ผ่าคดี 5 โจ๋ทมิฬฆ่าป้าบัวผัน สะท้อนวิกฤตศรัทธาสีกากี เด้งรอง ผกก.โรงพักอรัญฯ ขู่ลุงเปี๊ยก-จนรับผิดมั่วซั่ว

องค์กรตำรวจ ต้นทางของกระบวนการยุติธรรม กำลังเผชิญกับวิกฤตเรื่องความเชื่อถืออย่างหนัก พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ยังยอมรับเองว่า ต้นทุนทางสังคมของตำรวจ อยู่ในระดับติดลบ

หลายครั้งที่เกิดคดีที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือคนใกล้ชิดตกเป็นผู้ต้องหา จะมีข้อสงสัยถึงความโปร่งใสในการนำเนินคดีเกิดขึ้นเสมอ แม้นผู้บังคับบัญชาจะออกมาการันตีอย่างไร ก็ไม่ได้รับความเชื่อถือ

คดีของ ‘ป้าบัวผัน’ เป็นอีกคดีที่สะท้อนถึงวิกฤตที่เผชิญอยู่ได้เป็นอย่างดี

ภาพวงจรปิดนาทีก่อเหตุ

นาทีฆ่าโหด ‘ป้าบัวผัน’

ย้อนไปเมื่อวันที่ 12 มกราคม พ.ต.อ.พิเชษฐ์ ศรีจันทร์ตรา ผกก.สภ.อรัญประเทศ พ.ต.ต.นิติรัฐ ศรีสวัสดิ์ สว. (สอบสวน) พร้อมด้วยสายตรวจ ชุดสืบสวน แพทย์เวร รพ.อรัญประเทศ และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิอรัญประเทศ เข้าตรวจสอบเหตุพบศพ น.ส.บัวผัน ตันสุ อายุ 47 ปี ชาว ต.หนองน้ำใส อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว ในสระน้ำข้างโรงเรียนศรีอรัญโญทัย ด้านหลังปั๊มน้ำมันเก่า เบื้องต้นทราบว่าเป็นหญิงสติไม่ดี เดินเร่ร่อนในละแวกใกล้จุดเกิดเหตุเป็นประจำ เชื่อว่าน่าจะถูกฆาตกรรม

ต่อมาตำรวจนำตัวนายปัญญา คงแสนคำ หรือเปี๊ยก อายุ 54 ปี สามีผู้ตาย มาสอบปากคำ ก่อนที่เจ้าตัวจะให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้ก่อเหตุเพราะโมโหที่ขอเงินกินเหล้าแล้วไม่ได้ โดยให้การเป็นฉากเป็นตอน นำพาเจ้าหน้าที่ตำรวจไปทำแผนฯ จุดต่างๆ ด้วยตัวเอง

จากคำให้การของลุงเปี๊ยกและคราบเลือดที่พบที่กางเกงซึ่งตรวจเบื้องต้นพบว่าเป็นเลือดคน โดยอยู่ระหว่างส่งตรวจดีเอ็นเอ ตำรวจจึงขออนุมัติหมายจับ แจ้งข้อหาและนำตัวฝากขัง ที่ศาลจังหวัดสระแก้ว ในวันเสาร์ที่ 13 มกราคม 2567 ตามที่กฎหมายกำหนดไว้

คดีที่น่าจะจบลงได้อย่างรวดเร็ว กลับพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ เมื่อมีการนำภาพคลิปวงจรปิดเหตุการณ์ช่วงที่ป้าบัวผันถูกฆาตกรตัวจริงทำร้ายและอุ้มไปทิ้งออกเผยแพร่ โดยพบว่าผู้ก่อเหตุเป็นแก๊งวัยโจ๋ 5 คน รุมทำร้ายป้าบัวผันจนฟุบลงกลางถนน จากนั้นจึงอุ้มร่างขึ้นรถจักรยานยนต์ไปทิ้งน้ำ ในช่วงค่ำวันที่ 13 มกราคม

ทำให้กระแส “ตำรวจจับแพะ” กระหึ่มไปทั่วประเทศ

ขณะที่ฝ่ายตำรวจสระแก้วก็ใช่ว่าจะไม่ทำอะไร เพราะวันที่ 14 มกราคม ตำรวจก็สามารถจับกุมผู้ต้องหาตัวจริงได้ เป็นเยาวชนในพื้นที่ อายุระหว่าง 13-16 ปี พร้อมรถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุ จำนวน 2 คัน

พ.ต.อ.พิเชษฐ์ ทำรายงานชี้แจงกรณีดังกล่าวถึงผู้บังคับบัญชา ระบุว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อรัญประเทศ รับแจ้งว่าพบศพ น.ส.บัวผัน ตันสุ อายุ 47 ปี ถูกคนร้ายทำร้ายร่างกาย มีบาดแผลบริเวณศีรษะ เป็นเหตุให้เสียชีวิต สถานที่พบศพในบ่อน้ำภายในเรียนศรีอรัญโญทัย ต.อรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ตาม ปจว.ลำดับที่ 3 ของวันที่ 12 มกราคม 2567 เวลา 15.34 น.

