สะท้อน

พิชัย แก้ววิชิต

ผ้าใบกันแดดกันฝน พลิ้วไสวขึ้นลงตามแรงลม จนท้ายที่สุดเมื่อหมดลมก็ไร้แรง ผ้าใบผืนเก่าจึงพิงพาดอยู่นิ่งไม่ขยับอยู่ริมคลอง

และไม่ห่างกันนักกับ “เงาสะท้อนของผืนผ้าใบ” กลับกำลังพลิ้วไหวขยับขึ้นลงอยู่บนผิวน้ำ

ภาพความจริงของผ้าใบในอีกรูปแบบ ภาพสะท้อนกลไกของธรรมชาติว่าด้วยเรื่องของแสงเงากับการมองเห็นของดวงตา กับความเป็นจริงของสิ่งหนึ่งที่อาจสะท้อนให้เห็นได้มากกว่ามุมมองเดียว

ในชีวิตของคนคนหนึ่ง หรือแม้กระทั่งตัวผมเอง ในแต่ละวันอาจต้องพบเจอและรับรู้ถึง “การสะท้อนกลับไปมาของเรื่องราวดีๆ ร้ายๆ” มากมาย ทั้งในแบบส่วนตัวและในแบบสาธารณะ ในแต่ละวันกับเสียงสะท้อนจากภายนอกของคนรอบข้าง และคนอื่นๆ ที่เราไม่รู้จัก อีกทั้งยังมีเสียงสะท้อนจากภายในตัวเองที่อาจเข้าท่าบ้าง ไม่เข้าท่าบ้าง เพื่อการตัดสินใจเลือกซื้อจับจ่ายใช้สอย เพื่อการทำงาน หรือการที่แอบตัดสินผู้อื่น ก็ล้วนแล้วอาศัยสิ่ง “สะท้อนจากความรู้สึกนึกคิด” และร่วมด้วยช่วยกันจากความตื้นลึกหนาบางของประสบการณ์

และความรับผิดชอบที่มีกี่มากน้อย

ในวันดีๆ ของชีวิตท่ามกลางความมืดมนที่ไม่ได้เลือก ช่วงเวลาที่แสงภายในใจสว่างมากพอที่จะส่องสะท้อนให้เห็นแง่มุมสิ่งดีๆ ให้เราได้เห็นต่างออกไปจากมุมที่กำลังมืด และสิ่งสะท้อนอาจย้อนเวลากลับไป ให้เห็นเรื่องราวที่ได้ผ่านพ้นไปอีกครั้ง การสะท้อนที่จะทำให้ได้รับรู้ถึงเหตุปัจจัย และผลลัพธ์ในสิ่งที่ได้เกิดขึ้น ทั้งเรื่องที่ดีและไม่ดี ความผิดพลาดและความถูกต้อง อาจได้แก้ไขและปรับปรุงให้ดีขึ้นได้ หรือปล่อยผ่านเพื่อความเบาสบายของชีวิต / เทคนิค : F/6.3 1/800 ISO100 / สถานที่ : ย่านปากคลองตลาด กรุงเทพฯ

“ภาพถ่ายที่สะท้อนออกมาจากความรู้สึก” ประโยคที่ผมไม่เคยละทิ้งเลยสักครั้งเมื่อต้องถ่ายภาพ

การได้พบเจอกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า มันสะท้อนอะไรบางอย่างที่ออกมาจากความรู้สึก ด้วยความซื่อสัตย์

สิ่งนี้มักจะเป็นตัวชี้เป้าให้ผมเห็นมุมที่ได้มองเสมอ

บางครั้งเสียงสะท้อนก็มีไว้ให้เลือก ถ้าต้องเลือกคำสองคำระหว่างคำว่า “คนอื่น” กับคำว่า “เพื่อนที่ยังไม่รู้จัก” ความหนักเบาทางอารมณ์อาจมีผลมาจากสิ่งสะท้อนที่เราได้เลือกแล้ว จะเพิ่มมิตรหรือลดศัตรูคงต้องขึ้นอยู่กับ “เสียงสะท้อนดีๆ จากหัวใจของเราเอง” สะท้อนแห่งสำนึกเพื่อให้เกิดการ “สะทกสะท้านรู้ถึงความผิดชอบชั่วดีของการอยู่ร่วม” มันอาจจะดูโลกสวยไปบ้าง แต่การยิ้มให้ก่อนก็เป็นสิ่งทรงอิทธิพลมาเนิ่นนาน

ในความมืดที่ไร้แล้วซึ่งการสะท้อนใดๆ มันเป็นเรื่องปกติเมื่อความมืดนั้นเกิดจากการไม่มีแสงจากดวงอาทิตย์ หากแต่ความมืดมิดที่ไม่อาจสะท้อนความรู้สึกนึกคิดสวยๆ และไร้แสงงามๆ จากภายในใจของความรัก

ความมืดบอดในแบบนี้อาจสะท้อนให้เห็นด้านมืดที่เป็นภัยต่อตัวเอง และเพื่อนที่เรายังไม่รู้จัก ความมืดที่จะสะท้อนด้านมืดของการทำร้ายซึ่งกัน อย่างที่เป็นข่าวรายวัน กับ “ความมืดมิดที่สะท้อนความน่ากลัว”

การสะท้อนกลับจากบางสิ่งบางอย่าง อาจไม่จำเป็นต้องอาศัยแสงจากภายนอก

ในวันดีๆ ของชีวิตท่ามกลางความมืดมนที่ไม่ได้เลือก ช่วงเวลาที่แสงภายในใจสว่างมากพอที่จะส่องสะท้อนให้เห็นแง่มุมสิ่งดีๆ ให้เราได้เห็นต่างออกไปจากมุมที่กำลังมืด และสิ่งสะท้อนอาจย้อนเวลากลับไป ให้เห็นเรื่องราวที่ได้ผ่านพ้นไปอีกครั้ง

การสะท้อนที่จะทำให้ได้รับรู้ถึงเหตุปัจจัย และผลลัพธ์ในสิ่งที่ได้เกิดขึ้น ทั้งเรื่องที่ดีและไม่ดี ความผิดพลาดและความถูกต้อง อาจได้แก้ไขและปรับปรุงให้ดีขึ้นได้ หรือปล่อยผ่านเพื่อความเบาสบายของชีวิต ถ้ารู้จักมองจากสิ่งสะท้อนอย่างเข้าใจ

ขอบคุณมากมายครับ •

 

เอกภาพ | พิชัย แก้ววิชิต