33 ปี ชีวิตสีกากี (58) | สืบจาก ‘ศพ’

พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์

เทอมสุดท้าย ชั้นปีที่ 4 ได้เรียนการสอบสวนอย่างเข้มข้นมากๆ เช่น การสอบสวนเกี่ยวกับการปลอมแปลงเอกสาร โดย พ.ต.ท.โรจนา นาเจริญ

เรียนนิติเวชวิทยา ซึ่งเป็นวิชาที่สำคัญมากๆ ยิ่งเป็นพนักงานสอบสวน จะใช้วิชานี้มาก มีคณะอาจารย์คณะใหญ่ พล.ต.ต.ไพฑูรย์ หลิมรัตน์, พ.ต.อ.นพ.ประเวศน์ คุ้มภัย, พ.ต.ต.สุขุม พันธ์เพ็ง, ผศ.นพ.ชวิทย์ รุ่งเรืองรัตน์, รศ.นพ.ณรงค์ สิงห์ประเสริฐ และ ศ.นพ.ทรงฉัตร โปษยานนท์ และมีการไปดูการผ่าพิสูจน์ศพที่สถาบันนิติเวช กรมตำรวจ ปทุมวัน

พล.ต.ต.ไพฑูรย์ หลิมรัตน์ สอนว่า วิชานิติเวชวิทยา เป็นวิชาการพิสูจน์หลักฐานเกี่ยวกับบุคคลที่ใช้กับ

1. คนที่มีชีวิต
2. ศพ
3. เศษส่วนของศพ

สำหรับคนที่มีชีวิต จะศึกษาเกี่ยวกับสติปัญญา, เสียงและการพูด, ท่าทางและการเดิน, ร่องรอยอาชีพ, ผิวเนื้อ, ความคล้ายคลึง, ผมและขน, เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายและของในตัว, ความพิการของร่างกาย, ฟัน, ความสูง, อายุ, เพศ

1) สติปัญญา การศึกษาและความทรงจำ เกิดจากคนเรามีความทรงจำ 10-20 ปีก็ไม่ลืม จากการพูดคุย สนทนา จะทราบได้ว่า มีสติปัญญาการศึกษา โดยการถ่ายทอดให้ทราบ จะเป็นไปไม่ได้เลย ที่คนนั้นจะจำความ หรือทรงจำไม่ได้เลย

2) เสียงและการพูด จะมีลักษณะเฉพาะบุคคล จะเปลี่ยนแปลงไปตามวัยของคน สามารถใช้พิสูจน์ตัวบุคคลได้ ต้องไม่ใช่ห่างกันไกล เสียงอาจเปลี่ยนได้เพียงชั่วคราว ถ้าไม่สบาย อาจเปลี่ยนแปลงไปเลย ถ้าเป็นโรคเรื้อรัง

3) ท่าทางและการเดิน แต่ละบุคคลมีท่าทางการเดินเฉพาะในเวลาหนุ่ม แก่ ก็มีท่าทางการเดินแตกต่างกัน เป็นลักษณะเฉพาะตัวบุคคล

4) ร่องรอยอาชีพ ที่จะติดอยู่กับบุคคลที่จะตรวจได้ ต้องเป็นอาชีพถาวร ประจำ จะมีสิ่งที่เข้ามาติดต่อกับร่างกาย เช่น ชาวนามือจะด้าน เท้าจะหนา หรือช่างฟิตเครื่องยนต์ อาจมีเศษน้ำมันเครื่องติดอยู่ ฯลฯ หรืออาจบอกได้จากเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย

5) ผิวเนื้อ ในเชื้อชาติของคนเรา แบ่งลักษณะผิว ออกเป็น 3 พวก คือ ดำ ขาว ดำแดง เนื่องจากผิวหนังมี Melanin Pigment อยู่ ทำให้ผิวหนังของคนมีสีอะไร ส่วนมากมีมากที่สุดใต้หนังกำพร้า

 

6) ความคล้ายคลึง เกี่ยวกับรูปพรรณต่างๆ ใช้ในการตรวจ คือ ความเป็นพ่อ แม่เด็ก เช่น ดูจากหมู่เลือด หรือตรวจดูลักษณะความคล้ายคลึงกัน แต่ในกรณีนี้ เด็กจะต้องโตพอสมควร

รอยหยิกของใบหูคน รอยนี้จะไม่มีการเปลี่ยนแปลง ตั้งแต่หนุ่มถึงแก่

ศพ ความคล้ายคลึงก็จะนำมาใช้ได้ เช่น อาศัยรอยหยักของใบหูของศพกับภาพเดิมของคนที่ต้องสงสัยว่าเป็นศพนั้น

การตรวจความเป็นพ่อ-แม่ ของเด็กนี้ ต้องถ่ายรูปไว้ ทั้งด้านหน้า ด้านข้าง

7) ผมและขน ผมของคนเรานั้น ก็มีสีต่างกัน และมีอยู่ 3 ชั้น คือ Cell ชั้นนอกเรียกว่า Cuticle จะเป็นเกล็ดๆ ของคนและสัตว์ต่างกัน, Cortex และ Medulla