ต่อมามีนายปัญญา หรือเปี๊ยก คงแสนคำ อายุ 54 ปี สามีผู้ตาย มาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจและให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้ก่อเหตุทำร้ายร่างกาย น.ส.บัวผัน จนถึงแก่ชีวิต โดยให้การเป็นฉากเป็นตอน นำพาเจ้าหน้าที่ตำรวจไปชี้จุดต่างๆ ด้วยตัวเอง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงทำรายงานสืบสวนและนำตัวฝากขัง ที่ศาลจังหวัดสระแก้ว ในวันเสาร์ที่ 13 มกราคม 2567

คดีนี้ สภ.อรัญประเทศ ยังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของนายปัญญา จึงสั่งการให้ชุดสืบสวนแสวงหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติม จนปรากฏพยานหลักฐานใหม่ในคดี ดังนี้ 1.ไม่พบว่า นายปัญญาปรากฏตัวในไทม์ไลน์ที่เกิดเหตุตามที่กล่าวอ้าง และ 2.ปรากฏภาพจากล้องวงจรปิด ว่าผู้ก่อเหตุทำร้ายร่างกาย น.ส.บัวผัน เป็นกลุ่มเยาวชน จำนวน 5 คน

จึงสืบสวนจนทราบตัวผู้กระทำผิด และจับกุมตัวได้แล้วทั้งหมด

จุดพบศพป้าบัวผัน

สําหรับพฤติการณ์ในคดี พบว่า เวลาประมาณ 22.00 น. ของวันที่ 10 มกราคม 2567 ถึงเวลาประมาณ 01.00 น. ของวันที่ 11 มกราคม 2567 กลุ่มเยาวชนผู้ก่อเหตุ นั่งรวมกลุ่มกันที่ริมขอบสระภายในเทศบาลเมืองอรัญประเทศ มีสองคนในกลุ่มผู้ก่อเหตุเข้าไปแหย่ น.ส.บัวผัน ซึ่งนั่งอยู่บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อ สาขาขอบสระ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ทำให้ผู้ตายเอะอะโวยวายและปาขวดใส่หัวกลุ่มผู้ก่อเหตุ

กระทั่งเวลาประมาณ 02.00 น. ของวันที่ 11 มกราคม 2567 กลุ่มผู้ก่อเหตุขี่รถมาพบผู้ตายนั่งอยู่บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อ สาขาโรงพยาบาลอรัญประเทศ ห่างจากจุดเดิมประมาณ 800 เมตร กลุ่มผู้ก่อเหตุจึงลงจากรถหลอกล่อให้ผู้ตายเดินไปหา แต่ผู้ตายไม่ยอมเดินไป กระทั่งคนร้ายอีกคนเดินเข้าไปหาผู้ตายในมุมด้านข้าง แล้วเตะเข้าที่บริเวณใบหน้าของผู้ตาย เป็นเหตุให้ผู้ตายหงายหลัง และนั่งร้องไห้อยู่บริเวณดังกล่าว

จากนั้นกลุ่มผู้ก่อเหตุได้อุ้มผู้ตายขึ้นรถจักรยานยนต์เวฟ สีน้ำเงิน แต่ผู้ตายดิ้นรนจนตกหล่นจากรถ กลุ่มผู้ก่อเหตุจึงขับรถออกไป และวนกลับมาบังคับอุ้มผู้ตายขึ้นรถอีกครั้งจนสำเร็จ มุ่งหน้าไปทางโรงเรียนศรีอรัญโญทัย

ต่อมาเวลาประมาณ 02.40 น. กลุ่มผู้ก่อเหตุปรากฏตัวที่ร้านล้างรถหยอดเหรียญ ก่อนถึงเมกาโฮม อรัญประเทศ ห่างจากโรงเรียนศรีอรัญโญทัย ประมาณ 2 ก.ม. เพื่อล้างรถที่ใช้ก่อเหตุ จนถึงเวลาประมาณ 03.00 น. ห่างจากโรงเรียนศรีอรัญโญทัยประมาณ 2.5 ก.ม. พบกลุ่มผู้ก่อเหตุเข้าไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อ ข้างเมกาโฮม สาขาอรัญประเทศ

