การตื่นคืนชีพของ(คุณนาย)ลั่นทม | เรื่องสั้น : นรเศรษฐ์ ทับทิมทอง

เรื่องสั้น | นรเศรษฐ์ ทับทิมทอง

การตื่นคืนชีพของ(คุณนาย)ลั่นทม

 

1. คุณนายลั่นทม

เมื่อคุณนายลั่นทม ลืมตาขึ้นอีกครั้ง ภายหลังความตายอันสืบเนื่องจากเหตุฆาตกรรมอำพราง ซึ่งผู้ก่อเหตุวางแผนแนบเนียนจนเจ้าหน้าที่สืบเสาะไปไม่ถึงต้นตอ สภาพแวดล้อมโดยรอบคล้ายยังไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง นอกจากความเก่าคร่ำของห้องไม้เรือนไทย

เชิงเสา ขื่อคาน ถูกระโยงด้วยบรรดาหยากไย่ใยแมงมุม ตรงมุมดั้งที่ตั้งขึ้นรับอกไก่นั้น จะว่าเป็นรังนกหรือรังสัตว์ชนิดอื่นใด คุณนายลั่นทมเองไม่แน่ชัด นึกฉงนฉงายต่อห้วงเวลา กี่ปีกันแล้ว ที่ตนฝากร่างไร้วิญญาณไว้ภายในโลงแก้วหลังนี้ จำได้ว่าวันที่วิญญาณออกจากร่าง ครอบแก้วยังใสเช้งวับ จนมองจากภายนอกเข้ามาเห็นผิวเด้งประกายของเนื้อหนังผ่านศัลยกรรมพลาสติกระดับไฮเอนด์ได้ชัดเจน

ใช้มือผลักเบาๆ ไม่ยากเกินฝาโลงแง้มเปิด ตามด้วยเศษละอองฝุ่นฟุ้ง ลอยขึ้นจับตัวกับแสงแดดสี่สิบห้าองศาเหนือฝาปะกน เกิดเป็นเส้นสายชีวิตของห้วงเวลาโลกปัจจุบัน เมื่อเท้าทั้งสองแตะพื้นกระดานมั่นคงดีแล้ว สัมผัสแรกคือความสากระคาย เสมองยังโต๊ะเตี้ยด้านหน้าโลง พบเครื่องเซ่นคาวหวาน ทั้งแห้งกรัง และบูดเน่าส่งกลิ่นหึ่งหั่ง ในแก้วมีน้ำคาอยู่เศษหนึ่งส่วนสี่ของปริมาณเต็ม โดยสัญชาตญาณบ่งบอกว่า เพียงไม่เกินหนึ่งสัปดาห์ บวกลบกว่านี้ไม่กี่มากน้อยวัน คงมีคนนำมาวางไว้ให้ ลำดับแรกที่นึกถึง คือ อุษา หลานสาวของสามีเก่าที่ลาโลกไปก่อนหน้า ความน่าจะเป็นก็เธอนี่แหละ ที่คอยเฝ้าดูแลร่างไร้ลมหายใจของคุณนายด้วยความรักความห่วงใยมาหลายปี นั่นสิ หลายปีนี่กี่ปี คุณนายลั่นทมชักไม่มั่นใจ

เมื่อความระแคะระคายกลายเป็นจริง หลังจาก ชีพ สามีใหม่ของคุณนาย กับ รสสุคนธ์ เด็กสาวในอุปการะ เล่นชู้กัน และวางแผนฆาตกรรมคุณนายลั่นทมจนสำเร็จแล้ว ใช่ว่าทั้งสองจะระริกระรี้กับทรัพย์สมบัติที่มีเหลือล้นได้ตามอำเภอใจ

