อิโรติก รัน

“ปีใหม่ไปเที่ยวไหน”

เป็นคำถามยอดนิยมในช่วงก่อนหรือหลังปีใหม่

ทุกครั้งที่เจอคำถามนี้ ผมจะตอบสั้นๆ

“เที่ยวที่บ้านครับ”

คือ อยู่บ้าน ไม่ไปไหน

ผมใช้นโยบายนี้มาหลายปีแล้ว

วันหยุดยาวช่วงปีใหม่หรือสงกรานต์ ผมจะอยู่บ้านไม่ไปไหนเลย

ไม่อยากเจอรถติด ที่พักราคาแพง ต้องแย่งกันกิน แย่งกันซื้อของ

ตอนที่ทำงานประจำ เราหลีกเลี่ยงไม่ได้หากจะเที่ยวที่ไหนหลายๆ วัน

แต่พอไม่ได้ทำงานประจำแล้ว

เรากำหนดเวลาเที่ยวของเราเองได้

ใช้ความได้เปรียบของ “ฟรีแลนซ์” ให้เป็นประโยชน์

ช่วงหยุดยาวผมจึงเลือกที่จะ “เที่ยวที่บ้าน”

เหมือนเป็นคำตอบเล่นๆ แต่แฝงด้วยความจริงบางอย่าง

“บ้าน” อาจเป็นที่ที่เราคุ้นชิน เพราะอยู่ประจำทุกวัน

คำว่า “เที่ยว” นั้น เรามักใช้กับการไปสถานที่ใหม่ๆ

แต่เชื่อไหมครับว่าใน “บ้าน” ของเรามีบางจุดที่เราไม่เคยเข้าไปดูอย่างละเอียดเลย

ไม่ว่าจะเป็นห้องเก็บของ ลิ้นชักในตู้เสื้อผ้า ของในตู้หรือในกล่องต่างๆ

นั่นคือ สถานที่ที่เหมาะกับการไปเที่ยวช่วงวันหยุดยาวมาก

ใช้เวลาที่ว่างๆ ละเมียดกับสิ่งเหล่านี้

มันก็เป็นความสุขรูปแบบหนึ่ง

ยิ่งตอนค้นตู้เก็บของ

“อดีต” ลอยฟุ้งเลยครับ

 

ช่วงปีใหม่นี้ ผมล้างรถ ซักรองเท้า รดน้ำต้นไม้ และเลือกทิ้งของที่ไม่จำเป็น

ได้ขยะกองใหญ่ทีเดียว

ว่างๆ ก็นั่งคิดถึงงานปีหน้าว่าจะทำอะไรบ้าง

แต่ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด คือ ได้วิ่งออกกำลังกาย

ผมซื้อเครื่องวิ่งสายพานไว้ในบ้านมานานพอสมควรแล้ว

แทบไม่ได้ใช้เลย

ช่วงวันหยุดปีใหม่ ลองตั้งปณิธานอีกครั้ง

อีกครั้ง

และอีกครั้ง

เพราะตั้งปณิธานเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว

“ผมจะวิ่งตอนเช้าทุกวัน” เป็นปณิธานแรกที่คิด

แต่รู้สึกว่าจะไม่เข้าคติประจำใจ

“ชีวิตไม่ยาก ถ้าตั้งโจทย์ง่าย”

“วิ่งทุกวัน” …ยากไป

เอาเป็นว่าจะวิ่งให้ได้มากที่สุด สัก 4 วันต่อสัปดาห์

“วิ่งตอนเช้า” ก็ผูกมัดมากไป

เอาเป็นวิ่งสัปดาห์ละ 5 วันตอนไหนก็ได้ แต่ถ้าวิ่งตอนเช้าได้ก็ดี

ปรับใหม่เป็นปณิธานยาวๆ แบบหลวมๆ

แบบนี้ค่อยสบายตัวหน่อย

เหมือนใส่กางเกง “ยางยืด”

อ้วนขึ้นมานิดก็ไม่อึดอัด

ผมเริ่มต้นวันแรกตอนสายๆ แบบอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก

เหตุผลที่สาย เพราะดูบอลตอนดึกคู่ “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” กับ “นอตติ้งแฮม ฟอเรสต์”

แต่อารมณ์เสียเพราะผลการแข่งขัน

แมนยูฯ แพ้พอรับได้เพราะเริ่มชิน

แต่แพ้แบบไม่มีทรงเลย

แบบนี้ไม่ไหว

ผมเริ่มด้วยการเดินช้าๆ เพราะรู้ว่าต้องค่อยเป็นค่อยไป

มาเดินเร็วช่วงกลางๆ

ก่อนจะผ่อนตอนท้าย

วันแรก จบลงด้วยดี แม้จะไม่ได้วิ่งเลย

แต่การเดินสายพานเฉยๆ ก็น่าเบื่อเหมือนกัน

แบบนี้ปณิธาน “ยางยืด” ของผมคงจะเป็นไปได้ยากอย่างแน่นอน

 

