เราอาจกินอาหารสกปรกอยู่? โดยรู้ตัว!

ดร.จักรกฤษณ์ สิริริน

แฟนพันธุ์แท้ “มติชนสุดสัปดาห์” ที่เคยผ่านตาสารคดี Poisoned: The Dirty Truth About Your Food บน Netfilx คงจะจำฉากที่ Stephanie Ingberg ฟื้นขึ้นมาจากความตายได้เป็นอย่างดี

แทบไม่น่าเชื่อ ว่าสลัดผักจานเล็กๆ ที่ Stephanie กินในเช้าวันนั้น จะส่งผลกระทบระยะยาว ที่หนักหนาสาหัสต่อสุขภาพของเธอในเวลาต่อมา

แบคทีเรีย Escherichia Coli หรือ E. Coli ที่ปนเปื้อนในสลัดผัก นอกจากจะทำให้ Stephanie สมองบวม ชักเกร็ง แล้ว ยังทำให้เธออาการหนักถึงขั้นไตวาย

แม้ว่า Stephanie จะได้รับการรักษาอย่างดี และฟื้นคืนจากอาการป่วย ทว่า เธอยังต้องทนทุกข์กับผลพวงที่หลงเหลือจาก E. Coli ไปตลอดชีวิต

เบื้องต้น Stephanie ต้องรับยาทุกวันเพื่อขันตัวกรองในไตให้แน่น และยังมีโอกาสที่ต้องได้รับการฟอกไตไปตลอดชีวิต หรือถ้าโชคดีก็ได้ได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนไต

Stephanie Ingberg เป็นหนึ่งในลูกความของ Bill Marler ทนายความผู้ที่ต่อสู้เพื่อลูกความของเขาซึ่งล้มป่วยจาก E. Coli, Salmonella, Listeria Monocytogenes และ Norovirus ตลอด 30 ปีที่ผ่านมา

ใครจะเชื่อว่าสลัดผักที่หลายคนเชื่อว่ามีคุณค่าทางอาหารจากผักสด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผักใบเขียว ได้กลายเป็นอาหารที่ทำอันตรายถึงชีวิต

เนื่องจากน้ำที่ใช้รดผักสวยๆ เหล่านั้น อาจปนเปื้อน E. Coli มาจากฟาร์มปศุสัตว์ข้างเคียงได้ทุกเมื่อ

นอกจากผักใบเขียว E. Coli ยังอาจพบในผลไม้ หรือนม และน้ำผลไม้ ที่ยังไม่ผ่านการฆ่าเชื้ออีกด้วย

Centers for Disease Control and Prevention หรือหน่วยควบคุมและป้องกันโรคติดต่อของสหรัฐ ได้ออกมาประกาศเตือนชาวอเมริกันห้ามรับประทาน “ผักกาดโรเมน” เนื่องจากมีความเสี่ยงเกิดโรคระบาดจาก E. Coli

“ผักกาดโรเมน” หรือผักกาดทรงยาว ที่คนอเมริกันนิยมรับประทานแซนด์วิช และซีซาร์สลัดจะต้องรู้จักเป็นอย่างดี

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “แซนด์วิช” ที่ต้องหมั่นตรวจสอบวันหมดอายุบนผลิตภัณฑ์ให้ดี เพราะ “แซนด์วิช” ค้างคืน มีความเสี่ยงที่จะสัมผัสกับ Listeria Monocytogenes ซึ่งเป็นแบคทีเรียร้ายกาจ

เผลอๆ ร้ายยิ่งกว่า E. Coli เพราะ Listeria Monocytogenes ทำให้ผู้ติดเชื้อทุกคนต้องเข้าโรงพยาบาล แถมยังคร่าชีวิตผู้คนทั่วโลกมาแล้วมากมาย

เหตุผลก็คือ Listeria Monocytogenes เติบโตได้ดีในห้องแช่แข็ง เพราะฉะนั้น การกิน “แซนด์วิช” ต้องกินทันทีที่ทำเสร็จเสมอ

 

