จับตามอง ท่องเที่ยวเวียดนาม สปป.ลาว กัมพูชา แล้วย้อนดูไทยจะไปถึงไหน?

บทความพิเศษ | บริสุทธิ์ ประสพทรัพย์

 

จับตามอง

ท่องเที่ยวเวียดนาม สปป.ลาว กัมพูชา

แล้วย้อนดูไทยจะไปถึงไหน?

 

หลังมหากาพย์สงครามอินโดจีน 3 ประเทศ คือลาว กัมพูชา และเวียดนาม สงบลงเมื่อปี 2518 ลาวเปลี่ยนชื่อเป็น “สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว” ย่อสั้นๆ สปป.ลาว

สาธารณรัฐเขมรสู่ “กัมพูชาประชาธิปไตย” ฆ่าล้างคนในชาติ 3.1 ล้านคน ทิ้งภาพชั่วร้ายไว้ที่ “ทุ่งสังหารเจืองเอ็ก” ห่างพนมเปญ 17 ก.ม. ก่อนคืนกลับสู่ราชอาณาจักรกัมพูชาภายใต้ระบอบราชาธิปไตยถึงปัจจุบัน

เวียดนามเดิมแบ่งฝั่งใต้มีเหงียน เกา กี ร่างทรงชาติตะวันตกเป็นหัวหอก ฝั่งเหนือมีกองโจรเวียดกงได้จีนสนับสนุนขบวนการกู้ชาติจากจักรวรรดินิยมครัวซองต์กับอันธพาลอเมริกัน

กระทั่งเวียดกงกู้แผ่นดินสำเร็จตะเพิดแยงกี้กับนักบูลลี่โกโฮม ผู้นำที่ถูกล้มลี้ภัยและตายนอกประเทศ โดย สปป.ลาว ได้ปลดแอกไปด้วย ส่วนเวียดนามตกผลึกยกฮานอยขึ้นชั้นเมืองหลวง ดานังตอนกลางริมฝั่งทะเลจีนเป็นเมืองท่า

ไซ่ง่อนภาคใต้เป็นศูนย์กลางการค้า แต่แปลงเป็น “โฮจิมินห์ซิตี้” นามนุสรณ์ “ลุงโฮ” ผู้พลิกแผ่นดินพ้นไพร่กระฎุมพีจนวันนี้

หุบเขาในห่าซาง เวียดนาม

อินโดจีนทั้งสามได้ฤกษ์ปัดกวาดและฟื้นฟูเศรษฐกิจชาติตนเองเสียที สปป.ลาว เริ่มเปิดประเทศเนิบๆ นัยว่าหยิบความผิดพลาดของไทยเป็นตุ๊กตาก่อนนำมาพัฒนา เช่น ปัญหามลพิษที่สาหัส จนต้องร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาดหาทางแก้ไขให้ปวดหัว

นโยบายส่งเสริมท่องเที่ยวนั้นปักหมุด สปป.ลาว เชื่อว่าเห็นผลเร็ว จึงเริ่มปักธงเก็บค่า “เหยียบแผ่นดิน” ต่างชาติเป็นเงินกีบ เทียบเงินไทย 50 บาท กับโชว์เงินไปใช้จ่ายอย่างน้อยคนละ 300 บาท ถ้าไปกับทัวร์ไทยให้ใช้รถและไกด์ สปป.ลาว มารับรองตรงประตูด่านก่อนย่างเยือน

ทัวร์ไทยเริ่มคึกคักทันตาเห็น ไม่นานเริ่มเห็นฝรั่งเศสกับอเมริกันมาดูร่องรอยอดีต กัมพูชานั้นใครก็อยากเห็นมรดกโลกนครวัด แต่ไม่สู้สะดวกนักด้วยปัจจัยหลายอย่างยังไม่พร้อม

