อินฟลูเอนเซอร์ #Pigkaploy นำวิถี พลาดเป้า จากทหารมีไว้ทำไม สู่เสนาพาณิชย์

ประเด็นร้อนมาแรงในรอบสัปดาห์ ปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่องของ “พลอย-พลอยไพลิน ตั้งประภาพร” ยูทูบเบอร์เจ้าของช่อง “Pigkaploy” ที่เผยแพร่คลิปวิดีโอตามติดภารกิจทหารของหน่วยเฉพาะกิจไชยานุภาพ หน่วยปฏิบัติการผาดง กองกำลังผาเมือง อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ พร้อมข้อความบนปกคลิปชวนเรียกแขกอย่าง #ทหารมีไว้ทำไม กลายเป็นหัวข้อดราม่าร้อนในสังคมและการเมือง จนถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหน่วง

โดยเฉพาะประเด็นว่าด้วยเรื่อง Pigkaploy รับงาน “Propaganda” หรือโฆษณาชวนเชื่อจากกองทัพมาหรือไม่?

จนเจ้าตัวแก้ไขปกคลิปที่เดิมปรากฏข้อความว่า “ทหารมีไว้ทำไม” เปลี่ยนใหม่เป็น “ตามติดชีวิตทหารชายแดน”

แต่ก็ดูจะไม่ทันการ เพราะกระแสดราม่าไหลไปไกลและไวมาก

บวกกับสื่อโซเชียลมีเดียของกองทัพก็ได้แชร์คลิปวิดีโอดังกล่าว พร้อมขอบคุณที่ผลิตคลิปดังกล่าวออกมา ยิ่งจุดกระแสไฟดราม่าให้ร้อนแรงกว่าเดิม

 

จนท้ายที่สุด Pigkaploy ก็ออกมาโพสต์ข้อความชี้แจงถึงเรื่องที่เกิดขึ้น พร้อมยืนยันไม่ได้ฟอกขาวให้กองทัพ แค่อยากให้เห็นถึงความเป็นอยู่ของทหารชายแดนเท่านั้น ใจความสำคัญบางช่วงบางตอนระบุว่า

“พลอยอยากจะอธิบายเจตนาในการทำเรื่องราวของทหารชายแดน เจตนาของพลอยคือ อยากให้ทุกคนได้เห็นการทำงานของพี่ๆ ทหารชายแดน เพราะพลอยรู้สึกว่าน้อยคนที่จะได้เข้าไปเห็นการใช้ชีวิต พลอยทราบดีว่าทุกคนรู้ว่าทหารชายแดนทำอะไรบ้าง แต่พลอยอยากเล่าในมุมมองที่ว่าเขากินอะไรบ้าง อยู่ยังไงบ้าง และการปฏิบัติงานเขาต้องทำงานยังไง โดยเล่าผ่านภาพและมุมมองที่พลอยไปเจอ และพลอยก็ได้รับความร่วมมือจากกองทัพบกโดยตรงในการช่วยประสานงานเข้าไปดูพื้นที่ในการปฏิบัติงาน เพราะเป็นพื้นที่ต้องขออนุญาต”

“จริงๆ พลอยมีถามประเด็นที่หลายคนสงสัยไปในคลิปเช่นกัน แต่พลอยตัดออก เพราะไม่อยากให้พี่ๆ ทหารชายแดน และคนที่ช่วยประสานงานให้พลอยได้รับผลกระทบ”

“ในส่วนของประเด็นชื่อคลิป ทหารมีไว้ทำไม? เป็นเพียงการนำเสนอในคลิปแรกเท่านั้น แต่ไม่ใช่ชื่อของทั้งโปรเจ็กต์ พลอยผิดจริงๆ ที่คิดน้อยไป ทำให้ประโยคนี้คนตีความไปได้หลายแบบ ถามว่าพลอยไม่ทราบจริงๆ เหรอ ว่าคำถามนี้คนเขาหมายถึงใคร”

“พลอยทราบค่ะว่าเขาหมายถึงคนมีอำนาจบางกลุ่มหรือนายพลยศใหญ่ แต่ประโยคนี้พลอยเลือกมาเป็นปกคลิปหรือการปูเนื้อหาเข้าวิดีโอ เพราะพลอยได้คุยกับพี่ๆ ทหารชายแดน ว่าเขาได้อ่านคอมเมนต์ที่ด่าว่า แบบเหมารวมทหารทั้งหมด ถึงแม้ว่าคนที่คอมเมนต์เหล่านั้นคนจะไม่ได้หมายถึงพวกเขา แต่พี่ๆ เขาก็น้อยใจ และเจ็บปวดกับคำถามนี้ พลอยคิดว่าการตั้งประโยคนี้ เพราะหวังว่าจะเป็นการตอกย้ำให้เห็นว่า ทหารจริงๆ มีไว้ทำไม”