บางครั้ง ใยเทียม อาจมีลักษณะเหมือนเส้นผม เส้นขน แต่เมื่อนำเอามาขยายแล้ว จะไม่มีลักษณะเหมือนเส้นผม เส้นขน แต่ถ้าดูด้วยตาเปล่าจะเห็นว่ามีความคล้ายกัน

8) เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายและของในตัว

บอกเพศ เช่น การนุ่งกางเกง อาจจะไม่ 100% เพราะบางทีศพแต่งชุดผู้หญิงแต่เมื่อตรวจแล้วกลายเป็นผู้ชาย

บอกอาชีพ เช่น เครื่องแบบของคนขับรถแท็กซี่

บอกเชื้อชาติ เช่น Made in Thailand การแต่งกายอาจแตกต่างกันไป เช่น ศพเน่าแต่งชุดขาว อาจเป็นแขกอินเดีย

รูปร่าง, ขนาด สามารถจะบอกขนาดได้จากศพที่เน่าๆโดยวัดจากเสื้อผ้า กางเกง

บาดแผล เช่น หาได้จากรอยขาดของเสื้อผ้า

ภูมิลำเนา เป็นเครื่องที่จะนำไปสืบสวนสอบสวนได้ เช่น กรณีที่นำศพไปทิ้งตามทางหลวง ทางน้ำ เราก็สามารถทราบภูมิลำเนาได้จากเสื้อผ้า ที่เขียนชื่อร้าน ทำให้ทราบภูมิลำเนาของคนตายได้

9) ความพิการของร่างกาย

ความพิการซึ่งเกิดมาแต่กำเนิด อาจจะปากแหว่ง จมูกโหว่ แขนด้วน ไฝ ปาน เราสามารถนำมาตรวจพิสูจน์ได้ แม้แต่ศพเน่า

ความพิการซึ่งเกิดขึ้นภายหลัง เช่น กระดูกหัก รอยสักที่สักเป็นรูปร่างต่างๆ เรียกว่า tattoo

เส้นผม ในเวลา 1 สัปดาห์จะยาว 2.5 ม.ม.

ศพเน่า ตกน้ำ หนังกำพร้าจะลอก Pigment จะหลุดออกไปหมด ทำให้คนทุกคนมีสีขาวเหมือนกันหมด จึงไม่สามารถแยกออกได้ว่า คนคนนั้นเป็นคนผิวขาวหรือผิวดำ เมื่อ Pigment หลุดออกไป จะทำให้เห็นรอยสักชัดเจน ในเวลาที่ศพยังไม่เน่า ลักษณะของเส้นขนจะลุก ตรงรอยของขนจะเป็นรอยนูนๆ ออกมา ซึ่งเป็นเพราะกล้ามเนื้อ Cutis anserina ซึ่งคล้ายหนังห่าน (Goose flesh) มีลักษณะหยาบ

10) ฟัน แบ่งเป็น 2 ชุด ฟันน้ำนม และฟันแท้

การพิสูจน์เกี่ยวกับฟัน พิสูจน์ได้จาก

รอยฟัน เช่น รอยกัดที่ผลไม้ หรือ การทำร้ายร่างกายด้วยฟัน

การอุดฟัน ใส่ฟัน ฟันปลอม ถอนฟัน โดยการนำเอาประวัติการทำฟันมาเปรียบเทียบ

การขึ้นของฟัน สามารถประมาณอายุได้

 

11) ความสูง วัดจากส้นเท้าถึงยอดของศีรษะ เริ่มแต่มีการปฏิสนธิ แล้วไข่จะเจริญเติบโตขึ้น จนถึง 10 เดือนก็ครบกำหนดคลอด ในระหว่างนี้ก็จะมีความยาว ความสูง เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งคลอดออกมา แล้วความสูงจะไม่เพิ่มขึ้น เมื่อหลังอายุ 25 ปีแล้ว การวัดความสูงโดยประมาณ (ใช้กับศพที่ยังไม่เน่า)

1. ความยาวสุดแขน เหยียดทั้งสองข้างของเราเป็นความสูง เป็นความสูงของตัวคนเรา

2. วัดจากกระดูกหัวเหน่า ถึงศีรษะ คูณด้วย 2 = ความสูงของตัวเรา หรือ

วัดจากหัวเหน่าถึงปลายเท้า คูณด้วย 2 = ความสูงของตัวคนเรา

ความยาว (สูง) ของทารกในครรภ์

ใช้สูตร เดือนที่ (1-5)2 = ความยาว

เดือนที่ (6-10) x 5 = ความยาว

เดือนที่ 1 ยาว 1 ซ.ม.

เดือนที่ 2 ยาว 4 ซ.ม.

เดือนที่ 3 ยาว 9 ซ.ม.

เดือนที่ 4 ยาว 16 ซ.ม.

เดือนที่ 5 ยาว 25 ซ.ม.

เดือนที่ 6 ยาว 30 ซ.ม.

เดือนที่ 7 ยาว 35 ซ.ม.

เดือนที่ 8 ยาว 40 ซ.ม.

