ตร.ขยายผลคดีป้าบัวผัน ชง ป.ป.ช.ฟัน ด.ต.คลุมถุงดำ โผล่อีกแก๊งวัยรุ่นนนทบุรี

ด.ต.ภิเศก พวงมาลีประดับ คนคลุมถุงดำ ถูกแจ้ง ผิด ม.157

ยิ่งขุด ยิ่งเจอ วีรกรรมฉาว ‘แก๊งตังค์ไม่ออก’ สร้างความเดือดร้อนเอือมระอาให้ชาวบ้านในพื้นที่อรัญประเทศ และ จ.สระแก้ว มานาน แต่แทบไม่เคยต้องรับโทษ เพราะอะไร?

พฤติกรรมที่โหดร้ายเกินอายุ สังคมจึงกดดันหนักให้แก้กฎหมายเด็กและเยาวชน โดยให้ดำเนินคดีในฐานะผู้ใหญ่กับเด็กและเยาวชนที่ก่อคดีอาญาร้ายแรง

รวมทั้งการประกาศใช้เคอร์ฟิวเด็ก ห้ามออกนอกบ้านหลัง 4 ทุ่ม โดยไม่มีผู้ปกครองมาด้วย ดังเช่นที่หลายประเทศในโลกนำมาใช้

สังคมจี้แก้ไข พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก

คดีฆาตกรรมป้าบัวผันที่บานปลายกลายเป็นคดีจับแพะ คลุมถุงดำ ‘ลุงเปี๊ยก’ ข่มขู่บังคับให้รับสารภาพ ก่อนคดีจะพลิกเมื่อมีสื่อนำเสนอหลักฐานภาพวงจรปิดขณะเกิดเหตุ จนตำรวจสามารถจับกุมเยาวชนผู้ก่อเหตุทั้ง 5 คน ประกอบด้วย แบงค์ อายุ 13 ปี, กัส อายุ 13 ปี, เชน อายุ 14 ปี, โก๊ะ อายุ 14 ปี และบิ๊ก อายุ 16 ปี ที่ 2 ใน 5 ผู้ต้องหาเป็นลูกตำรวจในท้องที่เกิดเหตุ

บทสรุปจากคณะกรรมการตรวจสอบที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. สั่งตั้งขึ้นมา โดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบช.ภ.2, พล.ต.ต.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผบก.สส.ภ.2, พล.ต.ต.ฉัตรชัย สุรเชษฐพงษ์ รอง ผบช.ภ.2, พล.ต.ต.ออมสิณ บุญญานุสนธิ์ ผบก.ภ.จว.สระแก้ว, พ.ต.อ.เอกอนันต์ หูแก้ว รอง ผบก.ภ.จว.สระแก้ว พบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นายที่มีความผิดทางวินัย คือ พ.ต.ท.พิชิต วัฒโน รอง ผกก.สส.สภ.อรัญประเทศ และ ด.ต.ภิเศก พวงมาลีประดับ ผบ.หมู่ (สส.) ตำรวจใส่ขาเทียมที่ลุงเปี๊ยกยืนยันว่าเป็นคนใช้ถุงดำคลุมหัว พูดขู่ว่า “เอาซะดีไหม” โดนเพิ่มข้อหา เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามมาตรา 157

ส่วนความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 หรือ กม.อุ้มหาย กรรมการชุดนี้มองว่าพยานหลักฐานยังไม่เพียงพอที่จะแจ้งข้อกล่าวหา

จึงส่งเรื่องให้พนักงานสอบสวนสอบสวนต่อไป

น.ส.บัวผัน ตันสุ หรือป้ากบ หรือป้าบัวผัน

แต่ที่สังคมยังกังขาและยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจน คือความผิดพลาดของตำรวจชุดจับกุมลุงเปี๊ยกครั้งนี้ เกิดจากความพลาดพลั้งโดยไม่เจตนา หรือลึกๆ แล้วเป็นความพยายามช่วยเหลือพรรคพวกกันแน่

