วิบากกรรม ‘เฉลิมชัย’ หมูเถื่อน พ่นพิษ บ่อนเซาะ ภาพลักษณ์ ผู้นำพรรค ปชป.

นั่งแท่นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) คนที่ 9 ได้ไม่นานดีนัก ก็มีเรื่องสะเทือนตำแหน่งเข้าอย่างจัง สำหรับ “นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน”

ที่ล่าสุดปัญหาหมูเถื่อนที่คาราคาซังมานาน กำลังพ่นพิษใส่อยู่ในขณะนี้ หลังดีเอสไอออกหมายจับผู้ต้องหา 5 ราย ที่มีความเกี่ยวข้องกับหมูเถื่อน ซึ่งประกอบด้วย “นายหลี่ เซิ่งเจียว” หรือ “เฮียเก้า” นายกสมาคมการค้าแลกเปลี่ยนเศรษฐกิจไทยเอเชีย, นายหยาง ยา ซุง, นายกรินทร์ ปิยพรไพบูลย์ บุตรชายของนายหลี่, น.ส.นวพร เชาว์วัย และนายสมเกียรติ กอไพศาล หรือ “เฮียเกียรติ” อดีตเลขาฯ ส่วนตัวของนายเฉลิมชัย

ทำให้นายเฉลิมชัย ต้องออกมาพร้อม ส.ส. และคณะกรรมการบริหารพรรค ตั้งโต๊ะแถลงข่าว

โดยกล่าวว่า 2-3 เดือนที่ผ่านมา มีขบวนการสร้างประเด็นเพื่อโยงให้ถึงตนขณะที่ดำรงตำแหน่ง รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในเรื่องหมูเถื่อนและไก่เถื่อน

มั่นใจว่าไม่ได้เกิดขึ้นตามธรรมชาติ แต่เกิดจากผลทางการเมือง

วันที่เข้าเป็น รมว.เกษตรฯ ได้มอบอำนาจเต็มให้กับ “นายประภัตร โพธสุธน” รมช.เกษตรฯ ดูแลกรมปศุสัตว์แทน

ในส่วนหมูที่เข้าไปเกี่ยวข้องนั้น เป็นช่วงที่มีการระบาดโรคอหิวาต์หมู เรื่องนี้เป็นเรื่องระดับรัฐบาลตั้งคณะกรรมการ โดยมี “นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” รองนายกฯ ที่กำกับดูแลเป็นประธาน มอบให้ตนดูแลแก้ปัญหา ซึ่งไม่สามารถมอบหมายให้คนอื่นแทนได้ จึงเป็นประธานต่อเนื่อง กระทั่งมีข่าวหมูเถื่อนตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นไป ก็ได้กำชับให้ใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด จนจับ

และทำลายหมูเถื่อนได้ถึง 1.7 ล้านกิโลกรัม

 

นายเฉลิมชัยอธิบายว่า สิ่งหนึ่งที่กระทรวงเกษตรฯ ไม่มีอำนาจเลย คือการขนส่งทางเรือ หน่วยงานที่รับผิดชอบคือกรมศุลกากร จะต้องเข้าไปตรวจสอบ จากนั้นค่อยแจ้งหน่วยงานเข้าไปตรวจสอบอีกที

เมื่อเข้าไปดูแลเรื่องนี้ มีนโยบายปราบหมูเด็ดขาด จึงเป็นที่มาของการทำลายหมูเถื่อนที่ปรากฏเป็นข่าว

“ถ้าไม่ได้ออกนโยบายนี้ ก็ไม่รู้ว่าหมูตรงนี้ไปอยู่ตรงไหน แต่กลับมีการโยงใยตนและคนใกล้ชิดเข้าไปเกี่ยวข้อง ผมพูดแต่ต้นว่า ผม-ครอบครัว ไม่ทำเรื่องสกปรก ไม่รับเงินพวกนี้ ไม่มีนอมินีรับเงินแทนแม้แต่บาทเดียว ไม่เอื้อประโยชน์แบบผิดกฎหมายให้ใครทั้งสิ้น อย่าว่าแต่คนใกล้ชิด แม้แต่คนในครอบครัว ถ้าทำผิดไม่มีใครละเว้นได้ ต้องโดนลงโทษทางกฎหมายทั้งสิ้น ดังนั้น ขอให้บอกชื่อมาเลยว่านักการเมืองคนไหนที่ทำให้คนเข้าใจผิดว่าเป็นผม”

