เปิดศักราช “มังกรทอง” ดุเดือด สมรภูมิการเมืองร้อนองศาเดือด | ลึกแต่ไม่ลับ

จรัญ พงษ์จีน
(Photo by Jack TAYLOR / AFP)

เปิดศักราช 2567 ปีมะโรง สัญลักษณ์ของสัตว์ประจำปีเกิด งูใหญ่ หรือ “มังกรทอง” ดุเดือดตั้งแต่เดือนแรก ปลายมกราคม สมรภูมิการเมืองร้อนฉ่าองศาเดือด เรียงร้อยเหงือกอยู่มากมายหลายปมเงื่อน ต้องเกาะติดกันตาแทบไม่กะพริบ

เปิดหมวกด้วยวันที่ 17 มกราคม “ศาลรัฐธรรมนูญ” นัดอ่านคำวินิจฉัย คดีที่ 6/2566 กรณีที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งความเห็นของสมาชิกพรรคฝ่ายค้าน ที่ปัจจุบันแปรสภาพมาเป็นพรรคร่วมรัฐบาล อยู่ในเรือลำเดียวกันเป็นผู้ร้อง ขอให้ศาลวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของ “นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ” สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170(5) ประกอบมาตรา 187 จากเหตุที่เชื่อได้ว่า คงไว้ซึ่งหุ้นส่วนและเป็นผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนจำกัด บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น

วันที่ 24 มกราคม “ศาลรัฐธรรมนูญ” นัดอ่านคำวินิจฉัย คดีที่ 23/2566 กรณีที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 ว่า สมาชิกภาพการเป็น ส.ส.ของ “นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์” อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล สิ้นสุดตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101(6) ประกอบมาตรา 98(3) หรือไม่ ปมคงไว้ซึ่งหุ้นบริษัทไอทีวี

วันที่ 31 มกราคม “ศาลรัฐธรรมนูญ” นัดอ่านคำวินิจฉัย คดีพรรคก้าวไกลเสนอร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา เพื่อยกเลิกประมวลกฏหมายอาญามาตรา 112 โดยใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้ง และมีการดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง หรือไม่

ขณะที่ใครต่อใครต่างพากันติดพงหนาม มีความเสี่ยงซ่อนอยู่ ไม่รู้ชะตากรรม จะหัวหรือก้อย บวกหรือลบ ตรงกันข้ามกับ “นายเศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นหนึ่งเดียวใต้หล้า สบายใจเฉิบ ทอดน่อง เดินสายไปร่วมประชุม เวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรั่ม องค์การระหว่างประเทศด้านความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน อยู่นครซูริก สมาพันธรัฐสวิส ซึ่งมีตัวแทนบริษัทชั้นนำระดับโลกเข้าร่วมประชุมมากมาย

“นายกฯ นิด” มีกำหนดพบปะหารือผู้บริหารยักษ์ใหญ่ของโลก นำพามาซึ่งการค้า การลงทุน รังสรรค์ประโยชน์ทางเศรษฐกิจมหาศาลให้กับประเทศไทย ทั้งด้านการขยายการตลาด จัดหาแหล่งผลิต การวิจัยและวิเคราะห์ตลาด การขาย การกระจายสินค้า โลจิสติกส์ ทั้งนี้ การเดินทางโดยเครื่องบินพาณิชย์ มีคณะผู้ร่วมเดินทางทั้งภาครัฐและเอกชน และกระชับพื้นที่ ผู้ร่วมเดินทางน้อย ระหว่างวันที่ 15-19 มกราคม

ภาพรวมโดยสรุป ตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งนายกฯ คนที่ 30 “นายเศรษฐา” ออนทัวร์ในหลายประเทศทั่วโลกสร้างความเชื่อมั่น และชักชวนนักลงทุนต่างชาติมาลงทุนในประเทศไทย มีผลงานเชิงประจักษ์ จับต้องได้มากมาย

 

ขณะเดียวกันในส่วน “นิติบัญญัติ” เมื่อต้นปี “งบประมาณ 2567” กุญแจดอกสำคัญในการบริหารประเทศ ที่ชงตั้งไว้ 3.48 ล้านล้านบาท ผ่านการพิจารณารับหลักการ หรือเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร แบบฉลุย 311 ต่อ 177 เสียง การพิจารณา พ.ร.บ.งบประมาณ 2567 แบบมาราธอน 3 วัน 3 คืน “นายเศรษฐา” ได้รับอานิสงส์ทางอ้อมเต็มๆ อีกประการคือ ได้ฝึกปรือลับสมอง เพิ่มทักษะ ฝีไม้ลายมือทางการเมือง ที่ยังละอ่อนอยู่มากในฐานะมือใหม่หัดขับ แป๊บเดียวประสบผลสำเร็จจนล้นเหลือ มีความเชื่อมั่นมากขึ้น