เพราะจากความพยายามแสดงหลักฐานชี้แจงของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งคำถามเรื่องการได้มาซึ่งคลิปภาพวงจรปิดของสื่อ, บันทึกการสนทนาระหว่าง สารวัตรสืบสวนกับลูกน้องที่ไปไล่เช็กภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณจุดเกิดเหตุ หรือบทสนทนากับสารวัตรสอบสวนเจ้าของคดีที่ระบุว่านำตัวลุงเปี๊ยกส่งฝากขังต่อศาลจังหวัดสระแก้วไปแล้ว ก็ยังถูกจ้องจับพิรุธ

หลังเห็นความจริงจังของสื่อและ ‘กัน จอมพลัง’ ที่กัดไม่ปล่อย รวมทั้งนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่รับไม่ได้ถึงพฤติกรรม สั่งให้ตำรวจจัดการปัญหาแก๊งอาชญากรเยาวชนอย่างจริงจัง ชาวบ้านในพื้นที่อรัญประเทศที่ทุกข์กับพฤติกรรมของแก๊งวัยรุ่นแก๊งนี้ ก็เริ่มทยอยเปิดตัวให้ข้อมูลวีรกรรมฉาวของ ‘แก๊งตังค์ไม่ออก’

ตร.ภ.2ตรวจเข้มเคอร์ฟิวเด็กหลัง4ทุ่ม

วันที่ 23 มกราคม พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ให้สัมภาษณ์ถึงผลการสืบสวนขยายผลคดีที่กลุ่มเยาวชน แก๊งตังค์ไม่ออก ก่อเหตุมาทั้งหมดว่า มีทั้งสิ้น 11 คดี ทั้งคดีร่วมกันฆ่าผู้อื่น ข่มขืน กระทำอนาจาร ทำร้ายร่างกาย ซึ่งนอกจากเยาวชนทั้ง 5 คนที่ถูกจับไปแล้ว ก็ยังมีสมาชิกแก๊งทั้งที่เป็นเยาวชนและโตแล้ว ร่วมก่อเหตุอีกหลายราย

ขณะที่การป้องกันปัญหา พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ก็สั่งใช้เคอร์ฟิวเด็กในพื้นที่ จ.สระแก้ว ห้ามเยาวชนออกจากบ้านหลังสี่ทุ่มโดยไม่มีผู้ปกครอง โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อรัญประเทศ บูรณาการกับหน่วยงาน กก.สส.ภ.2, นปพ.กก.สส.ภ.2, กก.สส.ภ.จว.สระแก้ว และฝ่ายปกครอง ปฏิบัติการ “เมืองอรัญปลอดภัย คนดีอยู่สบาย คนร้ายอยู่ร้อนนอนทุกข์” ออกลาดตระเวนตั้งด่านตรวจ จัดชุดมวลชนสัมพันธ์ออกปฏิบัติการจิตวิทยา ทำความเข้าใจกับชาวบ้านในชุมชนต่างๆ ตามสระแก้วโมเดล

แค่ประกาศเคอร์ฟิวเด็กคืนแรก เจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน ยาเสพติด จับกุมผู้เสพ-เมา รวม 8 คน ทำทัณฑ์บนผู้ปกครอง 20 ราย และตรวจยึดรถจักรยานยนต์ จำนวน 35 คัน

ส่วนประเด็นเรื่องกฎหมายคุ้มครองเด็กและเยาวชน ที่มีกระแสเรียกร้องให้แก้ไขลดอายุผู้กระทำผิดมาตั้งแต่เกิดเหตุการณ์เด็กชาย 14 กราดยิงในห้างสยามพารากอน นายกรัฐมนตรีสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งพิจารณาว่าจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนแก้ไขให้ทันยุคสมัยขึ้นหรือไม่