ตำรวจสืบสวนจนทราบชื่อ และนามสกุล ที่อยู่ของเด็กวัยรุ่นผู้ก่อเหตุทั้ง 5 คน ได้เชิญตัวมาที่ สภ.อรัญประเทศ เพื่อซักถามข้อมูลมูลเบื้องต้น ต่อหน้าผู้ปกครองเยาวชนทั้งหมด และให้การรับสารภาพ มูลเหตุให้การว่าทำไปเพราะตามเพื่อน พบว่าหัวโจกกลุ่มวัยรุ่น มี 2 คน อายุ 16 ปี เป็นลูกตำรวจในพื้นที่

ส่วนกรณีนายปัญญาที่รับสารภาพ ทางเจ้าหน้าที่ยื่นขอศาลจังหวัดสระแก้ว ขอให้ปล่อยตัวออกจากเรือนจำจังหวัดสระแก้วแล้ว และนำตัวมาสอบว่าทำไมถึงได้รับสารภาพและไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพทั้งที่ไม่ได้ทำ

น.ส.บัวผัน ตันสุ หรือป้ากบ หรือป้าบัวผัน

เปิดพฤติกรรมเหี้ยมแก๊งโจ๋ทมิฬ

ขณะที่โซเชียลได้เผยแพร่คลิปวิดีโอเสียงสนทนาซึ่งส่งต่อกันในกลุ่มอรัญประเทศ พร้อมระบุว่าเป็นการพูดคุยของวัยรุ่นที่ก่อเหตุที่ชื่อโก๊ะกับเพื่อนผู้หญิง โดยมีใจความสรุปว่า หัวโจกที่นำก่อเหตุชื่อเชน เป็นลูกตำรวจเป็นคนสั่งให้อุ้มร่างป้าบัวผันขึ้นรถจักรยานยนต์แล้วเอาไปโยนน้ำ

ที่น่าตกใจคือ ขณะที่โยนน้ำพบว่าป้าบัวผันยังไม่เสียชีวิต นายเชนจึงกระโดดลงไปจับป้าบัวผันกดน้ำจนตาย!

“รุมซ้อมกระทืบ แล้วเต้นรำ เสร็จแล้วไอ้เชนบอกว่าตายแล้วมั้ง ผมก็บอกว่าเออแล้วมึงจะเอาไปทิ้งไหนอะ สุดท้ายผมก็เลยเสนอว่าเอาข้างโรงเรียนอะ มีบ่อน้ำ ผมเลยบอกมึงทำอะไรก็รีบทำ ไอ้เชนบอกมันตายใช่ไหม เดี๋ยวกูเอามีดแทงแม่งเอง ผมเลยบอกไม่ต้องหรอกไอ้สัสเดี๋ยวมันรู้ พอขับไปถึงก็โยนลงน้ำ มันก็ว่ายน้ำอยู่ ผมก็เขี่ยๆ เสร็จแล้วมันก็ว่ายเข้าพุ่มไม้ ไอ้เชนมันถอดเสื้อผ้าแล้วมันดึงมาแล้วจับกดน้ำเลย” นายโก๊ะเล่าเหตุการณ์หลังอุ้มป้าบัวผันไป

นอกจากนี้ ยังได้ขุดวีรกรรมฉาว ทั้งเกเรและชอบหาเรื่องชาวบ้านสร้างความเดือดร้อนไปทั่วเมืองอรัญประเทศ ของเยาวชนกลุ่มนี้ จนเป็นที่เอือมระอาของชาวบ้าน

พอความจริงปรากฏว่าลุงเปี๊ยกไม่ได้เป็นคนฆ่า แต่เป็นแก๊งโจ๋ 5 คน ที่มีลูกตำรวจโรงพักอรัญฯ กับลูกตำรวจ ตม.อยู่ด้วย ประกอบกับคำให้การของลุงเปี๊ยกที่เล่าเป็นฉากๆ ดันไปสอดคล้องกับพฤติกรรมของแก๊งคนร้าย

ข้อสงสัยที่ว่า ตำรวจจับแพะ จึงบานปลายกลายเป็น การจงใจจับแพะ มีตำรวจชี้นำหรือเขียนบทคำให้การ เพื่อช่วยเหลือพรรคพวกตัวเองหรือไม่