ด้วยว่าก่อนตาย คุณนายมีโรคประจำตัวอยู่ชนิดหนึ่ง เธอมักหมดสติ และหยุดหายใจอยู่บ่อยครั้ง หมอขานเวลาเสียชีวิตเป็นว่าเล่น ทว่าสุดท้าย คุณนายก็ฟื้นขึ้นมาผจญกับโลกอันแสนเบื่อหน่ายได้ทุกคราไป คำว่าโลกอันแสนเบื่อหน่ายอาจเป็นวาทกรรมสวยเศร้า ที่คุณนายจดจำมาจากละครน้ำเน่าอันโปรดปรานสักเรื่อง ว่ากันตามจริง ตัวคุณนายเองยังอยากมีชีวิตเห็นโลกเฉกเช่นผู้คนทั่วไป และอาจด้วยอิทธิพลของละครน้ำเน่าอีกเช่นกัน ชวนให้คุณนายกระหวัดใจไปถึง ทนายสมภพ ทนายความหนุ่มคู่บุญ เมื่อคิดได้ดังนั้น พินัยกรรมอันเปรียบเสมือนเสี้ยนหนามสำหรับผู้คิดมิซื่อจึงถูกจดจารขึ้น

หลักใหญ่ใจความในพินัยกรรมบ่งชี้ไว้ชัดเจน หากคุณนายสิ้นลมหายใจลงแล้วไซร้ ให้ผู้ยังอยู่นำร่างอันสวยสะคราญของตน บรรจุหีบห่อโลงแก้วขึ้นตั้งภายในเรือนไทยหลังโปรด (คุณนายมีความเชื่ออย่างฝังหัวว่าตนจะฟื้นขึ้นเหมือนเช่นทุกครา) ในระหว่างนี้ มอบหมายให้หลานอุษา เป็นผู้จัดการดูแลทรัพย์สมบัติไปพลาง ห้ามอ้ายอีผู้ใดแบ่งแย่งกันโดยพลการ จนกว่าร่างของตนจะเน่าเปื่อยไปตามครรลองธรรมชาติ และข้อความหนึ่งในพินัยกรรม เฉพาะเจาะจงไว้ชัดเจนสำหรับชีพสามีสุดที่รัก ว่าหากแม้นเขาจะพบรักใหม่ หรือต้องการแต่งงานใหม่อีกครั้ง นั่นสามารถทำได้หลังจากสังขารคุณนายย่อยสลาย และจัดการฌาปนกิจเรียบร้อยแล้ว หากผิดจากนี้ ทรัพย์สมบัติทุกบาททุกสตางค์ รวมถึงอสังหาริมทรัพย์ทุกชนิด จะไม่ตกลงสู่กระเป๋าแบนๆ ของเขาเลย

เหตุการณ์ความงุนงงเกิดขึ้นแก่ตัวคุณนายในช่วงขณะนี้เอง ก้าวแรกแห่งการถือกำเนิดใหม่ คล้ายสว่างโพลนด้วยรังสีกระจ่างเย็น ไพล่คิดถึงสวรรค์วิมานแมน ดินแดนยูโทเปีย นึกขันกับการเปรียบเปรยของตน รอบกาย อากาศสดสะอาด ทั้งหอมจรุงด้วยทุ่งดอกไม้นานาพรรณ มันปูลาดไปตลอดสองฟากทาง คละแซมด้วยหมู่อาคารบ้านเรือน ตึกสูงระฟ้า ทุ่งนา รถราขวักไขว่ ทว่า วิ่งไหลสะดวกสบาย ลำธารใสสะอาด หมู่นก ปลา หมา แมว แซงแซวแว่วไหว เอฟเวอรี่ติงทุกสิ่งอย่าง ทั้งศิวิไลซ์ไฮเทค ทั้งดึกดำบรรพ์ ผสมกลมกลืนกันอย่างเหมาะเจาะลงตัว ไม่มีสิ่งใดล่วงเกินก้าวก่าย นี่โลกจริง โลกฝัน หรือโลกเบื้องหลังความเป็นมนุษย์ แต่ถึงเวลานี้ คุณนายลั่นทมหาใส่ใจไม่ สู้ตักตวงเอาความเพริศพริ้งตรงหน้าไว้ก่อนไม่ดีกว่าหรือ