เรื่องนี้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ สั่งการให้ฝ่ายกฎหมายและคดี มาดูในข้อกฎหมายว่ามีสนธิสัญญาเกี่ยวกับสิทธิ์เกี่ยวกับสิทธิเด็ก ที่ประเทศไทยไปทำไว้กับสหประชาชาติว่าจะเป็นอุปสรรคหรือไม่ และดูข้อศึกษาของประเทศญี่ปุ่น และประเทศเยอรมนี นำไปเปรียบเทียบกัน โดยให้สรุปมาภายในสิ้นเดือนมกราคมนี้ เพื่อนำเสนอนายกรัฐมนตรี และให้กระทรวงยุติธรรมได้สานต่อ

คุม ตี๋ ท่าทราย หัวหน้าแก๊งทรายทอง ทำแผนฯ

โผล่อีก ‘แก๊งทรายทอง’

ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรก หลัง ผบ.ตร.สั่งระดมล้างบางแก๊งโจ๋ทั่วทุกพื้นที่ ก็ปรากฏเรื่องราวของโจ๋ที่ชื่อ ‘แก๊งทรายทอง’ ตามหน้าสื่อ เมื่อหนุ่มวัย 18 ปี เข้าร้องขอความช่วยเหลือจากนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด และที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่าถูกแก๊งอันธพาลวัยรุ่นไล่ทำร้ายจนบาดเจ็บนิ้วขาด เหตุเกิดในพื้นที่นนทบุรี

หนุ่มเคราะห์ร้ายเล่าว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเวลาประมาณตี 1 วันที่ 16 มกราคม ที่บริเวณซอยประชาชื่นนนทบุรี 9/1 ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.นนทบุรี ตนกับเพื่อนรวม 3 คน กำลังขี่รถจักรยานยนต์กลับที่พักหลังจากเลิกงาน เมื่อมาถึงที่บริเวณหน้าปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ก็มีกลุ่มผู้ก่อเหตุประมาณ 7-8 คน ตะโกนหาเรื่องขึ้นมาว่า “มองหน้าพวกกูทำไม” ซึ่งทำให้ตนอยู่ในอาการงงเพราะว่ายังไม่ทันได้มองหน้าใคร ก็เลยขี่รถจักรยานยนต์ต่อไป

ทันทีที่มาถึงจุดเกิดเหตุ กลุ่มผู้ก่อเหตุได้ขับรถมาขวางหน้า พร้อมกับชักปืนจี้มาที่หัวให้ตนจอดรถ จากนั้นก็มีคนมาต่อยที่หน้า หนึ่งในผู้ก่อเหตุใช้อาวุธมีดฟันมาที่ตนสองครั้ง ทำให้โทรศัพท์และนิ้วก้อยฝั่งขวาขาดจนหมอไม่สามารถเย็บต่อได้

ด้านนายเอกภพเผยว่า ขณะนี้มีผู้เสียหายส่งข้อมูลของแก๊งทรายทองมาเพิ่มกว่า 10 คน ซึ่งบางคนยังหวาดกลัวไม่กล้ามาให้ข้อมูล และบางคนถึงกับต้องหนีไปอยู่ต่างจังหวัด ขณะนี้ตนได้คุยกับผู้กำกับการ สภ.รัตนาธิเบศร์ ก็ได้บอกว่าได้รวบรวมข้อมูลจากผู้เสียหายไว้หมดแล้ว ยืนยันว่าจะตามล่าแก๊งนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ครบทุกคน ถึงแม้ว่าจะเป็นเยาวชน แต่กลุ่มผู้ก่อเหตุมีอายุเกิน 12 ปีแล้วซึ่งกฎหมายสามารถเอาผิดได้

ทั้งนี้ มีข้อมูลจากอดีตสมาชิกแก๊งทรายทอง ให้ข้อมูลกับเพจสายไหมต้องรอดว่า แก๊งนี้จะเป็นวัยโจ๋ใน ต.ท่าทราย มีการนัดรวมตัวกันในพื้นที่ อ.เมืองนนทบุรี และ อ.ปากเกร็ด