“วันนี้มีความสุข สบายใจที่สุด เพราะคนเกี่ยวข้องกับผมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และจะไม่เข้าไปก้าวก่าย เพราะเชื่อมั่นในระบบยุติธรรมที่ยังมีความศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 29 วรรคสอง ให้ถือเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด ไม่มีใครหนีกฎแห่งกรรมพ้น ไม่มีอะไรจีรังยั่งยืน และในมาตรา 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และปฏิบัติมิชอบ ขอเรียกร้องใครทำผิดต้องได้รับการลงโทษ ไม่ว่าสนิทกับใครก็ไม่เกี่ยว” นายเฉลิมชัยกล่าว

นายเฉลิมชัยยังกล่าวต่อว่า ขณะนี้มีข่าวแว่วว่ากำลังจะนำบุคคลที่กระทำความผิดไปเป็นพยาน เพื่อชักนำไปถึงบุคคลอื่นๆ และที่บอกว่ามีไอ้โม่งอยู่เบื้องหลัง ขอเรียกร้องให้ช่วยกันขุดคุ้ยว่าไอ้โม่งนั้นเป็นใคร พร้อมร่วมมือทุกอย่าง

ถ้าเล่นการเมืองสกปรกแบบนี้ อย่าเล่นเลย ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงแน่ๆ

ส่วนกรณีความสัมพันธ์กับเฮียเก้า หนึ่งในผู้ต้องหาที่ดีเอสไอออกหมายจับคดีหมูเถื่อนนั้น นายเฉลิมชัยกล่าวว่า ไม่เคยเถียงว่าไม่มีญาติ อยากถามว่าทุกตระกูลใหญ่ๆ ในประเทศ ท่านมีญาติแล้วรู้หรือไม่ว่าญาติไปทำธุรกิจอะไร ไม่มีใครไปก้าวก่าย แต่ถ้าอยู่ในประเทศไทย ทำผิดกฎหมายต้องได้รับการลงโทษไม่ว่าใครก็แล้วแต่ นี่คือสิ่งที่ถูกต้อง ฉะนั้น ไปลงข่าวให้ดีๆ ไม่ได้ปฏิเสธว่าไม่มีญาติ

“แต่ผมปฏิเสธว่าผมกับเขาไม่ใช่ลูกพ่อเดียวกัน มีนักข่าวบางสำนักนำไปบิดเบือนเพื่อโยงให้ผมใกล้ชิดที่สุด ผมชี้แจงแค่นี้ ความจริงก็คือความจริง หนีไม่พ้น วันนี้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ความจริงก็ต้องปรากฏ ถ้าเสียหายฟ้องแน่นอน”

 

ฝั่งกระทรวงยุติธรรม ที่มี “พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” คุมกระทรวงอยู่ ก็ได้กล่าวถึงกรณีเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงความล่าช้าในคดีหมูเถื่อนและตัวละครที่ขยายใหญ่ขึ้น ว่า ได้เห็นว่าพนักงานสอบสวนทำคดีความทั้งวันทั้งคืน ไม่ได้ทำตามความรู้สึก เรื่องนี้มีผลกระทบต่อความมั่นคงด้านอาหาร โดยเฉพาะเรื่องปศุสัตว์ จึงกำชับพนักงานสอบสวนว่า ให้พยานหลักฐานเป็นสิ่งที่พูด อย่าใช้ความรู้สึก หากสาวถึงใครไม่ใช่ไปดำเนินคดี แต่ให้เรียกเขามาสอบ

ส่วนที่ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” รมว.เกษตรและสหกรณ์ ไม่พอใจเรื่องความล่าช้าในการดำเนินการ หลังจากส่งเรื่องถึงดีเอสไอไปนานแล้วหรือไม่นั้น พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า ท่านอยากแก้ปัญหา แต่กับตนไม่เห็นพูดอะไร เหมือนให้กำลังใจกันตลอด เมื่อถามย้ำว่า หากเกี่ยวข้องกับอดีตรัฐมนตรีหรือนักการเมือง จะดำเนินการอย่างไร พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีกำชับให้ทำตรงไปตรงมา ไม่ได้ตั้งธงว่าจะจับใคร ถ้าหลักฐานถึงใครก็ต้องดำเนินการ ว่ากันไปตามพยานหลักฐาน

ซึ่งก่อนหน้านี้ ธันวาคม 2566 ร.อ.ธรรมนัสเคยให้สัมภาษณ์ประเด็นหมูเถื่อนเอาไว้ว่า หากเป็นนักการเมืองท้องถิ่นหรือระดับชาติ ก็ยืนยันว่าเอาผิดได้ และบริษัทใหญ่ๆ ก็จะโดนด้วย คาด 31 ธันวาคม 2566 ก็จะเห็นทั้งหมดและน่าจะปิดคดีได้