อย่างไรเสีย มันก็งดงามกว่าความเป็นชีวิตก่อนหน้า

โลกเบื้องหน้าสดใสราวกระจก คุณนายค่อยๆ ไล่สายตาสำรวจ นี่ที่ไหน หันมองกลับเห็นเรือนไทยหลังเดิมของตนยังยืนตระหง่าน ท่ามกลางทัศนียภาพที่เปลี่ยนแปลงโดยสิ้นเชิง สายตาแลเห็นฝั่งตรงข้ามถนน เรียงรายไปด้วยร้านรวง ทั้งของกินของใช้จิปาถะ ผู้คนต่อคิวกันซื้อเป็นระเบียบเรียบร้อย กลิ่นหมูทอดน้ำปลาโชยเรียกสติว่าแห่งหนนี้คือแผ่นดินถิ่นเกิด มิใช่ประเทศโลกที่หนึ่งพัฒนาแล้ว นึกอยากลิ้มชิมรส ได้ข้าวเหนียวอุ่นร้อนสักห่อคงดี คุณนายไม่ได้กินมานานเท่าไรก็เกินเดา ปกติกินแต่อาหารกลิ่นเนยจนเลี่ยนเอียน เดินถึงเครื่องหมายทางข้าม คิดระอาถนนสามเลนสี่เลนกว่าจะข้ามได้ยากเกินทน รถแต่ละคันวิ่งเร็วอย่างกับจรวด โดยอัศจรรย์ ทันทีที่เท้าย่างเหยาะจดๆ จ้องๆ ริมบาทวิถีเหนือเส้นทางม้าลาย รถสปอร์ตสีแดงแจ๋ คันที่วิ่งใกล้เข้ามาชะลอความเร็ว หะแรกคุณนายเข้าใจว่าพลขับคงจอดทำธุระอะไรสักอย่าง มองผ่านกระจกหน้ารถ เห็นเด็กหนุ่มส่งยิ้ม ทำมือไม้เป็นเชิงเปิดทางให้คุณนายก้าวข้าม ไม่ทันไร รถคันอื่นๆ ที่ขับตามกันมา ต่างทยอยหยุดนิ่งหลังเส้นสัญญาณทางม้าลาย ความสับสนงุนงงเข้าจู่จับประสาทการรับรู้ คุณนายค่อยๆ ก้าวข้ามเงอะงะ ผงกหัวขอบอกขอบใจอย่างเคอะเขิน

เมื่อยืนบนฟุตปาธฝั่งตรงข้ามได้มั่นคงดีแล้ว คุณนายสังเกตพื้นที่ที่ตนเหยียบ แบ่งสัดส่วนของทางจักรยานสัญจรชัดเจน ซึ่งมันกว้างขวางสะดวกสบาย ทอดไกลไปตลอดสาย ตนจึงเขยิบนิดนึงเพื่อเข้าสู่พื้นที่สำหรับทางเท้า มุ่งหน้าสู่ร้านหมูทอดน้ำปลา

ขณะต่อแถวรอคิว คุ้นๆ ว่าหญิงสูงวัยข้างหน้าถัดไปอีกสองคนจะเป็นคนรู้จัก แต่นึกไม่ออกว่าเป็นใคร ชะเง้อชะแง้คอช้อนสายตาตีโค้งให้พอเห็นเสี้ยวใบหน้า จังหวะหญิงสูงวัยหันสบตาเข้าพอดิบพอดี ทั้งสองได้แต่ตะลึงจดจ้องกันอยู่ครู่เดียว แล้วเสียงดีอกดีใจจากฝ่ายตรงข้ามแผดขึ้นพร้อมๆ พุ่งปรี่เข้าหาคุณนาย เมื่อใบหน้าของหญิงสูงวัยชัดตา จึงตระหนักแล้วว่าเธอคือ อุษา หลานรักของตนนั่นเอง