ไทยในฐานะออร่าอาเซียนขณะนั้น รีบปรับแผนตลาดท่องเที่ยวก่อนถูกแย่งเค้กไปกิน เพราะทรัพยากรท่องเที่ยวทั้งสองประเทศถูกอุบไว้นานจนใครๆ ก็อยากไปลอง จึงแสดงตนเป็นเน็ตเวิร์กกิ้งช่วยพัฒนาคุณภาพบุคลากรบริการของธุรกิจโรงแรม ร้านกินดื่ม ไกด์ คนขับรถทัวร์เพื่อยกระดับมาตรฐานให้ สปป.ลาวได้แต่ “ขอบใจ” แทนคำปฏิเสธเพราะ “เฮาบ่ฝ้าว (รีบ)”

กระนั้น…ไทยก็ยังไม่ลดละการชิงรักษาตลาด ด้วยการออกแคมเปญโฆษณาตลาดต่างประเทศ “ไทยแลนด์ : เกตเวย์ ทู อินโดไชน่า” กระตุ้นให้รู้ว่าไทยคือประตูสู่ดินแดนเหล่านั้น แถมมีปัจจัยหนุนหลากหลาย ก่อนจะไปเยือนอินโดจีนแล้วกลับมาอีกครั้งเพื่อบินกลับประเทศ

ส่วนฝั่งกัมพูชา ไทยใช้แผนรุกตลาดได้สายการบินเอกชนผลิตสื่อโฆษณา “2 คิงด็อมส์ 1 เดสติเนชั่น” เป็นคู่มือดึงทริปต่างชาติมาทัวร์ราชอาณาจักรไทยกับราชอาณาจักรกัมพูชาเผยแพร่ทั่วโลก และนำไปร่วมงานส่งเสริมการขายท่องเที่ยวระดับโลกที่เบอร์ลินกับสหราชอาณาจักร

นี่คือความพยายามขับเคลื่อนของไทยสมัยอินโดจีนเปิดท่องเที่ยวใหม่ๆ จนวันนี้ทั้งสองสามารถยืนบนขาตนเองได้…ปี 2566 สรุป สปป.ลาวได้ต่างชาติเหยียบแผ่นดิน 2.4 ล้านคน เพิ่มขึ้น 285% ปีนี้ขึ้นแท่นเป็นประธานอาเซียนและประกาศชู “ปีท่องเที่ยวลาว” เปิ้นตั้งใจจะไขลานให้ถึง 4.6 ล้านคนจงได้ กะฟันรายได้เหนาะๆ 712 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ฝ่ายกัมพูชาเมื่อเสถียรภาพเข้าที่ มีต่างชาติไปเที่ยวแล้ว 3.92 ล้านคน เพิ่มขึ้น 211% ปีนี้คาดจะขยับเป็น 5 ล้านคน…

ส่วนไทยแลนด์ปีล่าสุดกระทรวงการท่องเที่ยวฯ คุยทำได้ 28.15 ล้านคน รักษาหน้าโตขึ้น 154% รายได้กระจาย 1.2 ล้านล้านบาท

ปีนี้ผู้นำดั่งหนึ่งเซลส์แมนขายประเทศไทย บอกได้สั่งการผู้เกี่ยวข้องปั้นรายได้ให้พุ่งปรี๊ด 2.5 ล้านล้านบาท บวกตลาดในประเทศ 1 ล้านล้านบาท…

คอยดูสิสิ้นปีจะได้อย่างที่เปรยแค่ไหน?

โหมดต่อไปถึงโปรแกรมมวยคู่เอกซีนาริโอท่องเที่ยวไทยปะทะเวียดนาม โดยคู่ต่อสู้ปีที่แล้ว จีดีพีประเทศ 6.7% มูลค่าส่งออกราว 3.94 แสนล้านดอลสาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 6% แม้เศรษฐกิจโลกจะหดตัวภาวะเงินเฟ้อเป็นคลื่นแทรก แต่ไทยรองเสนาบดีคลังเผย จีดีพีโตแค่ 1.8%

ขณะส่งออกไทย ศูนย์วิจัยกสิกรไทยวิเคราะห์ไว้ก่อนหน้าหดตัว 1.5% มูลค่าลดลงเหลือ 2.82 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่กระทรวงพาณิชย์จ้อปีนี้น่าจะปรับตัวดีขึ้น 1.99% ตามภาวะเศรษฐกิจโลก…ก็ยังต่ำเตี้ยกว่าคู่ต่อสู้เวียดนามอยู่ดี!

