ฮามาส-อิสราเอล ความขัดแย้งครั้งที่ 5 (11)

จรัญ มะลูลีม

มุมมุสลิม | จรัญ มะลูลีม

 

ฮามาส-อิสราเอล

ความขัดแย้งครั้งที่ 5 (11)

 

ฉากทัศน์ของสงครามฮามาส-อิสราเอล (ต่อ)

ก่อนหน้านี้สื่ออิสราเอลยังคงพูดถึงปฏิบัติการภาคพื้นดินที่ใกล้เข้ามาเพื่อโค่นอำนาจการปกครองของกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซา

อย่างไรก็ตาม เมื่อเข้าสู่สงครามได้ 18 วัน ยังไม่มีการซ้อมรบภาคพื้นดินให้เห็น หากแต่มีเสียงที่เพิ่มมากขึ้นซึ่งบ่งบอกถึงความแตกต่างในขั้นตอนต่อไป

ในขณะที่ IDF และรัฐมนตรีกลาโหม Gallant กำลังผลักดันให้มีการเข้าสู่ฉนวนกาซาโดยเร็วและครอบคลุม โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญคือการโค่นล้มกลุ่มฮามาส

รูปแบบของเหตุการณ์แสดงให้เห็นว่าสหรัฐอเมริกาไม่เห็นด้วยกับสิ่งนี้ และนายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู ได้แสดงให้เห็นตลอดอาชีพของเขาว่าเขาไม่เต็มใจที่จะทำ หรือการใช้กองกำลังภาคพื้นดินของอิสราเอลในการซ้อมรบขนาดใหญ่

ก่อนการแลกเปลี่ยนตัวประกันของฮามาส-อิสราเอลมีตัวประกันชาวอิสราเอลประมาณ 220 คนในฉนวนกาซา รวมถึงเด็กทารกและผู้สูงอายุ ซึ่งรวมถึงชาวอเมริกันและชาวต่างชาติอื่นๆ ผลกระทบของการโจมตีฉนวนกาซาอย่างเต็มกำลังจะส่งผลร้ายแรงต่อบุคคลเหล่านี้ ตัวประกัน 4 คนได้รับการปล่อยตัวแล้ว และรายงานว่าพวกเขาถูกควบคุมตัวไว้ใต้ดิน ในระบบอุโมงค์อันกว้างใหญ่ที่กลุ่มฮามาสสร้างขึ้นใต้ฉนวนดังกล่าว และจะเป็นเป้าหมายหลักในความพยายามของอิสราเอลที่จะกำจัดกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซา

หลังความตายของพลเรือนและเด็กๆ จากกาซาที่เพิ่มสูงขึ้น ดูเหมือนว่าความพยายามที่จะปล่อยตัวนักโทษเหล่านี้ก็มีมากขึ้น

 

ทางตอนเหนือฮิสบุลลอฮ์ยังคงโจมตีกองกำลังของอิสราเอลอย่างต่อเนื่องทุกวัน โดยสูญเสียเครื่องบินรบไปแล้ว 39 ลำในช่วงสองสัปดาห์ของการต่อสู้ กองกำลัง IDF เจ็ดนายก็ถูกสังหารทางตอนเหนือเช่นกัน ชีวิตของผู้อยู่อาศัยทางตอนเหนือของอิสราเอลหยุดชะงักอย่างรุนแรง โดยชุมชน 28 แห่งต้องอพยพออกจากพื้นที่

ทุกสิ่งในปัจจุบันดูเหมือนจะอยู่ในรูปแบบการถือครอง อิสราเอลได้เกณฑ์กองกำลังขนาดใหญ่และรวมตัวกันที่ชายแดน แต่ดูเหมือนว่าจะมีความแตกแยกและความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวครั้งต่อไป ดูเหมือนว่าฮิสบุลลอฮ์และอิหร่านที่อยู่เบื้องหลังกลุ่มนี้ต้องการที่จะโจมตีชายแดนทางตอนเหนือของอิสราเอลอย่างจำกัดต่อไป