เป็นเวลากี่ปีกันนะ ที่คุณนายจมอยู่ในโลกความหลับใหล ภายใต้กระเปาะแก้วใบเดิม แม้ทุกสิ่งจะเปลี่ยนแปลงไป ทว่า ความรักความห่วงใยของอุษาที่มีต่อตนไม่เปลี่ยนแปลงตาม อุษาในวัยชรา เล่าเรื่องราวต่างๆ ให้คุณนายฟังอย่างแจ่มกระจ่าง หลังจากหยุดลมหายใจไปครั้งล่าสุด ยังไม่ทันถึงห้าปี ชีพกับรสสุคนธ์ ก็อดรนทนรอในทรัพย์สมบัติของคุณนายไม่ไหว ชิงลาโลกไปก่อนด้วยอุปัทวเหตุแห่งเกมกามบนฟูกนอนอ่อนนุ่ม จะด้วยผลกรรมที่ก่อแก่ตัวคุณนาย หรือเหตุปัจจัยอื่นก็สุดคาดเดา เอาเป็นว่าอ้ายอีทั้งสองตายไปก็แล้วกัน

ว่ากันถึงการฟื้นคืนชีพของคุณนายในหนนี้ ชีวิตของอุษาจากเคยเหี่ยวแห้ง กลับกลายมีชีวิตสุกปลั่งขึ้นอีกครั้ง เวลายี่สิบปี จะว่านานก็นาน จะว่าชั่วลัดนิ้วมือก็ใช่ นั่นเพราะในช่วงเวลาที่คุณนายหลับลึกในโลงแก้ว เหตุการณ์บ้านเมืองเปลี่ยนแปลงไปแบบหลังตีนเป็นหน้ามือ คณะรัฐบาลเก่าที่ครอบงำประเทศมากว่าครึ่งศตวรรษ ทั้งท่านผู้นำอันสืบทอดความสามานมาจากรากเหง้าเก่าก่อน ได้ถูกโค่นล้มลงด้วยหนุ่มสาวคนรุ่นใหม่ และราษฎรทั้งหลาย ที่ถูกกดหัวมาเป็นเวลานานได้สำเร็จ

เหมือนอย่างในละครน้ำเน่าที่คุณนายชอบดูนั่นยังไง คุณธรรมย่อมนำชัย สีขาวย่อมสว่างกระจ่างแจ้ง ท่ามกลางความมืดมน ยุคทองผ่องอำไพมาถึง เมื่อคณะรัฐบาลใหม่ก่อการขึ้น ความฟอนเฟะของสังคมเริ่มได้รับการเยียวยา อำนาจเก่าถูกรื้อล้าง ความเสมอภาคกระจายทุกหย่อมหญ้า แค่เพียงขวบปีแรกแห่งการเปลี่ยนผ่าน ทุกองคาพยพของประเทศก็เห็นความเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น

ว่าแล้ว อุษาก็ฉุดมือคุณนายลั่นทมออกจากแถวด้วยความรวดเร็ว นัยว่าจะพาคุณนายท่องทะยานไปในโลกยุคใหม่ ให้ได้เห็นกับตา…

 

2. การตื่นคืนชีพ

อีลั่นทม มึงนั่งฝันกลางวันอีกแล้ว! แผดเสียงแสบแก้วหูคุ้นชิน ดังจากก้นครัว ติดตามด้วยร่างอุ้ยอ้ายของหัวหน้าแม่บ้าน ยืนเท้าสะเอวอย่างวางอำนาจค้ำหัวอยู่ธรณีประตู ลั่นทมสะดุ้งสุดตัว ยังไม่ทันสลัดภาพในหัวทิ้งได้หมด จมูกยังอวลกลิ่นหมูทอดน้ำปลา นึกด่าในใจ จะให้กูแดกก่อนก็ไม่ได้ รังควานแม้กระทั่งในฝัน