“เหตุผลที่พลอยลบคลิปหรือตั้งส่วนตัวไว้ เพราะไม่ต้องการให้มีใครนำไปใช้ผิดจากที่พลอยตั้งใจไว้ ทั้งนี้พลอยยังเชื่อในประชาธิปไตยที่แท้จริง ที่รัฐบาลได้มาจากเสียงของประชาชน และการทำงานที่โปร่งใส พลอยต้องขออภัยที่ทำประเด็นนี้ขึ้นมา จนหลายคนมองว่าเป็นการช่วยฟอกขาว พลอยไม่ได้ตั้งใจแบบนั้นจริงๆ ค่ะ สุดท้ายนี้พลอยขอโทษอีกครั้งที่ทำให้เป็นประเด็น เกิดการเข้าใจผิด และหลายคนผิดหวัง ขอบคุณและขอโทษอีกครั้งค่ะ”

ประเด็นของ Pigkaploy ถูกมองว่าอาจซ้ำรอยเดิมกับกรณีของยูทูบเบอร์ชื่อดังอย่าง “ฌอน บูรณะหิรัญ” ที่เคยทำคลิปปลูกต้นไม้กับ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” ที่ จ.เชียงใหม่ ในปี 2563 ก่อนจะลามไปสู่เรื่องเงินบริจาคไฟป่า จนทำให้ชื่อเสียงของฌอนที่กำลังดังรุ่งโรจน์ หายวับไปกับตาหรือไม่

 

เรื่องนี้ยังลามนำไปสู่ประเด็นที่พักและธุรกิจของกองทัพ หรือที่เรียกกันว่า ‘เสนาพาณิชย์’ เมื่อ “จิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์” ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล ในฐานะโฆษกคณะ กมธ.การทหาร สภาผู้แทนราษฎร ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าอยากจะขอไปดูและถ่ายทำคอนโดฯ สำหรับนายพล แถวเกียกกาย ที่มี 18 ชั้น ราคาเป็นล้าน เพื่อดูว่านายพลอยู่กันอย่างไร มีการแอบปล่อยให้ใครเช่าหรือไม่

นอกจากนี้ ยังพูดถึงสนามกอล์ฟกานตรัตน์ (สนามงู) ที่อยู่ใจกลางรันเวย์สนามบินดอนเมือง ที่เหล่านายพลชนชั้นนำเข้าไปใช้

และที่ร้อนแรงที่สุดคือการขอเข้าไปทัวร์ ถ่ายทำบ้านพักของ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” อดีตนายกฯ ในฐานะองคมนตรี บ้างได้หรือไม่

ด้าน “จิรายุ ห่วงทรัพย์” โฆษกกระทรวงกลาโหมฝ่ายการเมือง ก็ได้ออกมาตอบโต้ทันท่วงที โดยกล่าวว่า การจะขอเข้าไปถ่ายบ้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรีนั้นเป็นเรื่องที่เกรงว่าจะไม่งาม

ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านกล่าวถึงบ้านพักของข้าราชการทหารว่าอยู่คอนโดฯ นั้น บ้านพักที่มีลักษณะเป็นตึกสูงนั้นไม่ได้เรียกว่าคอนโดฯ มันคือแฟลตที่แปรเปลี่ยนจากบ้านพักแนวระนาบของข้าราชการทหาร-ตำรวจ

การนำไปปล่อยเช่าต่อนั้นจะขอตรวจสอบว่าหน่วยไหนนำไปทำเช่นนั้น ขอบคุณฝ่ายค้านที่ช่วยให้คำแนะนำ จะนำเรียนผู้ใหญ่เพื่อตรวจสอบ

ตนเคยเป็นฝ่ายค้านและเป็นพลเรือนคนแรกที่เข้ามาเป็นโฆษก เข้าใจหน้าที่ของฝ่ายค้านเป็นอย่างดี

 

ประเด็นนี้ “ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์” ได้สรุปบทเรียนจากดราม่านี้ในรายการ The Politics ข่าวบ้านการเมือง มติชนทีวี สะท้อนว่าสังคมยังไม่เชื่อมั่นในกองทัพ

“มันสะท้อนหลายเรื่อง เรื่องที่หนึ่งคือคนกับกองทัพ ทั้งหมดนี้ยังเป็นผลจากการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ ถ้าไม่ทำรัฐประหาร มุมมองของคนต่อกองทัพก็ไม่ติดลบขนาดนี้ ภาพลักษณ์ของการใช้กองทัพเป็นเครื่องมือในการทำ IO ก็เกิดขึ้นในยุคของ พล.อ.ประยุทธ์ ทำให้คนยังตั้งคำถามกับกองทัพอยู่”