นอกจาก “ผักกาดโรเมน” แล้ว หอมหัวใหญ่, ผักกาดหอม และมะเขือเทศ ในแฮมเบอร์เกอร์ ก็เสี่ยงที่จะพบ E. Coli เช่นกัน

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมนู “ผักโขม” ทั้งหลาย ที่เสี่ยงต่อการปนเปื้อน E. Coli ไม่แพ้กัน เพราะแม้จะถูกทำความสะอาดถึง 3 รอบ แต่แบคทีเรียที่นอกจากยังไม่ตาย ยังสามารถแพร่กระจายออกไปได้อีก

เช่นเดียวกับสลัดผัก การรับประทานผลไม้สด ดื่มนมสด หรือน้ำผลไม้ ที่หลายคนเชื่อว่ามีคุณค่าทางอาหาร อาจกลายเป็นอาหารที่ทำอันตรายถึงชีวิต ถ้ามี E. Coli

Bill Marler บอกว่า เขาสาบานกับตัวเองว่าจะไม่รับประทานอาหารสด หรือผลิตภัณฑ์นม-ผลไม้ ที่ยังไม่ผ่านการฆ่าเชื้อโดยเด็ดขาด เพราะนั่นหมายถึงความเสี่ยงในการติดเชื้อแบคทีเรีย ทั้ง E. Coli, Listeria Monocytogenes และ Salmonella

โดยเฉพาะอย่างยิ่งไข่ดิบ และไข่ลวก หรือไข่ออนเซน มักมี Salmonella ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการท้องร่วง มีไข้ อาเจียน และปวดท้องอย่างรุนแรง

เด็กๆ ไม่ควรกิน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สว. สูงวัย ที่อาจป่วยหนัก และอาจตายได้

 

ประวัติศาสตร์เกี่ยวกับไข่ดิบ ในปี ค.ศ.1988 ความหวาดกลัว Salmonella ทำให้รัฐบาลสหราชอาณาจักร ต้องสั่งให้กำจัดไก่ไข่มากกว่า 2 ล้านตัว

หรือในปี ค.ศ.2010 ที่ทางการสหรัฐต้องเรียกคืนไข่ราว 500 ล้านฟอง

Bill Marler กล่าวว่า ทุกวันนี้ แม้ว่าการบริโภคไข่ถือว่าปลอดภัยมากกว่าในอดีต แต่ก็ยังไม่อาจย่ามใจ เนื่องจากเขาเชื่อว่า Salmonella ยังคงอยู่

“โดยทั่วไป ไข่ 10,000 ฟอง มักจะมีไข่ 1 ฟอง ที่มี Salmonella โดยแม่ไก่สามารถเพาะ Salmonella ได้ในรังไข่ จากนั้น Salmonella ก็จะเข้าไปในไข่”

“ดังนั้น สิ่งที่เราควรทำก็คือ การปรุงไข่ให้สุกก่อนรับประทาน” Bill Marler กล่าว

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่ชอบโด๊ปด้วยการกินหอยนางรมดิบ เสี่ยงที่จะพบกับ Norovirus

เป็นความเสี่ยงจากการรับประทานหอยนางรม และสัตว์น้ำที่มีเปลือก เช่น หอยอื่นๆ กุ้ง และปูแบบสดๆ

ที่ว่าเสี่ยงก็คือ ลักษณะการดำรงชีวิตสัตว์น้ำประเภทนี้ ที่กรองกินอนุภาคของอาหารขนาดเล็กที่แขวนลอยอยู่ในน้ำ จนทำให้เกิดการติดเชื้อจากแบคทีเรีย หรือไวรัสที่ลอยมาตามน้ำ

ที่สำคัญคือ การติดเชื้อจะแพร่กระจายไปตามห่วงโซ่อาหารได้ง่าย

 