ก้มหน้าก้มตาจัดการกับงานที่คั่งค้าง ชุดชั้นในของคุณผู้หญิงในกะละมังซักยังลอยคลอเคลียฟองฟอด คราบสีน้ำตาลตรงเป้าฝังลึกยากขยี้ออกหมด หนักมือไปก็กลัวผ้าเนื้อดีราคาแพงจะย้วยยาน หันมองตะกร้าข้างกาย ยังกองอยู่อีกหลายตัว หรือนี่เอง กลิ่นหมูทอดน้ำปลาในความฝัน ย่นจมูก ก่อนหัวเราะออกมาเบาๆ

เมื่อชุดชั้นในราคาแพงหอมฟุ้งถูกขึงพืดบนราวตากเรียบร้อย ใช่ว่าการงานประจำวันจะเสร็จสิ้น ส้วมของคุณหนูเซลฟี่ยังรอการทำความสะอาด ดีหน่อยที่ว่าเป็นส้วมออโตเมติก ไม่ต้องทนเหม็น ตักคัดแยกขี้ เยี่ยว

“เมี้ยวๆ เมี้ยวๆ”

ลั่นทมส่งเสียงทักทายคุณหนูเซลฟี่ขณะเดินเข้าห้องติดแอร์เย็นฉ่ำ แมวสายพันธุ์ บริติซ ชอร์ตแฮร์ ขนปุยเหลืองลออสะอาดสะอ้าน เขม้นมองเธออย่างไว้ตัว เหมือนรู้กลิ่น คนไหนบ่าว คนไหนนาย ทำท่าเชิดหน้าชูคออย่างโอหัง ลั่นทมค่อยๆ เปลี่ยนถุงปฏิกูลด้านหลังส้วม ด้วยท่าทีพินอบพิเทา

มองนาฬิกาปาเข้าไปจะสิบโมง การงานในหน้าที่ยังเหลือบานตะไท สวนอังกฤษ ทั้งพุ่มไทร ใบเฟิร์น แทงยอดหร็อมแหร็ม นึกแล้วโมโหอีตาน้อยคนสวน ดันมาขอลากลับบ้านเอาตอนนี้ ภาระจึงมาตกที่เธอกับเพื่อนคนรับใช้อีกคน ปกติงานก็ล้นจนอยากให้มีสักสิบสักร้อยมืออยู่แล้ว ไพล่คิดต่ออีกทอด เคหาสน์สถานใหญ่โตขนาดนี้ คุณท่านน่าจะจ้างคนให้สมศักดิ์ศรี รวยเสียเปล่า ขี้เหนียวยังกับอะไรดี

ขณะสาละวนก้มๆ เงยๆ เด็ดใบแห้งของหญ้าเม็กซิกัน เสียงหัวหน้าแม่บ้านแหวเข้ามากระชากความเพลิดเพลินที่มีอยู่จำกัดจำเขี่ยตรงหน้า

“นี่นางลั่นทม ไปซื้อกล้วยแขกหน้าปากซอยให้คุณผู้หญิงที ซื้อมาฝากฉันด้วยล่ะ”

พร้อมๆ กับยื่นเงินให้หนึ่งร้อยบาท

แม้มีโอกาสเพียงชั่วครู่ แต่เวลาเช่นนี้ถือเป็นนาทีทอง พอได้อู้งานเล็กๆ น้อยๆ

ระหว่างทาง ลั่นทมได้ปล่อยใจเอ้อระเหยไปตามเรื่องตามราว นึกถึงความฝันเมื่อเช้า สงสัยช่วงนี้ดูข่าวสารเยอะไปหน่อย กลุ่มผู้ชุมนุมกำลังเรียกร้องจะล้มล้างรัฐบาล เธอเองไม่ได้สนใจการเมืองนัก แต่ที่ดูก็เพราะจะรอละครหลังข่าว กำลังถึงทีเด็ด ไม่อยากพลาดแม้สักตอน ไอ้ตัวร้ายใกล้เปิดเผยโฉมหน้าแท้จริง ด้วยวิญญาณของคุณผู้หญิงตามรังควาญจนมันประสาทจะวิปลาสอยู่รอมร่อ ส่วนอีนางชู้รักน่าหมั่นไส้ โผล่หน้าออกมาเมื่อใด เธอนี่คันมือคันตีน อยากกระโดดเข้าตบสักฉาด แต่ที่อดรนทนดูได้ก็เพราะพ่อพระเอกขวัญใจสาวน้อยใหญ่นั่นหรอก คนอะไรไม่รู้ล้อหล่อ