ดูกันที่อาหารเวียดนามที่เคมีตรงกับคนไทยมาก่อน ไม่ว่าเฝอ แหนมเนือง ก๋วยจั๊บญวน วันนี้ไวรัลถึงอเมริกาไม่แพ้อาหารจีน ไทย เกาหลี จากพ่อค้าเวียดนามซึ่งไปทำกินที่นั่น เหมือนปารีสที่ผู้ลี้ภัยอินโดจีนเป็นเจ้าของซูเปอร์มาร์เก็ตแล้วใช้แรงงานยูโรเปี้ยนเป็นลูกจ้าง

มาถึงคอนเทนต์เวียดนามว่าด้วยเรื่องท่องเที่ยว…ทันทีที่ระฆังดังขึ้นในปี 2529 ก็ได้ไทยนี่แหละเป็นพันธมิตรชวนนักลงทุนธุรกิจท่องเที่ยวไทย เช่น โรงแรม สวนสนุก สถานบันเทิง ไปดูลู่ทางการลงทุน พร้อมทัวร์เอเย่นต์ไปทดสอบสินค้าวางแผนขายทัวร์ไปเวียดนาม

ปี 2537 รัฐบาลไทยตกลงทำความร่วมมือ ขณะซีนาริโอท่องเที่ยวเวียดนามโตขึ้น…โฟกัสปี 2554 ไทยมีต่างชาติ 19.23 ล้านคน รายได้ 7.76 แสนล้านบาท เวียดนามมี 6 ล้านคนทำรายได้เต็มคาราเบล 6.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดอย่างหยาบๆ 1.92 แสนล้านบาท

พอปี 2562 เวียดนามได้เพิ่มเป็น 18 ล้านคน รายได้ 30,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราวๆ 1.01 ล้านล้านบาท ไทยมี 39.7 ล้านคน ทำเงิน 1.93 ล้านล้านบาท…สัดส่วนนักท่องเที่ยวต่างกันครึ่งต่อครึ่ง แต่คู่ชกเป็นมวยไฟเตอร์ต่อยหนักจึงโกยรายได้ห่างไทยแค่หลักแสน!

ท้ายสุดปี 2566 หลังโควิดระบาดหนัก สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนามเผย 11 เดือนได้เพิ่ม 3.8 เท่า หรือ 68.9% ของช่วงเดียวกันกับปีก่อนหน้า ฝ่ายไทยรักษาหน้าได้ 28.15 ล้านคน โตขึ้น 154% ฟาดรายได้ 1.2 ล้านล้านบาท

เจดีย์วัดธาตุหลวง เวียงจันทน์

มีข้อสังเกตตลาดท่องเที่ยวไทยเมื่อกลางปี 2561 เรือทัวร์จีนล่มจมทะเลภูเก็ตต้องสังเวยชีวิตไปครึ่งร้อย ทำเอาจีนงอนไทยไม่จริงใจช่วยเหลือ แถมถูกผู้บริหารรัฐบาลขณะนั้นพูดให้เจ็บใจ จึงตอบโต้ช่วง “โกลเด้นวีก” 1-10 ตุลาคม เทไทยไปทัวร์พม่าและย้ายฐานตลาดไปที่นั่นจนเดี๋ยวนี้…เราเลยต้องพึ่งทัวร์อินเดียกับรัสเซียแทนจีนที่หายไปในที่สุด

และบางส่วนหันไปทัวร์เวียดนามทำให้บุญหล่นใส่เพิ่มสถิติเป็น 4.9 ล้านคน จากต่างชาติ 15.49 ล้านคน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ไต้หวันและไทยรวม 12 ล้านคน ที่เหลือเป็นชาวตะวันตก

คงจำกันได้ครั้งญี่ปุ่นเปิดรับทัวร์ไทยหลังโควิดเล่นงาน ปีนั้นญี่ปุ่นแทบแตกด้วยคนไทยเฮไปเที่ยวเพราะอั้นมานาน คราวนั้นเลยเป็นทุกขลาภกับตลาดท่องเที่ยวไทย ที่คนญี่ปุ่นหาที่นั่งบนเครื่องบินไม่ได้ทั้งไปและกลับ สาเหตุถูกคนไทยแย่งจองไว้ก่อนหน้าหมดเกลี้ยง