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. จึงสั่งการให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบช.ภ.2 พล.ต.ต.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผบก.สส.ภ.2 พล.ต.ต.ออมสิน บุญญานุสนธิ์ ผบก.ภ.จว.สระแก้ว พ.ต.อ.เอกอนันท์ หูแก้ว รอง ผบก. ตรวจสอบรายละเอียดในเชิงลึกทั้งหมดในทุกประเด็นเพื่อความกระจ่างทางคดี

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์เปิดแถลงชี้แจงหลังสอบสวนตำรวจที่เกี่ยวข้องทั้งหมดรวมทั้งตัวลุงเปี๊ยกว่า ได้ให้ชุดสืบ ภ.2 ลงพื้นที่มาก่อนแล้ว พบว่าตำรวจรับแจ้งพบศพป้าวันศุกร์ ได้ตัวลุงวันศุกร์ที่ 12 มกราคม สอบปากคำและนำไปทำแผนฯ จากนั้นจึงนำส่งฝากขัง แต่ไม่ได้หยุดแค่คำให้การของลุงเปี๊ยก มีการไปหาพยานหลักฐานเพิ่มจนพบภาพจากวงจรปิดตอนบ่ายสองวันเสาร์ที่ 13 มกราคม จึงทำเรื่องปล่อยตัวลุงเปี๊ยก

ส่วนพ่อที่เป็นตำรวจอรัญฯ เพิ่งมารู้เรื่องวันเสาร์ที่ 13 มกราคม ขณะที่ไปเที่ยวเขาใหญ่กับลูก พอรู้เรื่องจากไลน์กลุ่มสืบสวนจึงถามลูกจนได้ความจริงและพาเข้ามอบตัววันอาทิตย์ที่14 มกราคม ซึ่งจากไทม์ไลน์ไม่ได้เจอกับลุงเปี๊ยก จึงเชื่อว่าไม่มีการเตี๊ยมคำให้การกัน โดยลุงเปี๊ยกพูดไปเพราะความเมา

ด้านลุงเปี๊ยก เปิดเผยสาเหตุที่รับสารภาพว่า “ที่รับสารภาพไป เพราะผมเสียใจที่แฟนผมเสียชีวิต แล้วชาวบ้านก็หาว่าผมฆ่าเมีย ผมก็เลยตัดปัญหาให้มันจบไปซะ แล้วผมก็เลยมาสร้างเรื่อง แต่งเรื่องขึ้นมาเอง”

ถึงตำรวจจะยืนยันหนักแน่น แต่เรื่องราวก็ยังไม่จบ เมื่อคนใกล้ชิดลุงเปี๊ยก ให้ข้อมูลกับนักข่าวว่า ถูกตำรวจชุดสืบสวน สอบปากคำอย่างเข้มข้น ถูกถุงดำคลุมหัว โซ่ล่าม ถอดเสื้อในห้องเย็น จนต้องยอมรับสารภาพด้วยความกลัว อีกทั้งเมื่อไล่ไทม์ไลน์กล้องวงจรปิดพบว่าจากจุดที่ลุงเปี๊ยกถูกควบคุมตัวนำตัวไป สภ.อรัญประเทศ ทั้งที่ระยะทางไม่ไกลแต่กลับใช้เวลา 2 ชั่วโมง

จนนำมาสู่คำสั่งเด้ง พ.ต.ท.พิชิต วัฒโน รอง ผกก.สส.สภ.อรัญประเทศ มาช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว หลังปรากฏว่ามีคลิปเสียงของ พ.ต.ท.พิชิต บังคับขู่เข็ญให้ลุงเปี๊ยกรับสารภาพ ก่อนตามด้วยคำสั่งแต่งตั้งกรรมการสอบสวนเหตุการณ์ดังกล่าว ว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ คำสั่งที่เกี่ยวข้องหรือไม่ โดยมี พ.ต.อ.จตุภัทร สิงหัษฐิต รอง ผบก.ภ.จว.สระแก้ว เป็นประธาน ให้รายงานผลภายใน 7 วัน

บทสรุปของคดีนี้อาจเป็นเพียงความเมาของลุงเปี๊ยก ที่ทนการกดดันจากการสอบสวนไม่ไหว เลยรับสารภาพส่งเดชเพื่อให้จบๆ ไป ทำให้ตำรวจเขวเข้ารกเข้าพงไปบ้าง เมื่อพบหลักฐานใหม่ก็สามารถจับกุมคนร้ายที่แท้จริงได้

แต่เพราะวิกฤตศรัทธา ที่สังคมมีต่อองค์กร ทำให้จะพูดอย่างไรคนก็ยังไม่เชื่ออยู่ดี ทั้งหมดทั้งมวล ล้วนเกิดจากพฤติกรรมที่ผ่านมาของคนในองค์กรทั้งสิ้น