ถึงหน้าร้านกล้วยแขกที่คุณผู้หญิงเร็กคอมเมนต์ เห็นคนเข้าคิวรอเหยียดยาวจนบังหน้าร้านขายส้มตำ ลามไปถึงแผงเช่าพระ ลามไปถึงร้านอาหารตามสั่ง ลามไปถึงร้านยายจันทร์ขายกล้วยแขกเจ้าดั้งเดิม ว่าถึงยายจันทร์คล้ายฉุกใจให้สงสารแก ตั้งแต่ที่ร้านดังมาเปิดสาขาใหม่ใกล้ละแวก รายได้ก็หดหายไปพร้อมกับความเห่อจริตปากจริตคอของผู้คน อย่ากระนั้นเลย ลั่นทมเองก็ขี้เกียจเข้าแถวรอ รสชาติกล้วยแขกเจ้าดังครั้งหนึ่งเคยได้ชิมจากหัวหน้าแม่บ้านซื้อไป ว่ากันตามจริงก็ไม่ต่างจากยายจันทร์ เผลอๆ ของแกอร่อยกว่าด้วยซ้ำ ที่สำคัญราคาถูกกว่ากันเยอะ เธอแบ่งกินสี่ห้าชิ้น ยังเหลือมากกว่าปริมาณจริงของร้านดัง

ซื้อเสร็จ เดินก้มหน้าก้มตากินไป จังหวะพลั้งเผลออีท่าไหนไม่รู้ หัวใจหดหายคล้ายหล่นวูบจากที่สูง ไม่ทันเสี้ยววินาที รู้สึกเจ็บแปลบที่สะโพก เสี้ยววินาทีถัดมาความเปียกแฉะซึมผ่านร่องก้นพร้อมกลิ่นเหม็นคลุ้ง ในสำนึกขณะนี้ไม่ต้องสืบก็รู้ว่าเธอพลาดตกท่อระบายน้ำเข้าเต็มๆ ใช่ว่าเธอจะไม่เห็นมาก่อน นั่นเพราะมันถูกเปิดค้างไว้โดยไม่มีสิ่งใดบอกเตือนมานานนม เธอยังเคยคิด ต้องมีสักคนได้เดินตกเข้าสักวัน บางทีอาจเป็นพวกมอเตอร์ไซค์ ที่ชอบขึ้นขับทางเท้าเลี่ยงการจราจรติดขัดบนผิวถนน

ขณะทุลักทุเล ทั้งมือทั้งแขนพยายามเหนี่ยวปากบ่อฉุดตัวขึ้น เห็นคนขายส้มตำวิ่งหน้าเลิ่กลั่กมาแต่ไกล พี่วินสองสามคนวิ่งตามมาติดๆ

ขึ้นด้านบนได้เรียบร้อย นั่งพักสำรวจเนื้อตัว ยังดีแค่เจ็บบั้นเด้า ไม่เป็นอะไรมาก กังวลแรกคือกล้วยแขกของคุณผู้หญิง ไหนจะปากคอเราะร้ายของหัวหน้าแม่บ้าน ชะเง้อมองลงในบ่อโสโครก กล้วยแขกเกลื่อนกระจาย ซวยแล้วกู! ได้แต่นั่งนิ่งเหมือนลูกหมาตกน้ำอยู่ตรงนั้น กับสายตาผู้คนผ่านไปมา เจ็บนั้นไม่เท่าอับอาย บางสายตาแฝงแววขบขัน บางเสียงคล้ายเธอได้ยินแว่วๆ ว่า “เดินอีท่าไหน ไม่ดูทาง สงสัยมัวก้มเล่นโทรศัพท์” ยังดีมีความเห็นใจจากร้านส้มตำ ช่วยพยุงเข้าร้าน พาล้างเนื้อล้างตัว

