ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 29 ธันวาคม 2566 - 4 มกราคม 2567 |
---|---|
เผยแพร่ |
บทความพิเศษ
สำนึก ต่อสงคราม
Stop the War ก้อง
ณ สุจิตต์ วงษ์เทศ
ความน่าสนใจในการอ่าน “เมด อิน U.S.A.” ส่วนหนึ่งอาจเป็นความเห็นของคนอเมริกัน ส่วนหนึ่งอาจเป็นนักศึกษาไทยในอเมริกา
แต่ที่สำคัญอย่างที่สุด คือ ความเห็นของ สุจิตต์ วงษ์เทศ
ในฐานะที่ สุจิตต์ วงษ์เทศ สวมวิญญาณหลายวิญญาณ 1 คือนักประวัติศาสตร์ นักโบราณคดี 1 คือความเป็นกวี เป็นนักเขียน
ขณะเดียวกัน 1 คือความเป็นนักหนังสือพิมพ์
สุจิตต์ วงษ์เทศ ย่อมรู้อยู่เป็นอย่างดีว่าในห้วงเวลาใดอยู่ในภวังค์แห่ง “จิตวิญญาณ” แบบใด
ยิ่งกว่านั้น รากฐานของ สุจิตต์ วงษ์เทศ คือรากฐานแห่ง “อนุรักษนิยม”
ประวัติศาสตร์ของเขาจึงแนบแน่นอยู่กับหลักฐานในทางโบราณคดี ความเป็นกวี นักเขียน นักหนังสือพิมพ์ของเขา จึงแนบแน่นอยู่กับอิทธิพลอย่างมีนัยสำคัญแหลมคม 2 สำนัก
1 สำนัก คึกฤทธิ์ ปราโมช ขณะเดียวกัน 1 ย่อมได้รับผลสะเทือนมาจากสำนัก สุลักษณ์ ศิวรักษ์
ความรู้สึกของ สุจิตต์ วงษ์เทศ ต่อการต่อต้าน “สงคราม” จึงน่าสนใจ
หมิ่นยาม สงคราม
ในทาง ยุทธวิธี
อย่างเช่นเงาสะท้อนความรู้สึกเมื่ออยู่ที่หน้าไวท์เฮาส์ และเมื่อได้เห็นข้อความ “ไม่ต้องตกใจ มีเงิน 25 ดอลลาร์ก็ประกันตัวได้”
นักศึกษาอเมริกันอาจไม่ตกใจ คำถามก็คือ สุจิตต์ วงษ์เทศ เล่าเห็นอย่างไร
“ผมพลิกอ่านอยู่อย่างนั้นแล้วก็อดที่จะยกย่องการทำงานอย่างรอบคอบและอย่างตระเตรียมของคนหนุ่มเหล่านี้เสียมิได้ เพราะเขาพิมพ์คำแนะนำเหล่านี้แจกจ่ายอย่างชัดเจน
นอกจากจะบอกว่าถ้าถูกตำรวจจับแล้วสามารถจะประกันตัวได้ในราคา 25 เหรียญ ยังมีข้อแนะนำปลีกย่อยอีกมากมายเกี่ยวกับการที่ถูกจับว่า
อย่าพูดอะไรทั้งนั้น ใครถามก็ตอบมันไปว่า ‘โน’
ไม่ต้องพูดคำอื่น และไม่ต้องกลัวว่าจะร้ายแรงเพราะเราได้ปรึกษาทนายไว้สำหรับสู้ความแล้ว”
นั่นเป็นความรู้สึกของ สุจิตต์ วงษ์เทศ
วางแผน แยบยล
รอบคอบ รัดกุม
ไอ้พวกนี้มันเกิดมาเพื่อหงุดหงิดจริงๆ ก็ดูมันวางแผนกันซี มีทางหนีทีไล่ มีทั้งหน่วยบริการเคลื่อนที่ มีทั้งหน่วยบรรเทาทุกข์
อย่างกับว่าจะออกรบ