“สภาผู้แทนราษฎร” ทำท่าจะเงียบกริ๊บ แต่ “วุฒิสภา” ที่ใกล้จะปิดฉาก ครบเทอม 5 ปี “คัมมิ่งซูน” ในวันที่ 11 พฤษภาคม บวกเวลาจะได้รักษาการระหว่างการสรรหา ไปอีก 3 เดือน กลับคะนองเดช คึกคักดุจตลาดสด เมื่อ “ส.ว.” บางส่วน พบลายแทงแห่งรัฐธรรมนูญมาตรา 153 ที่ระบุว่า

“สมาชิกวุฒิสภา จำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของวุฒิสภา มีสิทธิเข้าชื่อขอเปิดอภิปรายทั่วไปในวุฒิสมาชิกเพื่อให้คณะรัฐมนตรีแถลงข้อเท็จจริงหรือชี้แจงปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน โดยไม่มีการลงมติ”

โดยมี 7 ประเด็นที่ “ส.ว.” จะขอยื่นเช็กบิล “นายกฯ เศรษฐา” ประกอบด้วย

1. ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของประชาชน

2. ปัญหาด้านกระบวนการยุติธรรมและการบังคับใช้กฎหมาย

3. ปัญหาด้านพลังงาน การจัดการราคาค่าไฟฟ้า ก๊าซหุงต้ม

4. ปัญหาการศึกษาและสังคม

5. ปัญหาการต่างประเทศและท่องเที่ยว

6. ปัญหาการแก้รัฐธรรมนูญ

7. ปัญหาการปฏิรูปประเทศ แนวทางของรัฐบาลต่อการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศ

ปรากฏว่า “มุขแป้ก” จอมยุทธ์โดนยึดกระบี่ ตามกรอบรัฐธรรมนูญที่ระบุว่า การเปิดอภิปรายจะต้องมีเสียงไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 เท่าที่มีอยู่คือ 250 คน คือต้องระดมพลเกิน 84 เสียง ปรากฏว่า “เสียงข้างมากไม่รับ ไม่ร่วม”

คนที่ไม่ร่วมวงไพบูลย์อ้างว่า รัฐบาลลุงตู่ ทำงานมา 4 ปี ไม่มีใครหือใครอือ รัฐบาลชุดนี้ทำงานมาแค่ 3 เดือน จะยื่นญัตติอภิปรายกันแล้วหรือ จึงเป็นห้องเครื่องให้การล่ารายชื่อ เปิดซักฟอก โดยไม่ลงมติ ล่มปากอ่าว ช็อตไปเสียดื้อๆ ได้เสียงไม่ถึงเป้าคือ 84 คน มีเช็กขุมกำลัง เต็มคาราเบลมีเพียง 65 คนเท่านั้น เสียงส่วนใหญ่ไม่เอาด้วย เพราะไม่เห็นด้วยกับถูกบางคนเดินสายบิณฑบาตไม่ให้ร่วม

กล่าวได้ว่า สำหรับมือใหม่หัดขับที่ชื่อ “เศรษฐา ทวีสิน” 4 เดือนกับสมรภูมิทางการเมือง บนเก้าอี้นายกฯ คนที่ 30 ค่อนข้างเวิร์ก ได้เรียนรู้หนทางแห่งความสำเร็จได้รวดเร็ว รื่นฉลุยเป็นจรวดทางเรียบทั้ง “บริหาร-นิติบัญญัติ” ปลอดภัยไร้กังวลทั้ง “รัฐบาล-รัฐสภา”

กลับมาจากเดินสาย สิ่งที่ต้องเร่งขับเคลื่อนไปข้างหน้า โชว์ผลงานอีกมากมาย ทั้งผลักดันซอฟต์เพาเวอร์-เดินหน้าโครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท

สำหรับโครงการ “ดิจิทัลอวลเล็ต” ที่ถือว่าเดิมพันราคาแพงมากของรัฐบาล “เศรษฐา” เจ้าตัวอาจจะโยกภาระให้ “นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง รับผิดชอบเต็มตัว

เจ้าตัวจะติ๊ดชึ่ง ทิงนองนอย พ้นเก้าอี้ “ขุนคลัง” หาคนใหม่มานั่ง “ว่าการ”

ขอย้ำอีกครั้งว่า เจ้าตัวจะสไลด์ไปดูแลด้านความมั่นคง มีกำหนดปิดเกมหลัง “ฮุน มาเนต” นายกฯ กัมพูชาเดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในเดือนกุมภาพันธ์

ชัวร์ป้าบ เพื่อนำธงในการแก้ปัญหา “พื้นที่ทับซ้อน” ที่จะมีรายได้มากมหาศาล