายหาด โดยที่เท้ายังจุ่มอยู่บนพื้นทราย

ขณะที่นั่งอยู่รู้สึกเหมือนมีใครเดินมาข้างหลัง จากนั้นก็รู้สึกสะเทือนหนักหน่วงไปทั้งร่าง เมื่อได้สติก็ทำให้รู้ว่าเกิดจากหน้าแข้งที่เตะลงมาที่กลางหลังของชายชาวต่างชาติตัวใหญ่น้ำหนักราว 100 กิโลกรัม ในสภาพหน้าแดง เหงื่อท่วม กำลังถือโทรศัพท์เพื่ออัดวิดีโอ และสบถด่าคำหยาบออกมาสารพัด

เลยเดินไปแจ้งพี่ยามบนป้อม พี่ยามก็ตกใจและพาทั้งคู่ไปยังหน้าวิลล่า 23 ฝรั่งคนนั้นแสดงอาการโกรธสบถคำด่าออกมาสารพัด

จากนั้นภรรยาชาวไทยพร้อมแผงสร้อยเพชรเม็ดโตก็เดินออกมา ก่อนจะด่าด้วยถ้อยคำหยาบคายว่า “นี่อีด-กสองตัวนี้มานั่งอยู่หน้าบ้านกู พวกมึงรู้มั้ย ต่อให้พวกกูยิงพวกมึงตาย กูก็ไม่ผิด เพราะลูกกูเป็นตำรวจ และรู้จักนายตำรวจใหญ่ของภูเก็ต กูจะเอาพวกมึงเข้าคุกให้ได้ กูจะโทร.หาท่านรองเดี๋ยวนี้” จากนั้นเธอก็โทร.หาตำรวจยศใหญ่ของเธอว่าให้ส่งตำรวจมา

ชูป้ายทวงคืนชายหาด

ผ่านไปประมาณ 15 นาที มีตำรวจ 2 คนเดินมา คนหนึ่งแต่งตัวนอกเครื่องแบบ ตำรวจทั้งสองพยายามมาเจรจาเคลียร์เรื่อง คุณหมอจึงแจ้งว่าถูกทำร้ายร่างกาย

ชายชาวต่างชาติก็มาพูดว่า “อ๋อเป็นชนพื้นเมือง เป็นคนไทยเหรอ รู้มั้ยฉันไม่ได้จ่ายค่าเช่าวิลล่าเดือนละล้าน มาให้พวกมึงนั่งหน้าบ้านกู”

หลังจากนั้นตำรวจก็เดินมาพูดว่า ตอนนี้ผิดกันทั้งสองฝ่าย ฝ่ายคุณหมอเป็นคนบุกรุกมีโทษหนักกว่าต้องติดคุก 4 ปี ฝ่ายฝรั่งแค่ทำร้ายร่างกายจ่ายเงินก็จบ

ตำรวจอีกนายบอกว่าต้องเคลียร์ให้ยอมความกันให้ได้ จะได้ไม่ต้องถึงโรงพัก คุณหมอจึงเสนอให้ 3 ทางเลือก คือ 1. ต่างคนต่างขอโทษแล้วจบ 2. ต่างคนต่างไม่ขอโทษแล้วจบ 3. ไปคุยกันที่โรงพัก

แต่ฝั่งคู่กรณีบอกว่า ขอโทษฝรั่งได้ แต่ฝรั่งจะไม่ขอโทษและคุณหมอจะต้องติดคุก

หลังตกลงกันไม่ได้จึงไปแจ้งความที่ สภ.ถลาง ทำให้ทราบว่าชาวต่างชาติคนนี้ชื่อนายเดวิด ชาวสวิตเซอร์แลนด์ เป็นเจ้าของปางช้าง ที่อ้างว่าเป็นมูลนิธิที่เกี่ยวกับการช่วยเหลือช้าง เคลมว่าจะปกป้องดูแลช้างและไม่ทำร้ายช้าง แต่กลับทำร้ายผู้หญิง

คนภูเก็ตแห่ถ่ายรูปบันไดวิลล่า

ส่วนสาเหตุที่นำเรื่องราวมาโพสต์ให้สังคมรับรู้ เนื่องจากอีกฝั่งเป็นชาวต่างชาติที่มีอิทธิพลในภูเก็ต กลัวคู่กรณีเพราะเขารู้จักผู้ใหญ่ ดูเขาเป็นคนที่ร่ำรวย เราเป็นเพียงหมอเล็กๆ คนหนึ่ง ก็อยากให้กฎหมายให้ความยุติธรรมที่คนไทยคนหนึ่งควรได้รับ