รถผ่านแหล่งต่างๆ ที่จะเป็นจุดปฏิบัติการของนักศึกษา รถตำรวจออกตระเวนและตำรวจเริ่มจับกลุ่มกันตามสี่แยกต่างๆ นักศึกษาบางกลุ่มเตรียมตัวเดินเหินรับลมหนาว
เนื้อตัวสั่นเทา กลุ่มใหญ่ตั้งค่ายที่สวนสาธารณะโปโตแมคด้านตะวันตก
ส่วนหนึ่ง สนุกสนานอยู่ในสวนโปโตแมค แต่อีกส่วนหนึ่งไม่ได้หลับไม่ได้นอนเลยในคืนนั้น เพราะปรึกษาหารือกันตลอดเวลาว่าจะทำอย่างไรและมีแผนการอย่างไร
แผนการต่างๆ ไม่มีปิดบังทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายนักศึกษา
ฝ่ายนักศึกษาตีพิมพ์หนังสือจำหน่ายแจกจ่ายล่วงหน้าเป็นเดือนๆ ว่ามีแผนจะทำอย่างไรและตรงไหนบ้าง
ทำนองเดียวกัน ทางฝ่ายรัฐบาลก็บอกหนังสือพิมพ์ว่าจะป้องกันอย่างไร จำนวนตำรวจเท่าไร จำนวนทหารเท่าไร และจะใช้เครื่องบินเฮลิคอปเตอร์มาช่วยในการป้องกันความวุ่นวายนี้อย่างไร
มันเป็นมวยคู่อาฆาตที่แปลกประหลาดที่สุดในโลก เพราะต่างฝ่ายต่างก็บอกเคล็ดลับกันหมดว่าจะต่อยตรงไหนและเตะตรงไหน อีกฝ่ายหนึ่งก็บอกอย่างไม่ปิดบังว่าจะสู้ด้วยเพลงมวยเพลงไหน วิธีการอย่างไร
นี่เป็นกรรมเวรของสหรัฐ หรือเป็นบาปของคนอเมริกัน หรือจะเป็นเครื่องถ่างช่องว่างให้ห่างออกไปอีก
ผม (สุจิตต์ วงษ์เทศ) ไม่ทราบ ผมไม่รู้และผมไม่อยากคิดทั้งนั้น
ลงสู่ ท้องถนน
ณ กรุงวอชิงตัน
ผม (สุจิตต์ วงษ์เทศ) เดินกวาดไปทั่วกรุงวอชิงตัน หลายครั้งที่เดินสวนทางกันกับนักศึกษาทั้งหญิงทั้งชายซึ่งหน้าตาตื่นเต้นตั้งแต่เช้าตรู่
“เป็นไง สำเร็จเรอะ”
“ไม่ไหวเลยคราวนี้” นักศึกษาที่เดินสวนกันตอบขึ้น “ตำรวจเอาแต่จับท่าเดียวไม่ยอมฟังเหตุผล เราเลยไม่สนุกเหมือนเมื่อก่อน”
“อ้าว แล้วจะไปไหน”
“กลับบ้านซี่”
“บ้านอยู่ไหน”
“โอไฮโอ”
ที่สี่แยกแห่งหนึ่ง นักศึกษากลุ่มใหญ่ยืนเกะกะกันกลางถนนกับร้องและตะโกนโหวกเหวกกลางถนนว่า
“สต็อป วอร์ นาว-หยุดสงครามเสียทีโว้ย”
แดดสายและลมพัดแรงจนหนาว มือชา ตีนชาไปหมด รถราเริ่มติดกันเป็นแนวยาวเหยียด
นักศึกษานั่งบ้างยืนบ้าง บางคนนอนราบกับพื้นถนนกลางสี่แยก
รถไม่เขยื้อนเพราะนักศึกษาเป็นร้อยยืนขวางอยู่ เฮลิคอปเตอร์บินว่อนและรถตำรวจเปิดไซเรนแล่นเข้ามาที่สี่แยก
นักศึกษาแตกกระจายเหมือนมดแตกรัง
ตั้งแต่ ปริญญาตรี
กระทั่ง ปริญญาเอก
