หน้า8 : ทุบ “หม้อข้าว” ด้วย

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกมาพยากรณ์

เมษายน 2561 การเมืองกระเพื่อมใหญ่แน่

ไม่ต้องจับยามสามตาอะไรทั้งสิ้น

มาจาก “คำสั่ง คสช. ที่ 53/2560 ขยายระยะเวลาการปฏิบัติตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง” นั่นเอง

เพราะนอกจากกำหนดให้พรรคการเมืองยืนยันเรื่องสมาชิกพรรคและจ่ายค่าบำรุงให้แล้วเสร็จภายในเมษายน 2561

ซึ่งพรรคการเมืองทั้งหลายโวยว่า เป็นการซ่อนเงื่อนการรีเซ็ตสมาชิกพรรคการเมืองทั้งหมด เพื่อให้เกิดภาวะ “ผึ้งแตกรัง” ไปซบพรรคการเมืองใหม่แล้ว

นายสมชัยยังระบุว่า คำสั่งดังกล่าวยังมุ่ง “ทุบหม้อ” พรรคการเมืองด้วย

ซึ่งเรื่องใหญ่ไม่แพ้กัน

เพราะจำนวนสมาชิกพรรคที่ชำระค่าบำรุงสมาชิกแล้วไปสัมพันธ์กับเงินอุดหนุนพรรคการเมืองที่จะได้จากกองทุนพัฒนาพรรคการเมืองซึ่งกำหนดไว้ในสัดส่วนถึงร้อยละ 40 ด้วย

ถือเป็นเงินก้อนสำคัญของพรรคการเมือง

โดยเฉพาะพรรคใหญ่อย่างเพื่อไทยและประชาธิปัตย์

การที่สมาชิกพรรคหายไปจำนวนมาก ยอดเงินจากกองทุนพัฒนาการเมืองก็หายไปด้วย

พรรคการเมืองที่ไม่ได้มีนายทุนพรรคอยู่ที่คนหนึ่งคนใด หรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งอย่างประชาธิปัตย์ เดือดร้อนหนักแน่

เสียงโวยจากพรรคนี้จึงดังสนั่น

งานนี้ ถือว่า “เนติบริกร” ของ คสช. ไม่ธรรมดา

คือ นอกจากสามารถทลายขุมกำลังแล้ว

ยังทลายทั้งขุมทรัพย์พรรคการเมืองด้วย

กะให้ถึงขั้นตายกันจริงๆ

ทั้งประชาธิปัตย์ และเพื่อไทย จึงต้องสู้หนัก ออกโรงคัดค้านคำสั่ง คสช. อย่างดุเดือด

แต่ก็คงไม่มีผลอะไร

เหลือทางเลือกอีกไม่มากนัก ซึ่งก็คงไม่มีทางเลือก

หนึ่งในนั้นคือไปพึ่ง “ศาลรัฐธรรมนูญ”

ซึ่งไม่รู้ผลจะออกมาอย่างไร

ด้วยพรรคการเมืองเก่ารู้ดีว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญก็เพิ่งรอดจากปม “รีเซ็ต” มาหมาดๆ

รอดด้วยฝีมือของกรรมาธิการร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ

ที่ล้มข้อเสนอรีเซ็ตของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญที่นำโดย นายมีชัย ฤชุพันธุ์ อย่างระทึกใจ

ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญคงแลเห็นว่าใครเป็นใคร

และเมื่อสามารถเดินหน้า ทำงานได้ต่อ ก็ย่อมโล่งใจเป็นธรรมดา

ต่างจากพรรคการเมือง ที่คงต้องลุ้นหนัก ไม่รู้ผลจะออกมาอย่างไร

แต่อย่างว่า เมื่อไม่มีทางเลือก ก็ต้องดุ่มเดินไป

ดีกว่าจะถูกทลายรัง และถูกทุบหม้ออย่างง่ายๆ