เดือนที่ 9 ยาว 45 ซ.ม.

เดือนที่ 10 ยาว 50 ซ.ม. ครบกำหนด

ตามปกติสายสะดือจะหลุดหลังจาก 6 วัน หลังคลอด

และตามปกติ เด็กคลอดใหม่ๆ จะมีการตัดสายสะดือโดยใช้เชือกผูกให้เหลือสายสะดือติดอยู่กับตัวเด็กประมาณ 2 นิ้ว

การดูเด็กตายก่อนคลอดหรือหลังคลอด

1. โดยการตัดเนื้อปอดมาลอยน้ำดู (ยังไม่เน่า) ถ้าปอดลอยน้ำ ก็แสดงว่าตายหลังคลอด (หายใจแล้วตาย)

2. ถ้าเน่าแล้วก็อาศัยดูจาก การวัดความยาวของเด็ก แล้วหาอายุตามตารางข้างบน หรือดูจากสายสะดือ เพราะว่า มี พ.ร.บ.ทะเบียนราษฎร์ว่า ต้องแจ้งลูกตายในท้อง ถ้าลูกที่ตายนั้นอายุแต่ 7 เดือนขึ้นไป (แท้งลูก) ต่อนายทะเบียน

*เด็กจะมีความสูงเป็น 2 เท่าของแรกคลอด เมื่อเด็กอายุได้ 2 ขวบ

12) อายุ

ในคนมีชีวิต

– การขึ้นของฟัน ฟันน้ำนม ฟันแท้

– การเจริญของกระดูกส่วนต่างๆ Ossification of bone (บอกอายุได้ไม่เกิน 25 ปี)

ในเด็ก

– ทารกในครรภ์ ความยาว

ในส่วนของศพ

– เด็กหลังคลอด – 5-6 วัน สะดือหลุด

– 24-36 ช.ม. สะดือแห้ง

ผู้ใหญ่ – การขึ้นของฟัน

– ossification of bone

– skull cuture

13) เพศ

ทารกในครรภ์มารดา เมื่อปฏิสนธิก็จะรู้ว่าเป็นเพศไหนอยู่แล้ว ไข่ในรังไข่นั้นมีอยู่ชนิดเดียว แต่เชื้อของผู้ชายนั้นมี 2 ชนิด คือ เชื้อตัวผู้และตัวเมีย

ในศพถ้าเน่าแต่ภายนอก ก็ผ่าดูอวัยวะภายในเชิงกราน ถ้ามีมดลูกก็แสดงว่าเป็นเพศหญิง ถ้าไม่มีก็เป็นเพศชาย

แต่ถ้าศพเน่าหมดแล้ว ก็ต้องตรวจจากกระดูก แต่ก็ไม่สามารถตรวจได้ทุกคน ต้องอายุตั้งแต่ 13-15 ปีแล้ว กระดูกในเพศชายและเพศหญิง จึงจะมีความแตกต่างให้เห็นชัดเจน

เด็กชายจะมีการสร้างเชื้ออสุจิ เมื่อมีอายุ 13 ปีแล้ว และเช่นเดียวกับเด็กหญิงก็จะมีประจำเดือน

เสียงและรูปร่างของชายและหญิงนั้นจะแตกต่างกัน

กระดูกและกล้ามเนื้อ ของชายจะใหญ่กว่าหญิง

ช่วงไหล่ของชายจะกว้างกว่ากระดูกเชิงกราน ส่วนของหญิงนั้นกระดูกเชิงกรานจะใหญ่กว่าช่วงไหล่

เอวของผู้ชาย จะไม่เป็นรูปร่าง

ตะโพกของชายจะแฟบแบน ของหญิงจะอ้วน-กลม

ชายจะมีขนที่หน้าในระยะหนุ่ม

กระดูกกล่องเสียงของชายจะโต (ลูกกระเดือก) ของหญิงจะเล็ก

ทรวงอกของผู้ชายยาวและแคบ ของหญิงจะสั้นและกว้าง

เพราะฉะนั้น หลอดลมของชายจะยาวกว่าของหญิง

พร้อมแนะนำว่าเมื่อต้องส่งสิ่งที่ต้องการไปตรวจ ต้องตั้งคำถามในลักษณะนี้

1. เป็นกระดูกคนใช่หรือไม่

2. เป็นเพศชายหรือหญิง

3. ความสูงเท่าใด

4. อายุเท่าใด

5. ตายมานานเท่าใด จากสภาพของกระดูก

6. มีร่องรอยตำหนิที่กระดูกอย่างไรบ้าง

7. มีร่องรอยบาดแผลถูกอาวุธอย่างไร

8. กระดูกนี้เป็นของใคร โดยมีการตรวจเปรียบเทียบอย่างอื่นประกอบ รวมทั้งทำภาพเชิงซ้อน (Super Impose Photography) ซึ่งต้องมีกะโหลกศีรษะ และขากรรไกรล่าง และมีภาพถ่ายที่ชัดเจน และถ่ายครั้งหลังสุดของคนที่สงสัย

การส่งศพนั้น มีอะไรอยู่เท่าไหร่ ต้องส่งไปให้หมด