ส่วนคำพูดเหยียดนั้น ก็ไม่ควรจะมีใครที่ถูกโดนเหยียดเช่นนั้น เขาเป็นชาวต่างชาติที่มาอยู่ในไทย มาหากินกับคนไทย ทำงานอยู่ในประเทศไทย อยู่บนแผ่นดินไทย ก็ไม่ควรเหยียดใครว่าใครเป็น Local คุณควรจะนับถือเขามากกว่า เราควรอยู่กันอย่างนับถือ มากกว่าการเหยียดกัน ต่อให้จะรวยล้นฟ้า หรืออำนาจมากแค่ไหน ก็ไม่ควรเหยียดใคร

หลังสื่อต่างๆ แชร์โพสต์ดังกล่าวกันเป็นจำนวนมาก พร้อมกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ด้วยความไม่พอใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งพฤติกรรมของคนต่างชาติ ที่เข้ามาอาศัยทำมาหากินในเมืองไทย แต่กลับข่มขี่ข่มเหงเจ้าของบ้าน

จึงเรียกร้องให้มีการตรวจสอบการทำธุรกิจปางช้างของนายเดวิด ว่าถูกต้องโปร่งใสเพียงใด รวมทั้งเรื่องนายทุนรุกล้ำยึดชายหาดสาธารณะเป็นหาดส่วนตัวของตนที่เป็นปัญหาหมักหมมมาเป็นเวลานาน

เมื่อกระแสทวงคืนชายหาดถูกจุดติด ชาวภูเก็ตจำนวนมากตามพากันมาชูป้ายประท้วงเรียกร้องกดดันผู้เกี่ยวข้องเพื่อทวงคืนพื้นที่ชายหาดสาธารณะ

ขณะที่ อบต.ป่าคลอก ที่ดูแลพื้นที่ก็ส่งเจ้าหน้าที่ลงมาตรวจสอบจนพบว่าแท้จริงแล้วบันไดของวิลล่าดังกล่าวตั้งแต่ขั้นที่ 2 รวมทั้งสิ่งก่อสร้างบางส่วนของวิลล่าสร้างรุกล้ำเข้ามาในพื้นที่สาธารณะ จึงสั่งการให้รื้อถอนออกทั้งหมด

นายเดวิด ไหว้ขอโทษ

ไหว้สวยขอโทษอ้างลื่นล้ม

พอถูกกระแสสังคมกดดันหนัก ซ้ำลุกลามบานปลายกลายเป็นกระแสไล่กลับประเทศ วันที่ 1 มีนาคม นายเดวิดพร้อมภรรยา ก็ออกมาแถลงยกมือไหว้ขอโทษ ต่อหน้านายอดุลย์ ชูทอง รองผู้ว่าฯ ภูเก็ต พล.ต.ต.สินเลิศ สุขุม ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.อ.ภาสกร สนธิกุล รอง ผบก.ฯ

นายเดวิดขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกอย่าง ระบุไม่มีเจตนาที่จะทำร้ายหมอแต่คิดว่าเป็นนักท่องเที่ยวจีนที่เคยรุกล้ำเข้ามาภายในวิลล่าจึงนำมือถือมาถ่ายวิดีโอเพื่อจะส่งให้เจ้าของโครงการ

จากนั้นนางคนึงนิจภรรยา เล่าเหตุการณ์ในฝั่งของตนว่า ก่อนหน้านี้มีนักท่องเที่ยวชาวจีนได้รุกล้ำเข้าไปยังวิลล่าที่เช่าอยู่และได้สร้างความตกใจในขณะกำลังว่ายน้ำอยู่ ขณะนั้นนายเดวิดไม่อยู่

ครั้งนี้นายเดวิดก็คิดว่าอาจจะเป็นกลุ่มเดิมที่เคยเข้ามาบุกรุกจึงคว้าโทรศัพท์วิ่งออกมาถ่ายและได้สะดุดบันไดหกล้มไปใส่คุณหมอ โดยมีแผลที่นิ้วเท้าซึ่งเกิดจากการสะดุดล้มในคืนเกิดเหตุเป็นหลักฐาน

ส่วนตนก็รู้สึกผิดและขอโทษในการกระทำและคำพูดของตนเองในคืนนั้น เพราะขณะเกิดเหตุกำลังหลับแล้วนายเดวิดเรียก หลังจากตื่นขึ้นมาก็รู้สึกงัวเงียและพูดไปด้วยความตกใจไม่ได้มีเจตนาจะว่าดูถูกเหยียดหยามคุณหมอแต่อย่างใด และที่บอกไปว่ารู้จักกับตำรวจใหญ่เป็นเรื่องจริง แต่ในวันนั้นที่โทร.หาเพียงให้แจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจเข้ามาดูแล ส่วนลูกชายเป็นตำรวจจริงแต่เป็นยศแค่สิบตำรวจเอกไม่ได้ยศใหญ่โตอะไร

