นาทีซ้อนแผนจับนักร้องดัง ‘อธิบดีกรมข้าว-เมีย’ ท้าชน ร้องไปตบทรัพย์ไป-รีด 3 ล. จับตาคดีลามถึงปลาใหญ่

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก.แถลงรายละเอียดคดี

 

 

ที่ผ่านมาคนในสังคมล้วนกังขากับบรรดานักร้อง…เรียน ทั้งหลายว่าคนเหล่านี้มีรายได้มาจากไหน

หลายคนไม่เห็นทำมาหากินอย่างอื่นนอกจากร้องเรียนให้ตรวจสอบคนนู้นคนนี้ แต่กลับมีเงินทอง มีบ้านถึง 2 หลัง

การจับกุมนักร้อง…เรียน คนดัง ศรีสุวรรณ จรรยา จึงทำให้เห็นภาพชัดเจนว่าอะไรอยู่ในกอไผ่

 

นาที ตร.ปปป.บุกจับ ‘ศรีสุวรรณ’

บ่ายวันที่ 26 มกราคม เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นำหมายค้น-หมายจับศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เข้าตรวจสอบพื้นที่เป้าหมาย 3 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีข่มขู่รีดเงินอธิบดีกรมการข้าว เป็นเงินกว่า 3 ล้านบาท แลกไม่ยื่นเรื่องร้องเรียน

เป้าหมายสำคัญคือบ้านพักของนายศรีสุวรรณ จรรยา นักร้อง…เรียน คนดัง ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ที่ จ.ปทุมธานี

ปฏิบัติการจับกุมครั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจซ้อนแผนโดยให้ตัวแทนผู้เสียหายส่งซองเงินสด 5 แสนบาทมามอบให้ภรรยาของนายศรีสุวรรณ เมื่อมีการหยิบซองเข้าไปภายในบ้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแสดงตัวขอตรวจค้น

แต่ระดับศรีสุวรรณย่อมไม่ธรรมดา เจ้าตัวรีบคว้าซองเงินวิ่งไปโยนทิ้งที่ข้างบ้านทันที แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไล่ตามจนสามารถยึดคืนกลับมาได้ ก่อนจะแสดงหมายจับให้เจ้าตัวรับทราบและควบคุมตัวไปสอบสวนที่ บก.ปปป.

ไม่ใช่แค่ศรีสุวรรณเท่านั้น แต่ศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ยังอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาอีก 2 คน คือ นายยศวริศ ชูกล่อม หรือ “เจ๋ง ดอกจิก” ประธานกลุ่มรวมใจรักชาติ และเป็นหนึ่งในคณะทำงานเขตราชการที่ 11 ที่ได้รับการแต่งตั้งจาก นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ

และ น.ส.พิมณัฏฐา จิระพุทธิภาคย์ หรือการ์ตูน อดีตผู้สมัคร ส.ส.อุตรดิตถ์ พรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้เข้าควบคุมตัวทั้ง 2 คนในวันเดียวกัน

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมกับเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง ตั้งโต๊ะแถลงข่าวการรวบตัวศรีสุวรรณและพวก ระบุว่า นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว เป็นผู้ร้องเรียนและนำมาสู่แผนการจับกุมในครั้งนี้

นายศรีสุวรรณ จรรยา เผยกำลังใจดี พร้อมทำหน้าที่ตรวจสอบการทุจริตเช่นเดิม

รอง ผบช.ก.ระบุพฤติการณ์ของศรีสุวรรณและพวกว่า จะให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่ากำลังเตรียมเปิดโปงการทุจริตในกรมการข้าว จากนั้นก็ได้ติดต่อมาเจรจากับณัฏฐกิตติ์ พร้อมยื่นข้อเสนอเรียกเงิน 3 ล้านบาท แลกกับการยุติการร้องเรียน

แม้นายณัฏฐกิตติ์จะมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้กระทำผิด แต่กลุ่มของนายศรีสุวรรณและพวกก็ปล่อยข่าวกับสื่อมวลชนเรื่องเตรียมร้องเรียน ก่อนให้คนเจรจากับนางธัญญรัตน์ ไชย์ศิริคุณากร ภรรยานายณัฏฐกิตติ์ พูดทำนองว่า