แต่ถ้าหากวันไหนมีการรวมตัวกันในจำนวนมาก ก็จะใช้หมู่บ้านทรายทองเป็นที่รวมตัว จากนั้นจะมีการมั่วสุมเสพยาเสพติด ก่อนจะไปตระเวนหาผู้เสียหายมาทำร้าย หากเจอผู้หญิงที่หน้าตาดีจะฉุดไปรุมโทรม

 

ล่าสุด วันที่ 22 มกราคม พ.ต.อ.คมกฤษณ์ คำบุศย์ ผกก.สส.ภ.จว.นนทบุรี พ.ต.อ.พิสุทธิ์ จันทรสุวรรณ ผกก.สภ.รัตนาธิเบศร์ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน ร่วมกันจับกุมตัว นายปฏิภาณ ดวงเพียอ้ม หรือตี๋ อายุ 18 ปี หัวโจกแก๊งทรายทอง ในข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส, ร่วมกันพาอาวุธไปที่สาธารณะ ได้ที่ลานจอดรถจักรยานยนต์ห้างดังย่านราชพฤกษ์ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี

นายตี๋สารภาพว่า สาเหตุเกิดจากการเข้าใจผิดว่าคนเจ็บไปด่าเพื่อนของตน ตนก็ให้รุ่นน้องกระทืบ และไม่ได้รู้จักกับ 2 คนนี้มาก่อน เรื่องที่ข่าวเข้าใจผิดก็คือตัดนิ้ว ข่มขืนผู้หญิง รุมโทรม ถังน้ำมันเผาบ้าน ไม่เป็นความจริง ยอมรับว่ามีรุมทำร้ายจริง แต่ไม่ได้ทำถึงขนาดที่ปรากฏในข่าว พอมีเรื่องนี้เกิดขึ้นตนก็ไม่ได้อยู่เป็นหลักเป็นแหล่ง เพราะรู้ตัวแล้วว่าตัวเองมีคดี เวลาจะเรียกรวมตัวก็ใช้โทร.นัด ส่วนใหญ่จะนัดเวลาประมาณ 2-3 ทุ่ม

พ.ต.อ.พิสุทธิ์กล่าวว่า การรวมตัวของกลุ่มนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นเยาวชน มีจำนวนคนที่กระทำความผิดในคดีนี้ประมาณ 7 คน แต่กำลังตามสืบว่าแก๊งนี้จริงๆ มีทั้งหมดจำนวนกี่คน มีใครบ้าง กำลังหาข้อมูลรายละเอียดเพื่อที่จะเข้าตรวจสอบทั้งหมดให้ครบถ้วนทุกคน รวมถึงการกระทำความผิดที่เคยทำมาทั้งหมด เพื่อดำเนินคดีให้ครบถ้วน ให้ไม่กล้ากระทำความผิดกันอีก

ในการสืบสวนถ้าหากพบว่าผู้ปกครองของเด็กที่เป็นเยาวชนทั้งหมดมีส่วนในการกระทำความผิดเรื่องการปล่อยปละละเลยให้เด็กไปกระทำความผิด ไปสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น เราจะดำเนินคดีกับผู้ปกครองด้วยเช่นกัน

ในท่ามกลางกระแสสังคมที่หวาดผวาแก๊งเยาวชนเกเร ยังไม่รู้ว่าจะโดนขุดโดนแฉออกมาอีกกี่แก๊ง ซึ่งจะต้องเร่งแก้ปัญหากันครั้งใหญ่

นอกจากต้องใช้กฎหมายเข้มงวด แก้กฎหมายให้เหมาะสมแล้ว การแก้ทางสังคม โดยเฉพาะแก้ด้วยครอบครัว ก็เป็นอีกส่วนที่จำเป็นด้วยเช่นกัน