Bill Marler เชื่อว่า ด้วยวิกฤตสภาวะโลกร้อน ยิ่งทำให้ปัญหาดังกล่าวรุนแรงขึ้นไปอีก

“การที่มหาสมุทรอุ่นขึ้น ยิ่งทำให้เกิดการปนเปื้อนมากขึ้น โดยเฉพาะโรคที่มากับหอยนางรม เช่น โรคตับอักเสบ และการติดเชื้อท้องเสีย Norovirus เป็นต้น” Bill Marler กล่าว

และว่า แม้จะได้ชื่อว่าเป็นแหล่งเพาะเลี้ยงหอยนางรมที่ดีที่สุดในโลกก็ตาม แต่สิ่งที่กำลังกลายเป็นปัญหาต่อระบบนิเวศก็คือ คุณภาพ และอุณหภูมิของน้ำทะเล

“สิ่งเหล่านี้กำลังกลายเป็นความเสี่ยงที่ควรจะคำนึงถึง เมื่อคุณสั่งหอยนางรมมารับประทานแบบดิบๆ” Bill Marler สรุป

 

สําหรับคอก๋วยเตี๋ยว การหลีกเลี่ยงกินถั่วงอกดิบเป็นเรื่องที่ดีมาก

เพราะถั่วงอกมักได้รับการเพาะเลี้ยงในสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการขยายพันธุ์ของแบคทีเรีย

นอกจากถั่วงอก Bill Marler บอกว่า เขาจะไม่รับประทานหญ้าอัลฟาฟ่า, ถั่วเขียว หรือต้นโคลเวอร์ แบบสดๆ

“อาหารเหล่านี้มีส่วนเชื่อมโยงกับการระบาดใหญ่ของโรคอุบัติใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในปี ค.ศ.2011 เกิดโรคระบาดที่มีสาเหตุเชื่อมโยงมาจากเมล็ดฟีนูกรีก”

เมล็ดฟีนูกรีก หรือลูกซัดในเยอรมนี ได้ทำให้ผู้คนราว 900 คนประสบกับภาวะไตวาย นอกจากนั้น ยังมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 50 รายอีกด้วย

“ลูกซัดจะปนเปื้อนระหว่างที่เพาะให้เป็นถั่วงอก เนื่องจากสภาพแวดล้อมดังกล่าวถือว่าเหมาะแก่การเติบโตของบรรดาแบคทีเรีย” Bill Marler กล่าว และว่า

“ในบรรดาบุคลากรด้านความปลอดภัยทางอาหาร ผมไม่เคยเห็นใครรับประทานถั่วงอกดิบเลย”

 

ปิดท้ายด้วยแฟนพันธุ์แท้ซอยจุ๊ ที่ต้องเจอกับแบคทีเรียที่อยู่บนผิวสัมผัสของเนื้อ ที่สามารถแทรกตัวเข้าไปชิ้นเนื้อได้

นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ว่า ทำไมเราจึงต้องปรุงเนื้อให้สุกทุกจาน ก็เพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ไม่ให้ตามมารังควานเมื่อเรารับประทานเข้าไป

“E. Coli แค่ 50 ตัวก็เพียงพอจะฆ่าคุณได้แล้ว แต่นี่พวกมันมีมากถึง 100,000 ตัวในพื้นที่ขนาดแค่ปลายเข็ม”

แน่นอนว่า เราไม่สามารถมองเห็น ไม่สามารถรับรู้รสชาติ และไม่สามารถได้กลิ่น E. Coli ได้

Bill Marler แนะนำเพิ่มเติมว่า สำหรับคอแฮมเบอร์เกอร์ ต้องทำให้แน่ใจทุกครั้ง แม้จะเป็นเรื่องยาก ว่าแฮมเบอร์เกอร์ควรได้รับการปรุงให้สุกที่อุณหภูมิ 70 องศาเซลเซียส เพื่อฆ่าเชื้อโรค

ส่วนกรณี “สเต๊ก” นั้น โดยทั่วไปถือว่ามีความเสี่ยงต่ำกว่า เนื่องจากแบคทีเรียที่กำลังเติบโตบนพื้นผิวของเนื้อจะถูกกำจัดในระหว่างการทำให้สุกอยู่แล้ว Bill Marler ทิ้งท้าย