บุญหล่นทับตาอยู่เวียดนามอีกครั้งได้โอกาสคว้าพุงญี่ปุ่นไปกิน โดยเสนอโปรโมชั่นพิเศษชวนไปเที่ยวทะเลดานังแทนบางแสน-พัทยา ใช้ฮาลองเบย์ทางฮานอยแทนภูเก็ต กระบี่ พังงา สถิติญี่ปุ่นทัวร์ไทยช่วงภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์พลันหล่นตุ้บไปอย่างช่วยไม่ได้

ซ้ำร้ายปลายปี 2566 ตลาดคนวัยเจนวายไต้หวัน ปกตินิยมบินมาพักผ่อนเมืองไทยเย็นวันศุกร์ เที่ยวกับกินอาหารแล้วช้อปปิ้งก่อนกลับไปทำงานเช้าวันจันทร์ แล้วจู่ๆ หนุ่มแซ่เฉินถูกรถยนต์ชนขณะเดินเที่ยวกรุงเทพฯ บาดเจ็บ มีคนนำส่งโรงพยาบาลเอกชนห่างแค่ 500 เมตร แต่ถูกปฎิเสธกลัวหาคนรับผิดชอบค่ารักษาไม่ได้…ต้องจบชีวิตระหว่างทางขณะหาสถานพยาบาลใหม่

ผลคือสื่อไต้หวันสแกนข่าวจากสื่อไทย แต่โชคดีที่นั่นเป็นฤดูเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่จึงกลบข่าวไทยสิ้นเชิง ผลกระทบมีบ้างระยะสั้นๆ โดยไต้หวันชวนกันไปเวียดนามเสียนี่

ประตูชัย สปป.ลาว

เหล่านี้คือปัจจัยลบให้เราต้องสะดุดขาตัวเอง แล้วไปหนุนเวียดนามกลายเป็นคู่ต่อกรรายใหม่ฝั่งอินโดจีน ต่อจากอินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ บนเวทีอาเซียนที่แย่งกระดูกกันมาตลอด

ดังนั้น พึงสดับเถอะว่า…เวียดนามเขาหมั่นขยันเดินหน้า เช่น การเปิดอี-วีซ่า 90 วันจะเข้าออกประเทศกี่ครั้งก็ได้แก่ทุกชาติทั่วโลก และเปิดโปรแกรมสุ่มแจกเงินรางวัลดึงต่างชาติไปเที่ยวตั้งแต่พฤษภาคมที่แล้ว จะสิ้นสุดรายการก็เมื่อปลายมิถุนายนปีหน้า 2568

นอกจากนี้ ยังส่งเสริมจังหวัดฮาซางหรือห่าซาง เมืองเหนือสุดกลางหุบเขาติดพรมแดนยูนนานจีนตอนใต้เป็นนิวโปรดักต์ สุดโรมานซ์มีเมฆหมอกปกคลุม อุณหภูมิหนาวเย็นตลอดปี อีกทั้งวัฒนธรรมกับวิถีดิบๆ ปลอดการแทรกซึม ได้กลุ่มทัวริสต์ยุโรป อเมริกา ออสเตรเลียและไทย ประเภทสโลว์ไลฟ์รักกิจกรรมซอฟต์แอนเวนเจอร์ เดินทางกับมอ’ไซค์เช่าขับเองขึ้นไป

ใครมโนภาพเหล่านั้นไม่ออกให้มองย้อนไป 4 ทศวรรษ ที่สวรรค์บนดอยเชียงใหม่ ซีนเนอรีย่ำดอยที่ชายแดนแม่ฮ่องสอน เชียงราย น่าน ซึ่งคือตำนานเก่าเล่าความหลังที่หมดไปแล้ว

แต่สำหรับจังหวัดฮาซางถือเป็นโปรดักต์ใหม่ของเวียดนาม เพื่อขายท่องเที่ยวแย่งเค้กไทยนับแต่นี้ต่อไปในอนาคต

มรดกโลกกัมพูชา

ดอยหลวง เชียงใหม่