“ยอมจ่ายๆ ไปจะดีกว่า จะเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องเท็จไม่ใช่สาระสำคัญ กว่าจะตรวจสอบพิสูจน์ความจริงได้ใช้เวลาประมาณ 2-3 ปี ถึงตอนนั้นก็กลายเป็นข่าวเผยแพร่ตามสื่อต่างๆ เสื่อมเสียชื่อเสียงไปแล้ว มันไม่คุ้มหรอก คุณนายยอมจ่ายๆ ไปเถอะทุกอย่างจะได้จบ อย่างน้อยก็ถือว่าเอาไว้เป็นพวกกัน”

นอกจากนี้ ยังมีคลิปเสียงการต่อรองเงินกัน ระหว่างกลุ่มของนายศรีสุวรรณกับนางธัญญรัตน์ โดยเลี่ยงใช้คำว่ากิโลแทนจำนวนเงินล้านบาท เช่น จะให้เขาดูแล 2 กิโล เท่ากับ 2 ล้านบาท ก่อนจะตกลงกันได้ที่ 1.5 กิโล โดยได้จ่ายเงินงวดแรกจำนวน 1.4 แสนบาท ซึ่งทางฝ่ายนางธัญญรัตน์ แอบถ่ายคลิปวิดีโอตอนส่งมอบเงินเก็บไว้เป็นหลักฐาน

น.ส.พิมณัฏฐา จิระพุทธิภาคย์ มอบตัว

นอกจากนี้ ยังมีอีกหนึ่งคลิปที่นางธัญญรัตน์คุยกับ นาย ศ. โดยเป็นการคุยกันหลังจากที่มีการโอนเงินไปให้ส่วนหนึ่งแล้ว แต่ยังโอนไม่ครบตามจำนวนที่ตกลงกัน 1.5 ล้าน ทำให้ต้องมีการเจรจาว่าต้องจ่ายเงินส่วนที่เหลืออีก และบอกว่า ถ้าจ่ายตามที่ตกลงเดี๋ยวจะจบเรื่องนี้

โดยในคลิป ภรรยาอธิบดีกรมการข้าวบอกว่า เหมือนพูดแล้วไม่ค่อยจะจบค่ะพี่ สรุปแล้ว 1.5 ล้าน แล้วหักออก 6 หมื่น ที่เขามาเอาไปก่อนหน้านี้ แต่เขาก็ยังบอกอีกว่าฝ่ายเอกสารตาม แล้วขออีก 1 แสน ให้จ่ายที่เขา ส่วน 1.4 ล้านเอามาให้พี่ (นาย ศ.)

ทางฝั่งนาย ศ. บอกว่าไม่เกี่ยว ข้อตกลงคือ 1.5 ล้าน ถ้าเบิกไปแล้ว 6 หมื่น ก็จะเหลือ 1 ล้าน 4 แสน 4 หมื่น ส่วนที่เหลือ เขาจะไปคุยอะไรมันก็เป็นเรื่องของเขา ไม่เกี่ยว พี่…ไม่รับรู้ ไม่รับทราบ

ทางฝั่งภรรยาอธิบดีกรมการข้าวบอกอีกว่า เค้าบอกว่าเดี๋ยวเอกสารมันไปที่อื่น เขาอาจจะไปร้องที่อื่น ทางฝั่งนาย ศ. ตอบสวนขึ้นมาอย่างมีอารมณ์ว่า “ไม่มีหรอก! ถ้าจบตรงนี้ มันก็จบตรงนี้ มันจะไปที่อื่นได้ยังไง ไม่ต้องไปฝืน จะมาฝืนข้อตกลงที่ผมกำหนดไว้ได้อย่างไร ไม่มีอะไรหรอก มันก็แกล้ง”

ภรรยาอธิบดีกรมการข้าวบอกอีกว่า ฝั่งนั้นเขาอ้างว่าจะต้องเอาไปจ่ายหลายส่วน ทั้งคณะกรรมาธิการอะไรอย่างนี้ด้วย นาย ศ. บอกว่า “ไม่เกี่ยวๆ เพราะเรื่องนี้ยังไม่ไปถึงไหน มันจบแค่นี้ คุยกันจบ ก็คือจบ”

หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้เวลาสอบปากคำศรีสุวรรณและเจ๋ง ดอกจิก เป็นเวลานานเกือบ 9 ชั่วโมง ทั้งคู่ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ก่อนวางเงินสด 400,000 บาทเพื่อขอประกันตัว โดยหลังได้รับการประกันตัว ศรีสุวรรณยืนยันว่า ตนถูกกลั่นแกล้ง ไม่มีการเรียกรับเงินจากอธิบดีกรมการข้าว ส่วนที่โยนเงิน 500,000 บาททิ้งข้างบ้าน เป็นเพราะตนไม่ทราบที่มาที่ไปของเงิน มีคนนำเงินมาแขวนไว้ที่บ้าน ภรรยาจึงนำเงินดังกล่าวมาให้

ศรีสุวรรณยอมรับว่ารู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ไม่เสียขวัญและยังมีกำลังใจดี พร้อมเดินหน้าทำหน้าที่ตรวจสอบการทุจริตเช่นเดิม

ณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว

อธิบดีกรมการข้าวชนแก๊งตบทรัพย์

ต่อมาวันที่ 30 มกราคม ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว แถลงชี้แจงว่า ประเด็นที่เกิดขึ้นนั้น ตนกับภรรยารวบรวมข้อมูลมานานพอสมควรก่อนไปแจ้งความดำเนินคดี โดยทีมงานที่ปรึกษา รมว.เกษตรฯ ไม่มีใครทราบเรื่องนี้สักคน

จนวันที่ 28 พฤศจิกายน 2566 ด้วยความรำคาญใจ ตนและภรรยาจึงชวนนายหมู ที่ปรึกษา รมว.เกษตรฯ ซึ่งเป็นรุ่นพี่ ไปหานายศรีสุวรรณ ซึ่งเป็นรุ่นน้อง ม.แม่โจ้ ถึงที่บ้าน ให้นายหมูไปเป็นพยาน ไม่ได้ไปจ่ายเงิน และไม่ได้ไปคุยเรื่องเคลียร์เงิน แต่ไปคุยว่าผลการสอบสวนการร้องเรียนโครงการต่างๆ ออกมาแล้วตนไม่ได้ผิดอะไร จะเรียกร้องอะไร นายศรีสุวรรณก็ไม่ได้ตอบโต้กลับ ก่อนจะกลับบ้านมา

จากนั้นนายศรีสุวรรณ และนายยศวริศ ยื่นหนังสือต่อคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้ตรวจสอบการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้าง โครงการประกวดราคาซื้อเครื่องบินขนาดกลางของกรมฝนหลวงและการบินเกษตร และไม่ได้พบกันอีก มีเพียงภรรยาที่ไปพบเท่านั้น ยืนยันว่าการให้เงินนายศรีสุวรรณทุกครั้งนั้นเป็นการล่อซื้อที่ได้หารือกับตำรวจแล้ว

นายณัฏฐกิตติ์กล่าวอีกว่า ด้วยความคับแค้นเจ็บใจและความที่ตนเป็นคนหัวร้อน ตนกับภรรยาจึงวางแผนเพื่อไม่ให้ รมว.เกษตรฯ ต้องเดือดร้อน จ้างทนายความมาสู้คดี ตายเป็นตาย ถ้าตนผิดก็ต้องถูกสอบสวน ซึ่งผลการสอบสวนก็ชี้ชัดว่าตนไม่ได้ทำผิด เมื่อนายศรีสุวรรณถูกจับ ทีมงานทราบภายหลัง ตนจึงโทรศัพท์ไปแจ้งให้ รมว.เกษตรฯ ทราบและขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้น โดยท่านก็ให้ดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมายและให้กำลังใจตน

ที่ทราบว่ามีการร้องเรียนถึงตนนั้น เหตุเพราะมีจดหมายร้องเรียนเข้ามา แต่จ่าหน้าซองผิด แทนที่จะเป็น รมว.เกษตรฯ กลับจ่าหน้าเป็นชื่อตน จึงรู้ที่มาที่ไปของเรื่อง ก่อนไปแจ้งความไว้ที่ สภ.แก้งสนามนาง จ.นครราชสีมา

