คำเตือน ‘ธเนศวร์ เจริญเมือง’ ทำไมต้องให้โอกาส ‘พิธา-ก้าวไกล’?

หมายเหตุ : “ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.ธเนศวร์ เจริญเมือง” คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ให้สัมภาษณ์รายการ “เอ็กซ์-อ๊อก talk ทุกเรื่อง” ทางช่องยูทูบมติชนทีวี เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2567 โดยมีเนื้อหาส่วนหนึ่ง ที่กล่าวถึงชะตากรรมทางการเมืองของ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” และพรรคก้าวไกล

 

: กรณีคดีหุ้นไอทีวีของ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” และกรณีก้าวไกลหาเสียงว่าจะแก้ไข ม.112 ที่ศาลรัฐธรรมนูญกำลังจะมีคำวินิจฉัยออกมาในวันที่ 24 และ 31 มกราคม อาจารย์ประเมินภาพไว้อย่างไร? จะซ้ำรอยอนาคตใหม่หรือไม่?

ที่ผ่านมา เราก็มีประสบการณ์ที่พูดแบบนักประชาธิปไตย ก็คือ เจ็บปวดกับการตัดสินแบบนี้ และเมื่อได้เจอสถานการณ์แบบนี้แล้ว ก็เหมือนกับว่าต้องทนกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นแบบนี้ อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด

มีคนพูดถึงขนาดว่า นี่ได้ยินมานะครับ มีคนบอกผมมาว่าให้ยุบสัก 3 พรรค ไล่มันไปเลย นี่เป็นพรรคที่สอง พูดแบบนี้ก็เหมือนกับว่ามีการเตรียมใจไว้แล้วว่าจะต้องเจอ

เพราะฉะนั้น ผมก็เลยมีสองคำตอบ คำตอบที่หนึ่ง ก็คือ ผมอยากเห็นประเทศของเรา ได้เวลาแล้วที่จะเปิดใจกว้าง แล้วก็ในเมื่อความผิดทางกฎหมายมันไม่ปรากฏชัดเจน แล้วทำไมจะต้องดันทุรังให้มันเป็น และพูดเหมือนว่า ที่ผ่านมาเป็นแบบนี้ ก็ลงๆ โทษกันไป

ผมคิดว่าน่าจะเปิดโอกาสให้คุณพิธาได้เป็นคนทำงานเพื่อประชาชนต่อไป ส่วนประชาชนเขาจะเลือก-ไม่เลือก อันนี้มันอยู่ที่การตัดสินใจของประชาชน

อันที่สอง ก็คือเป็นรายการทำใจของคนไทยอีกจำนวนหนึ่งว่า จะเป็นอย่างไรให้เป็นไป ผมก็เลยมีความรู้สึกว่า สถานการณ์ที่เป็นอยู่ในประเทศไทยตอนนี้ ก็เหมือนสงบๆ ดูไป อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด

แต่อยากจะกราบเรียนอย่างนี้ ผมคิดว่าแนวความคิดแบบอันที่สอง มันไม่ดี เพราะอะไร? เพราะว่าคนหนุ่มคนสาวจำนวนไม่น้อย เท่าที่คุยมา เขามีความรู้สึกไม่ชอบประเทศนี้ เขาไม่เห็นอนาคตประเทศนี้ อยู่ๆ ไปแบบนี้ ก็ไปอยู่เมืองนอกดีกว่า หางานทำดีกว่า

ผมคิดว่า โอ้โห คนหนุ่มคนสาวที่เปี่ยมไปด้วยหัวใจรักบ้านเมือง อยากทำให้มีอะไรดีๆ ต่อประเทศ ไฟกำลังแรง มาพูดกันแบบนี้ แล้วต่อไป เราจะมีสังคมที่มีคนมีไฟ มีคุณภาพ เป็นหลักเป็นธงของประเทศ ได้อย่างไร? เราจะอยู่กันแบบไหน?

ฟังดูแล้ว สำหรับคนแก่อย่างผม ไม่มีความสุขเลย

: หมายว่าในกรณีที่สอง ถ้ามีคำวินิจฉัยที่นำไปสู่การยุบพรรค อาจารย์มองว่าจะเป็นผลเสีย คนรุ่นใหม่อาจจะมองเป็นเรื่องความไม่ยุติธรรม?