รื้อบันไดหลังพบรุกที่สาธารณะ

แต่หลังจากนั้นไม่นานก็มีผู้ให้ข้อมูลแฉพฤติกรรมกร่างของนายเดวิดว่า เคยชูนิ้วกลางและทำมือลักษณะคล้ายใช้ปืนจ่อหัวข่มขู่คนขับรถกู้ชีพ ซ้ำฟ้องกลับเอาผิด พ.ร.บ.คอมพ์กับคนขับที่นำคลิปมาแฉ ให้เหตุผลว่าผิดกฎจราจรโทษน้อยกว่าเพราะฉันรู้จักตำรวจใหญ่ๆ ภูเก็ตหลายคน

ด้านนายเกษม จันทร์ดำ หรือ อ.เกษม นักเขียนชื่อดัง ผู้รอบรู้ด้านมานุษยวิทยา ชาติพันธุ์และสิทธิมนุษยชน มีผลงานการเขียนหนังสือ และงานวิจัยที่มีชื่อเสียงมากมาย ซึ่งเป็นบิดาของ พญ.ธารดาว กล่าวว่า เรื่องนี้กำลังกลายเป็นเรื่องของการเมืองไปแล้ว ตนเชื่อว่ามีการแนะนำจากทางราชการ ที่เกี่ยวกับเรื่องการทำหน้าที่สืบสวนสอบสวน ก็ขอฝากตำรวจ อย่าไปเข้าข้างคนผิด อย่าทำตัวเป็นเห็บเกาะหมา ส่วนตำรวจชั้นผู้น้อยสองคนที่ไป ทางเราไม่ติดใจ เพราะถูกสั่งให้ไปตามหน้าที่ อยากให้ฝ่ายยุติธรรมปกป้องคนที่เป็นพลเมืองของไทย ไม่ใช่ปกป้องพลเมืองที่เป็นต่างด้าว

ถึงเวลาแล้วที่คนภูเก็ตจะต้องลุกมาพูดเรื่องนี้ ให้เกิดการบริหารจัดการให้ชัดเจนในเรื่องของทุนข้ามชาติ ซึ่งกดคนภูเก็ตอยู่ เดินชายหาดก็ไม่ได้ ไม่ได้ต้องการอะไรมาก ต้องการให้มีการทำคดีที่ตรงไปตรงมา ส่วนจะมีใครแทรกแซงคดี ทางสังคมก็จับตามองอยู่

คดีนี้ พล.ต.ต.เลิศสิน สุขุม ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต ก็ลงมากำชับดูแลด้วยตนเอง รวมทั้งนายศรัทธา ทองคำ รองผู้ว่าฯ ภูเก็ต ก็ทำหนังสือเสนอสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ให้พิจารณาไม่ต่อวีซ่าให้ภายหลังวีซ่าเดินจะหมดอายุลงในวันที่ 13 มีนาคมนี้

ส่วนการตรวจสอบปางช้าง ปศุสัตว์จังหวัดภูเก็ตพบว่าขออนุญาตถูกต้อง แต่ดำเนินการเพื่อนันทนาการ และช้าง 14 เชือกที่อยู่ในปาง พบว่าเป็นช้างที่ซื้อมาเองแค่เชือกเดียว ส่วนที่เหลือเป็นช้างที่เช่ามาเพื่อบริการนักท่องเที่ยว โดยเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบการดำเนินการของมูลนิธิที่ขอรับบริจาคเงินจากต่างประเทศอ้างว่าเพื่ออนุรักษ์ช้างว่าดำเนินการถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่

ด้านคุณหมอธารดาวเผยความรู้สึกว่า รู้สึกขอบคุณทุกคนที่ส่งกำลังใจมาให้ คนไทยทุกคนคนภูเก็ต ขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนที่ลงมาช่วยดูแลให้ความเป็นธรรม สำหรับตนรู้สึกดีใจที่ตัวเองมีส่วนช่วยให้ชาวภูเก็ตได้ชายหาดคืน ให้สังคมไทยได้ตื่นและรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

แม้นกระแสทวงคืนพื้นที่สาธารณะจะจุดติดในหมู่ประชาชน แต่หากภาครัฐยังไม่จริงจังหรือทำเพียงขอไปทีรอให้เรื่องเงียบไป ก็คงไม่ต่างกับอดีตที่ผ่านมา