วันรุ่งขึ้น ผมเริ่มต้นใหม่

คราวนี้ใส่หูฟังไร้สายฟังเพลงตอนออกกำลังกายไปด้วย

เปิด “ยูทูบมิวสิค” เลือกกลุ่มเพลงที่เขาเลือกมาให้แล้ว

ดีขึ้นมากเลยครับ

โดยเฉพาะตอนที่ตะโกนร้องเพลงดังๆ บางท่อนฮุกที่เราจำได้

แต่เสียเวลาต้องมากดเลือกเพลงใหม่ ถ้าเพลงที่เขาเลือกมาไม่ถูกใจ

วันต่อมา ผมเปลี่ยนแผนใหม่

สร้าง “เกม” สนุกๆ ขึ้นมา

ผมเลือกเพลงใส่อัลบั้มออกกำลังกาย

วิธีการเลือก คือ เลือกเพลงให้ตรงกับการวางแผนการวิ่ง

ที่สำคัญ ต้องเป็นเพลงที่ร้องคลอได้

ลองดูเพลงที่ผมเลือกนะครับ

2 เพลงแรก เลือกเพลงไม่เร็วนัก เพราะผมจะเดินช้าๆ เพื่อวอร์มก่อน

เพลงแรก “ยาม” ของ “ลาบานูน”

เพลงที่สอง “แพ้ใจ” ของ “ใหม่ เจริญปุระ”

จากนั้นก็เร่งสปีดขึ้นนิด

“ซมซาน” ของ “โลโซ”

ผ่านไปประมาณ 10 นาที ก็ถึงเวลาจะวิ่งเร็วขึ้น

แบบนี้ต้องเจอ “แสงสุดท้าย” บอดี้สแลม

และตามมาด้วย “บัวลอย” คาราบาว

เพลงที่เล่นเมื่อไร ตีกันทุกครั้ง

คิดดูสิว่าทำนองเพลงมันปลุกเร้าขนาดไหน

พอสปีดเต็มที่ก็เริ่มผ่อนลงนิดหนึ่ง

“ตังเก” พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ

จากนั้นก็เริ่มวอร์มดาวน์ เหมือนผับจะเลิก

“ครึ่งหนึ่งของชีวิต” แอม เสาวลักษณ์

และตามด้วย “การเดินทาง” ชาติ สุชาติ

ผมปิดท้ายการออกกำลังกายวันนั้นด้วยเพลงที่บอกวัยอย่างชัดเจน

“อายฟ้าดิน” ของเพาเวอร์แบนด์

งงใช่ไหม

ผมได้เพลงนี้มาจากตอนไปงานเลี้ยงรุ่นเพื่อนมัธยมต้นที่เมืองจันท์

ช่วงคาราโอเกะ เพื่อนผมใส่กันเต็มที่

นึกเพลงเก่าเพลงไหนได้ก็จัดมา

ผมได้ฟังเพลงลูกทุ่งที่ไม่ได้ฟังมานานหลายเพลง

จำได้ทุกเพลง

แต่พอเพลงนี้ขึ้น

“จะบอกรักใครก็อายฟ้าดิน…”

ผมร้องตามได้เลย

แต่นึกชื่อเพลงและวงไม่ออก

ต้องถามเพื่อน

ผมเลือกเพลง “อายฟ้าดิน” มาปิดท้าย

เพื่อเตือนใจให้รู้วัย

…อย่าหักโหม

 

ผมเริ่มสนุกกับการเลือกเพลงเพื่อใช้ในการวิ่ง

เป็นการสร้าง “เกมใหม่” ขึ้นมา

ทำให้การวิ่งสนุกขึ้น

การใส่ “หูฟัง” ฟังเพลงทำให้ผม “ได้ยิน” เนื้อเพลงละเอียดขึ้น

บางเพลงฟังมานาน ร้องคลอก็ได้ แต่ไม่เห็นความละเมียดของการใช้คำในเพลง

อย่างเช่น วันนี้ผมฟังเพลง “ตังเก” อย่างละเอียดๆ ตอนวิ่ง

เข้าใจแล้วว่าทำไม “กบ” บิ๊กแอส สุดยอดนักแต่งเพลงในวันนี้บอกว่าเป็นเนื้อเพลงที่เขาชอบที่สุด

จำได้ว่า “กบ” บอกว่าเพลงนี้เป็นปรัชญาที่สอดแทรกในทำนองเพลงที่สนุก

“คิดถึงแม่ที่เคยไกวเปล

โอ้เปลน้อยคือเรือตังเก

มีแม่ทะเลกล่อมนอนแรงแรง

…แม่โมโหใครมา

หรือเป็นตำราให้ลูกแข็งแกร่ง”

ในขณะที่มองในมุมการตลาด แค่เริ่มท่อนแรก

“ฉันเกิดอยู่แดนอีสาน”

ได้ลูกค้าไปเกือบครึ่งประเทศแล้ว

พอมาทำงานเป็น “ตังเก” อยู่ในเรือ

กวาดลูกค้าภาคใต้ไปอีกกลุ่มหนึ่ง

วันนี้ ผมได้ฟังเพลง “ตังเก” อย่างละเมียด

จริงอย่างที่ “กบ” บอก

เพลงนี้ลึกซึ้งมาก

และอิโรติกด้วย

ลองดูท่อนนี้สิครับ

“อยากมีเรือสักลำ

จะพาคนงามที่คิดจะแต่ง

ลอยล่องลำนาวา

ให้ปลาอิจฉาเวลาคลื่นแรง”

เห็นภาพตอนเรือเจอคลื่นแล้วโยกไปโยกมาไหมครับ

โชคดีที่ผมฟังเพลงนี้ตอนวิ่ง

การวิ่ง คือ การออกกำลังกายอย่างหนึ่ง

เมื่อเราทำตามหนังสือเรียนของกระทรวงศึกษาฯ

เราจึงไม่เกิดอารมณ์

แม้เนื้อเพลงจะอิโรติกแค่ไหนก็ตาม •

 

ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ | หนุ่มเมืองจันท์