แต่ ณ ขณะนี้ก็ยังไม่คืบว่าใครที่อยู่เบื้องหลัง สะท้อนชัดว่า แม้แต่เจ้ากระทรวงคนปัจุบันรวมถึงกระทรวงยุติธรรม ก็ไม่ได้ออกตัวดำเนินการอย่างเต็มที่กับเรื่องนี้ ทั้งๆ ที่เป็นปัญหาใหญ่

ซึ่งหลักฐานที่หลุดจากแฟ้มดีเอสไอ ยืนยันว่าเป็นเรื่องรัฐบาลก่อนการเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤษภาคม 2566

ย่อมทำให้เกิดจุดตัดในลักษณะเป็นเส้นแบ่งในทางการเมือง ความเป็นพวกพ้อง และเชื่อมกันสมัยเป็นรัฐมนตรีเกษตรฯ รัฐบาลประยุทธ์ จึงดูเป็นพวกพ้องกันทั้งหมด

 

นอกจากการชี้แจงข้อเท็จจริงต่อสังคม นายเฉลิมชัยยังได้พูดถึงกรณีที่อดีตแม่ยกของ ปชป. นำรูปภาพของตนเองและ “นายเดชอิศม์ ทองขาว” เลขาธิการพรรค ไปพบกับ “นายอู๋ เอิน ฮุย” ที่จีนมาลงโซเชียล โดยพยายามโยงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของตนกับนายหลี่ เซิ่งเจียว หรือเฮียเก้าที่ถูกดีเอสไอออกหมายจับ พร้อมกล่าวว่านี่คือความไม่รู้ โง่เขลา ทำให้เกิดความเสียหายทั้งประเทศ

“คนจีนกลุ่มนี้คือนักธุรกิจที่เชิญมาร่วมลงทุนอีอีซีที่ระยอง โดยสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผมในฐานะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ได้มีโอกาสรับรองคณะดังกล่าว และต่อมาพวกเขาได้มีหนังสือเชิญไปพูดคุยที่ประเทศจีน ยืนยันว่าการไปครั้งนั้นไม่ได้ขอเสนอตัวไปเอง แต่ไปร่วมแสดงความยินดีที่นายอู๋ ได้เป็นประธานหอการค้าเห๋อ หนาน ซูเจี้ยน ที่กำลังจะมาลงทุนในไทย ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกับที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลังไปเยือนและได้ถ่ายรูปด้วยเช่นกัน”

“คุณต้องมาขอบคุณผม เพราะผมกำลังช่วยประเทศและรัฐบาล ดึงเขามาลงทุนที่อีอีซี คุณเอาความไม่รู้มาเล่นการเมือง ตั้งใจด่าผม ด่าความเป็นหัวหน้าพรรค คุณเลิกใช้คำว่าแม่ยกประชาธิปัตย์เสียที อย่ามายุ่งกับพรรคเลย คุณกำลังจะทำลายความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ทำลายนักลงทุนที่กำลังเดินทางมาลงทุน”

ก่อนจะกล่าวทิ้งท้ายอย่างดุเดือดว่า ฝากรัฐบาลด้วยว่าคนประเภทนี้คุณจะอยู่เฉยหรือ ผมไปอย่างมีเกียรติ แบบนี้มันผิดหรือ แต่คุณไปพิพากษาเขา เอารูปนี้มาแล้วบอกว่าคนนั้นคนนี้ผิด ไม่ดูเลยว่าแต่ละคนในรูปที่สื่อเอาไปลงมีผลกระทบอะไรกับประเทศไทยบ้าง ผมอายุปูนนี้แล้วอย่าอาฆาตเลย ทำไปเพื่ออะไร เพื่อความสะใจหรืออย่างไร ถ้าเขาไม่มาลงทุนคุณรับผิดชอบด้วย แก่แล้วเข้าวัดเข้าวาดีกว่า” นายเฉลิมชัยกล่าว

ศึกที่เจอครั้งนี้ โดยเฉพาะในยามที่ยังไม่สามารถเรียกความเชื่อมั่นจากประชาชนกลับคืนได้ เรียกว่าเป็นวิบากกรรมที่สั่นสะเทือนความเชื่อมั่นของนายเฉลิมชัยในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์อย่างหนักหน่วงก็ว่าได้