ขณะที่ นายดนุเดช ศิริวงษ์ตระกุล ที่ปรึกษากฎหมายของอธิบดีกรมการข้าว สรุปไทม์ไลน์ก่อนการจับกุมศรีสุวรรณว่า เมื่อเดือนกรกฎาคม 2566 มีบัตรสนเท่ห์ส่งไปรษณีย์จาก จ.นครราชสีมา มาที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร้องตรวจสอบทุจริต 4 โครงการ ไม่ลงชื่อคนร้อง

นายศรีสุวรรณ จรรยา เผยกำลังใจดี พร้อมทำหน้าที่ตรวจสอบการทุจริตเช่นเดิม

ต่อมา พฤศจิกายน 2566 มีหนังสือส่งถึงกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งที่ปรึกษาของกระทรวงรู้ว่ามาจากนายศรีสุวรรณ จรรยา โดยอธิบดีถูกเรียกไปชี้แจงยืนยันว่าไม่เป็นความจริง แต่เพื่อตัดปัญหาจึงไปคุยกับนายศรีสุวรรณที่บ้าน

แต่เรื่องราวกลับไม่จบ เมื่อ 20 ธันวาคม 2566 นายศรีสุวรรณ พร้อมนายยศวริศ แถลงข่าวที่สภา เรื่องโครงการซื้อเครื่องบินของกรมฝนหลวงฯ โดยช่วงท้ายยังพาดพิงกรมการข้าวเกี่ยวกับข่าวทุจริตมูลค่าหมื่นล้านบาท จากนั้นจึงมีคนโทร.มาเจรจาเรียกเงิน 3 ล้านบาท ก่อนจะตกลงกันได้ที่ 1.5 ล้าน

ค่ำวันที่ 21 ธันวาคม 2566 ภรรยาอธิบดี โอนเงินก้อนแรกไปตามบัญชีม้าที่ส่งมาให้ จำนวน 50,000 บาท จากนั้นไม่กี่วันก็โอนเงินเข้าบัญชีเดิมอีก 10,000 บาท มกราคม 2567 ภรรยาอธิบดี นำเงินสดไปให้อีก 100,000 บาท ที่บ้านนายศรีสุวรรณ จากนั้นจึงนำหลักฐานร้องตำรวจ

ขณะที่ฝ่ายนายศรีสุวรรณกดดันให้เอาส่วนที่เหลือมาให้ครบ 1.5 ล้านบาทตามตกลง ไม่อย่างนั้นจะมีการแถลงข่าวในวันศุกร์ที่ 26 มกราคม 2567

ซึ่งในช่วงเช้าวันดังกล่าวมีคนโทร.หาภรรยาอธิบดี ขอให้เคลียร์เงินก่อนเที่ยง ไม่อย่างนั้นจะแถลงข่าว จากนั้นภรรยาอธิบดีนัดมอบเงิน โดยให้ไปแขวนเงินไว้หน้าบ้านนายศรีสุวรรณ ช่วงบ่ายภรรยาอธิบดีนำเงินไปแขวนหน้าบ้านก่อนที่ภรรยานายศรีสุวรรณจะมาหยิบเข้าบ้านไปจนตำรวจเข้ารวบตัวดังกล่าว

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่าคดีนี้ยังต้องสืบอีกยาว ไม่จบแค่คดีของอธิบดีกรมการข้าวแน่ เพราะดูจากพฤติกรรมคงไม่ได้ทำแค่ 3 คน มีการแบ่งหน้าที่กันทำ ต้องมีอีก 1 คนเป็นคนเสิร์ฟข้อมูลให้นำไปร้องเรียน ต้องมีปลาใหญ่ร่วมด้วย รอดูว่าปลาใหญ่จะเอายังไง เพราะยังมีอีกหลายหน่วยงานเจอแบบเดียวกัน โดยถูกตบทรัพย์สูงถึง 100 ล้าน และเตรียมออกหมายจับผู้ต้องหาสำคัญทางคดีเพิ่มอีกไม่น้อยกว่า 2 คน

คดีจับนักร้องเรียนครั้งนี้ถือเป็นการกระชากหน้ากาก ขบวนการร้องไป ตบทรัพย์ไป ออกมาตีแผ่ให้สังคมได้เห็น

ส่วนจะตัดตอนแค่ 3 คนนี้ หรือสามารถสืบสวนลึกไปถึงไอ้โม่งที่อยู่เบื้องหลัง คงเป็นประเด็นที่ต้องดูกันชนิดห้ามกะพริบตา