สหรัฐอเมริกาได้ส่งเครื่องบินเพื่อยับยั้งกองกำลังฮิสบุลลอฮ์และอิหร่านที่ยิงขีปนาวุธและโดรนใส่อิสราเอลจากเยเมนด้วย ดูเหมือนว่าสหรัฐอเมริกาต้องการให้การตอบโต้ของอิสราเอลอยู่ภายในขอบเขตจำกัดมากกว่าที่กองทัพอิสราเอลชื่นชอบ

อะไรจะเกิดขึ้นต่อไปไม่สามารถคาดเดาได้อย่างแม่นยำ สิ่งที่อาจกล่าวได้อย่างมั่นใจว่าสงครามซึ่งเริ่มต้นขึ้นด้วยการโจมตีของกลุ่มฮามาสเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมนั้นยังไม่สิ้นสุดและยังมีความทุกข์ทรมานอีกมากที่ยังมาไม่ถึง

 

สิ่งที่เป็นที่ประจักษ์อยู่ในฉากทัศน์ของความขัดแย้งฮามาส-อิสราเอลก็คือ พลพรรคของตัวแสดงที่ไม่ใช่รัฐ ไม่ว่าจะเป็นฮิสบุลลอฮ์ ฮูษี อาษาชีอะฮ์ในอิรัก ซีเรีย ที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน ล้วนประกาศสงครามและเริ่มโจมตีอิสราเอลขึ้นแล้ว

ในขณะที่หน่วยข่าวกรองของรัสเซียรายงานว่าสหรัฐอเมริกาแอบกดดันอิสราเอลให้เร่งทำสงครามกาซา

ผู้บัญชาการระดับสูงของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม (IRGC) กล่าวว่า สงครามของรัฐบาลอิสราเอลต่อฉนวนกาซามีแนวโน้มที่จะลุกลามไปยังส่วนที่เหลือของภูมิภาค โดยเน้นว่าอิหร่านอยู่ในจุดสูงสุดของอำนาจและเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่สำหรับทุกสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นตามมา

ทั้งนี้ เมื่ออิสราเอลบุกโจมตีโรงพยาบาลอัล-ชิฟาในกาซาก็มีผู้ตั้งคำถามอยู่ทั่วไปให้ได้ยินว่าระเบียบโลกจะรอดจากสงครามของอิสราเอลในฉนวนกาซาได้หรือไม่?

 

นาบีห์ เบอร์รี ประธานรัฐสภาเลบานอนก็เตือนประชาคมโลกว่า “อิสราเอลผู้เป็นปรปักษ์ได้รุกล้ำเกินไปและเพิ่มความก้าวร้าวมากขึ้น โดยมุ่งเป้าไปที่พลเรือน ผู้เชี่ยวชาญด้านสื่อ และหน่วยกู้ภัยที่ต้องกลายเป็นเหยื่อสงครามซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยอิสราเอลได้ขยายการโจมตีลึกเข้าไปในเลบานอนตอนใต้ นอกเหนือจากภัยคุกคามต่อเมืองหลวงที่เกิดขึ้น

ผู้นำฮูษีกล่าวว่า กองทหารอาสาจะมุ่งเป้าไปที่เรือของอิสราเอลในทะเลแดงแล้วการล้อมจับเรือของอิสราเอลก็เกิดขึ้นจริง

กองทหารสหรัฐที่ประจำอยู่ในอิรัก ซีเรีย ถูกโจมตี 55 ครั้งในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา

หน่วยงานสหประชาชาติสำหรับชาวปาเลสไตน์กล่าวว่า คลังน้ำมันในฉนวนกาซาว่างเปล่า ปฏิบัติการบรรเทาทุกข์จะสิ้นสุดเร็วๆ นี้

ในเวลานั้นอิสราเอลขัดขืนมติคณะมนตรีความมั่นคงที่ให้มีการหยุดยิงชั่วคราวเพื่อเห็นแก่มนุษยธรรม ตามข้อมติของคณะมนตรีความมั่นคง