นักศึกษาผมยาวๆ แต่งตัวปอนๆ ล้วนแล้วแต่เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย บ้างก็กำลังทำปริญญาตรี และมีไม่น้อยที่กำลังทำปริญญาโท และส่วนหนึ่งเป็นนักศึกษาที่กำลังทำปริญญาเอก
เขามาจากที่ต่างๆ กัน นิวยอร์ก อิทะกะ ชิคาโก เค้นท์ สเตท ไวโอมิ่ง อินเดียนา
ฯลฯ
อย่างน้อยผม (สุจิตต์ วงษ์เทศ) ก็มองเห็นว่า เขาไม่ได้ต้องการที่จะมาก่อเรื่องราวตีรันฟันแทง นักศึกษาแต่ละกลุ่มพยายามที่จะอธิบายให้คนเข้าใจ และบางทีถ้าหากเจ้าของรถคันใดโมโหเขาก็จะพากันกรากเข้าไปแสดงความเสียใจ
ขอโทษขอโพย และขอความเห็นใจว่าเขาจะต้องทำ
ภาพหน้าแรกของหนังสือพิมพ์ฉบับบ่ายวันนั้นก็คือ นักศึกษากลุ่มหนึ่งนั่งอยู่บนพื้นถนน มีตำรวจนายหนึ่งกำลังฉีดแก๊สน้ำตาไปบนหัวคล้ายกับฉีดสเปรย์รถน้ำต้นไม้ที่มีใบมีขนปุกปุย
นักศึกษาสักสิบคนที่ถูกจับกุมอยู่กลางถนน ก้มหน้าเอามือกุมหัวกันทุกคนท่ามกลางคนที่มุงดูอยู่อย่างเวทนา
ปรากฏว่านักศึกษาถูกจับไป 5 พันคน
ประมาณบ่ายเศษๆ การประท้วงของนักศึกษาคลี่คลายลงไปในทางที่ดี ขบวนต่างๆ แตกสลายไปเป็นจุดๆ นักศึกษาที่แตกกระจายเหล่านั้นต่างเดินกันเพ่นพ่านเป็นนักท่องเที่ยวธรรมดาที่ไปทัศนาจรกรุงวอชิงตัน
เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ประสบการณ์ ตรง
ของ สุจิตต์ วงษ์เทศ
นี่ย่อมเป็นประสบการณ์อันน่าตื่นตาตื่นใจหากมองจากด้านของ สุจิตต์ วงษ์เทศ แม้จะได้พบเห็นการประท้วงของนักศึกษาในมหานครกรุงเทพบ้าง
ไม่ว่าจะเป็นต่อต้าน “ค่ารถเมล์” เมื่อเดือนมิถุนายน 2511
ไม่ว่าจะเป็นการชุมนุมและเคลื่อนไหวของนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจากสามย่านไปยังรัฐสภา
แต่ก็ในฐานะที่ยืนมองอยู่ห่างๆ ไม่ได้เข้าร่วมอย่างใกล้ชิด
ภาพอันเห็นจาก “เมด อิน U.S.A” สำหรับ สุจิตต์ วงษ์เทศ จึงถือว่าเป็นประสบการณ์ “ตรง”
แต่พลันที่เข้าสู่โหมด “โง่เง่าเต่าตุ่น”
ก็จะสัมผัสได้ในการปะทะและขัดแย้งในทาง “ความคิด” และในทาง “การเมือง” อันแหลมคมยิ่งขึ้นไปอีก
เมื่อสหรัฐอเมริกาเปิดสัมพันธ์ทางการทูตกับจีน
เมื่อประธานาธิบดี ริชาร์ด นิกสัน บินไปจับมือกับประธานเหมาเจ๋อตงในทำเนียบจงหนานไห่
ทำไมจึงตั้งชื่อว่าเป็น “โง่เง่าเต่าตุ่น”
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022