เงินยังเหลือพอซื้อกล้วยแขก เดินกลับร้านยายจันทร์อีกรอบ ไม่เหลือทอนให้หัวหน้าแม่บ้านช่างมัน ยอมทนถูกบ่น ดีกว่าคุณผู้หญิงอดปากอดลิ้น

พาร่างเปียกมะลอกมะแลก กับกลิ่นตุๆ ติดปลายจมูก เดินเลาะเลียบบนบาทวิถี ไม่มัวเสียเวลาเอ้อระเหย จังหวะข้ามทางม้าลายตรงสี่แยกก่อนถึงคฤหาสน์ รถราวิ่งกันอย่างกับจะด่วนไปขึ้นสวรรค์ ไม่รู้ทำไมช่วงนี้คิดถึงแต่เรื่องของคุณนายลั่นทม กับความตาย ถ้าคนเราตายแล้วฟื้นได้อย่างในละครคงดี วันไหนเบื่อชีวิตขึ้นมาจะขอลาตายสักพัก สบายใจเมื่อไรค่อยฟื้นคืนชีพ ถือว่าเป็นโชคดี เธอไม่มีลูกผัวให้ห่วงกังวล หรือนั่นแค่ข้ออ้างปลอบใจตัวเอง ก็ไอ้งานคนรับใช้ที่ทำอย่างไม่มีเวลาโงหัวนี่หรอก ชาตินี้คงหาผัวไม่ได้ ช่างมัน! ตอนนี้อย่าไปคิดอะไรมาก เก็บหอมรอมริบไว้ให้อีพ่อ อีแม่ กับไอ้สมรักษ์น้องชายทางบ้านก่อนเป็นอันดับแรก

ยืนรอจนไฟสัญญาณเปลี่ยนจากเขียวเป็นแดง รถที่แล่นมาด่วนจี๊พากันเบรกจนตัวโก่ง บางคันคล้ายยิ่งเร่งความเร็วเพื่อให้ทันสัญญาณไฟ ซึ่งมันไม่ทันอยู่ดี ส่งผลให้รถอีกฝั่งเบรกจนล้อบดถนนดังบาดหู เกือบเกิดอุบัติเหตุอยู่รอมร่อ เธอหันไปตามเสียงหวังดูเหตุการณ์ พร้อมๆ กับก้าวขาเตรียมข้ามถนน

อย่างรวดเร็ว เสียงแตรแผดลั่น ดังขึ้นทางฝั่งขวามือ ยังไม่ทันรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ร่างเธอก็กระเด็นลอยข้ามเสาสัญญาณไฟเขียวไฟแดง ลอยข้ามเม็ดกรวดสีเทาจำนวนมหาศาลบนผิวถนน ลอยข้ามสีขาวดำของทางม้าลาย ลอยข้ามยวดยาน และเขม่าเครื่องยนต์ร้อนระอุ กล้วยแขกในถุงล่องลอยไปทั่วอากาศ คล้ายภาพสโลโมชั่นอย่างในหนัง เธอลอยไปๆ

 

ตุ๊บ!

นี่น่าจะเป็นเสียงสุดท้ายที่ได้ยิน ร่างกายไร้ความรู้สึกเจ็บปวด แขนขาชาดิก ทุกสิ่งรายรอบ กลายเป็นแสงสีขาวสว่างโพลน หรือความตายหน้าตาเป็นเช่นนี้ ก่อนทุกอย่างจะดับ คล้ายเธอได้กลิ่นของน้ำเน่าปะทะเข้าในโพลงสมองส่วนลึกสุดอย่างเต็มรัก

เธอค่อนข้างมั่นใจ ว่านี่ไม่ใช่ความฝัน •