ใช่ครับ คือเขา (คนรุ่นใหม่) รู้สึกว่าไม่เป็นธรรม มันจะอยู่ไปอย่างไร เราต้องไม่ลืมอย่างหนึ่งนะครับ ทันทีที่บ้านเมืองมันเกิดสิ่งที่เรียกว่าอยุติธรรม คนจำนวนหนึ่งจะรู้สึก ไฟ-กำลังใจ มันลดทอนลง

ถ้าบ้านเมืองมีการเลือกตั้ง คนที่อยู่เฉยๆ จำนวนหนึ่ง หรือคนที่สนใจนิดๆ มันจะเพิ่มไฟขึ้นมา แล้วอยากเข้าไปทำงาน อือ ฉันสมัคร (รับเลือกตั้ง) ก็คือสังคมมีทางเลือกมากขึ้น เพราะมีคนกระโดดลงมาทำงานให้ส่วนรวมมากขึ้น

แต่ทันทีที่สังคมปิดนั่นปิดนี่ ทางเลือกของสังคมก็น้อยลง คนอยากอยู่ก็ไม่อยู่ คนที่ไม่คิดจะลงก็ยิ่งไม่ลงมากขึ้น เห็นไหม ฉันบอกเธอแล้ว โดนแบบนี้แล้ว ใครจะไปลงล่ะ มันก็เลยกลายเป็นการบั่นทอนความมุ่งมั่นทางการเมืองของคนจำนวนมากในสังคม

 

: ถ้ามองในมุมของผู้มีอำนาจจากหลายๆ กรณีที่ผ่านมา การปล่อยให้พิธาเข้าสภา ปล่อยให้ก้าวไกลได้ทำงานต่อ มันจะมีผลดีหรือผลเสียต่อพวกเขามากกว่ากัน?

ผมคิดว่าเขาคงเกรงอย่างนี้ ก็คิดว่าพรุ่งนี้ เดี๋ยวมามันก็มีเรื่องอีก หาเรื่องต่อไปอีก พวกนี้ชอบคิดนั่นคิดนี่ต่อนั่นต่อนี่ แล้วก็ต่อไป เดี๋ยวก็จะมีการทำให้สภาปั่นป่วน หรือเข้าไปเสริมนักเดินขบวนนักเคลื่อนไหว เห็นไหม เรื่องมันยุ่ง ไม่อยากให้มันยุ่ง ให้มันหมดๆ ไปเลย ก็เอามันออกไป คือวิธีการคิดแบบนี้

รากฐานของมัน คือ มันไม่ได้เคารพกัน มันเป็นการคิดแบบปิดทางนั่นทางนี่ตลอดเวลา คิดเอาแต่ได้ถ่ายเดียวว่า อยากให้บ้านเมืองเรียบร้อย จริงๆ แล้วไม่ใช่อย่างนั้นหรอก ไม่อยากมีเรื่อง ให้บ้านเมืองมีปัญหา อยากให้อยู่กันแบบง่ายๆ สบายๆ

คล้ายๆ กับภาวะที่เราคุ้นชินมาโดยตลอด ก็คือยุคของการรัฐประหารในอดีต

 

: สุดท้าย มันจะซ้ำรอยกับกรณีอนาคตใหม่ไหม ยิ่งยุบพรรคยิ่งโต ตัวเลข ส.ส.บวกขึ้นไปเป็นร้อย?

ถูกต้องครับ เพราะว่าอย่างที่ผมเรียนตั้งแต่ต้น สังคมมันมีการเปลี่ยนแปลง

โห ประเทศจีนปิดประเทศ ปฏิวัติวัฒนธรรม กลุ่มสี่คนอะไรต่างๆ ดูเดี๋ยวนี้สิ รถไฟวิ่งไปทั่วหมดเลย เขาลงมาช่วยลาว เขมรเป็นอย่างไร เวียดนามอยู่ใกล้จีน เวียดนามรับเชื้อไฟแรงของจีน จนพุ่งไปถึงไหน

จีน เกาหลี ญี่ปุ่น ออกมาเป็นทิศทางการพัฒนาหมดเลย ส่งผลสะเทือนไปถึงอินเดียด้วยว่า จะมาเงียบๆ ไม่ได้แล้ว

ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยที่ดันเข้ามา มองไปรอบๆ โลกใบนี้มันเป็นโลกใบเดียว มันไม่ใช่โลกแบบเมื่อก่อนต่างคนต่างอยู่ ตรงนี้แหละที่ทำให้คนรุ่นใหม่เขาอยากจะเห็นพลวัตของการเปลี่ยนแปลงประเทศ ในแนวทางที่เขาเห็นรอบๆ โลก ว่าเราอยู่ไม่ได้ เราต้องเดินหน้า

คนรุ่นหนุ่มรุ่นสาวทั่วโลก เขาเป็นแบบนี้หมด