การบุกยึดโรงพยาบาลในกาซาของกองทัพอิสราเอลเป็นการกระทำที่ได้รับการวิพากษ์จากทุกมุมโลกที่มองเห็นกองทัพที่มีอาวุธยุทโธปกรณ์และกำลังพลระดับนี้ที่บุกยึดโรงพยาบาลที่มีแค่คนเจ็บและบุคลากรทางการแพทย์

 

แม้ขบวนการไซออนิสต์จะเป็นขบวนการทางการเมืองที่เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นขบวนการของชาวยิวอิสราเอลที่ทรงอิทธิพล อย่างไรก็ตาม บ้านเกิดดั้งเดิมของผู้นำระดับสูงของระบอบไซออนิสต์ของอิสราเอลก็มิได้มาจากอิสราเอลแต่ดั้งเดิม

ผู้คนที่เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของไซออนิสต์ต่างก็เดินทางมายังปาเลสไตน์จากประเทศต่างๆ ทั่วโลกและยึดครองดินแดนนี้ อันที่จริง ปาเลสไตน์ไม่ใช่บ้านเกิดดั้งเดิมของพวกเขา

เป็นที่รับทราบกันดีว่าบรรดาเจ้าหน้าที่ปัจจุบันของรัฐบาลไซออนิสต์ไม่มีคนใดเป็นคนอิสราเอลแต่กำเนิดเลย และบ้านเกิดดั้งเดิมของพวกเขาคือประเทศอื่น รายชื่อบรรดาผู้นำปัจจุบันของระบอบไซออนิสต์และบ้านเกิดดั้งเดิมของพวกเขามีดังต่อไปนี้

1) ไอแซค เฮอร์ซ็อก ประธานาธิบดีอิสราเอล มาจากไอร์แลนด์

2) เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรี มาจากโปแลนด์

3) โยอาฟ กาลันท์ รัฐมนตรีกลาโหม มาจากโปแลนด์

4) เบซาเลล สโมทริช รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง มาจากยูเครน

5) อิตามาร์ บิน โกเวอร์ รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคง มาจากอิรัก

6) เอลี โคเฮน รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ มาจากโมร็อกโก

7) ยาอีร์ ลาปิด ผู้นำฝ่ายค้าน มาจากเซอร์เบีย

8) เบนนี่ แกนซ์ อดีตรัฐมนตรีกลาโหมและสมาชิกคณะรัฐมนตรีสงคราม มาจากโรมาเนีย

9) กิลาด แอร์ดาน เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำสหประชาชาติ มาจากโรมาเนีย

10) ซิปิ โฮตอฟลี เอกอัครราชทูตในประเทศอังกฤษ มาจากจอร์เจีย

 

ในฉากทัศน์ระหว่างประเทศยังคงพบว่าประเทศที่มีบทบาทสำคัญมากที่สุดที่มาทำให้การเจรจาหยุดยิงระยะสั้นแลกกับการปล่อยตัวประกันที่ฮามาสจับตัวเอาไว้จำนวนหนึ่งนั้นยังคงเป็นกาตาร์ อียิปต์ หน่วยสืบราชการลับ CIA และหน่วยสืบราชการลับมอสสาดของอิสราเอล โดยมีตัวแทนของสหภาพยุโรปที่เข้ามามีบทบาทในการเจรจานี้อยู่ด้วย

อย่างไรก็ตาม กาตาร์ก็เป็นประเทศสำคัญอีกหนึ่งประเทศที่เรียกร้องนานาชาติให้สอบสวนการโจมตีของอิสราเอลในโรงพยาบาลอัล-ชิฟาในฉนวนกาซา

รวมทั้งรัฐมนตรีต่างประเทศของอิหร่าน ฮุสเซน อมีร อับดุลลอฮ์เฮียน ที่ตำหนิสหรัฐอมริกา เรื่องการจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ถูกห้ามระหว่างประเทศ เช่น ระเบิดฟอสฟอรัสขาว ให้กับอิสราเอล เพื่อใช้กับชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซาที่ถูกปิดล้อม