“ฉะนั้นก็เป็นเรื่องที่กองทัพเองก็ต้องเหนื่อยในการเคลียร์ให้สังคมเห็นว่า สิ่งต่างๆ ที่คนเคยตั้งคำถามกับกองทัพยุค พล.อ.ประยุทธ์ เรื่องของการใช้ IO ในปัจจุบันมันมีหรือไม่มี บังเอิญตอนเปลี่ยนรัฐบาล คุณสุทิน คลังแสง ก็ดันไปบอกว่า IO มีได้ ไม่เป็นไร แต่ขอให้เป็น IO ที่ทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวม มันก็กลายเป็นการตอกย้ำไปอีก”

“หนึ่ง คนยังระแวงบทบาทกองทัพ สอง คือคนรู้สึกว่ารัฐบาลไม่ได้จะลดบทบาทกองทัพลง อันที่สาม ผมคิดว่าเป็นความไม่ตรงไปตรงมา ยูทูบเบอร์ในปัจจุบันคือคนทำสื่อชนิดหนึ่ง แต่เป็นสื่อในเชิงคอนเทนต์ครีเอเตอร์ ผมคิดว่าสิ่งที่ยูทูบเบอร์ท่านนี้เจอ คือเวลาคุณทำเนื้อหาต่างๆ ที่มีลักษณะประชาสัมพันธ์ ไม่ว่าจะให้กับบุคคลหรือสินค้า คุณได้บอกผู้ชมของคุณอย่างตรงไปตรงมาหรือไม่ ว่าสิ่งที่คุณทำมันเป็นการประชาสัมพันธ์ ไม่ใช่คอนเทนต์ สิ่งหนึ่งที่คนคาดหวังก็คือความตรงไปตรงมา ความซื่อสัตย์ ยูทูบเบอร์กับคนดูมันเอ็นเกจความสัมพันธ์กันโดยตรง”

“เคสนี้มันมีปัญหาว่าที่คุณทำมันมาจากความต้องการของคุณเองจริงๆ ที่อยากจะให้โลกรู้ว่าทหารอยู่อย่างไร หรือจริงๆ มีคนอื่นจ้างงานคุณมาหรือเปล่า หรือต่อให้ไม่เกี่ยวกับเรื่องงาน-เงิน คุณได้อภิสิทธิ์จากกองทัพในการเข้าพื้นที่หรือเปล่า อย่าลืมว่าพื้นที่ทหาร ประชาชนห้ามเข้า การที่คุณได้เข้าพื้นที่ ได้ใช้ทรัพยากรของกองทัพในฐานะยูทูบเบอร์ มันมาจากภาษีของประชาชน”

“ในแง่กองทัพก็มีบทเรียนเหมือนกันว่า ความรู้สึกไม่ดีกับกองทัพในคนจำนวนมากยังมีอยู่ เป็นสิ่งที่กองทัพต้องหาทางแก้ไข กองทัพยังอยู่ในยุคที่ภาพลักษณ์ยังฟื้นไม่ได้ ยิ่งตอกย้ำว่ากองทัพไม่เข้าใจโลกปัจจุบัน กองทัพคิดว่าภาพลักษณ์ของกองทัพไม่ดี เพราะไม่มีคนทำให้กองทัพทันสมัย แต่การที่เอาคนรุ่นใหม่มาพูดถึงด้วยมุมมองเดิม มันไม่ได้เป็นการเปลี่ยนคอนเทนต์ แต่ปัญหาคือคอนเทนต์ของกองทัพมันมีปัญหา”

 

ศิโรตม์ ยังกล่าวทิ้งท้ายอีกว่า ปัญหาที่ใหญ่กว่านั้นคือ กองทัพกำลังเผชิญสิ่งที่เรียกว่า Identity Crisis หรือปัญหาของอัตลักษณ์ ว่าในโลกปัจจุบัน โดยเฉพาะในสังคมไทย กองทัพใหญ่ขนาดนี้ การที่กองทัพเป็นผู้บัญชาการเหล่าทัพ เป็น ส.ว.เลือกนายกฯ ได้ รับเงินเดือนราชการด้วย แล้วรับเงินเดือน ส.ว.พร้อมกันได้ ความชอบธรรมคืออะไร

กองทัพตอนนี้เผชิญปัญหาเรื่องวิกฤตการยอมรับ วิกฤตความชอบธรรม แล้วก็วิกฤตอัตลักษณ์ของกองทัพ

นั่นก็คือการจะอธิบายการมีอยู่ของกองทัพไว้เพื่ออะไรนั่นเอง