มาดามเดียร์ ลุ้นเหนื่อย สู่การ ‘เป็นอันที่รัก’ สตรีหมายเลข 1 ของพรรคประชาธิปัตย์

เส้นทางการเป็นที่รักของพรรคประชาธิปัตย์นั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย

ที่ยากยิ่งกว่ายาก คือการขึ้นสู่ตำแหน่งหัวหน้าพรรค สตรีหมายเลข 1 ของค่ายประชาธิปัตย์

มาดามเดียร์-วทันยา บุนนาค ซึ่งปรากฏเป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งประมุขพรรคประชาธิปัตย์นั้นต้องเผชิญเรื่องกลเกมการเมืองขั้นสูง ม่านธรรมเนียม ระเบียบ-ข้อบังคับพรรคมากมาย

และการชิงหัวหน้าพรรคก่อนหน้านี้มีการผลัดกันรุก-รับนับองค์ประชุม วอล์กเอาต์ เข้าประตูหลัง ผ่านมาแล้วสารพัดวิธี

ต้องไม่ลืมวาระเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ทำการประชุมใหญ่ล่ม-ล้มไม่เป็นท่ามาแล้ว 2 ครั้ง

 

เกมการเมืองในประชาธิปัตย์นั้นดุเดือดรุนแรงมาตั้งแต่ 24 ชั่วโมงหลังผลการเลือกตั้งกลางปี 2566 ออกมา แบบพ่ายแพ้หมดรูป ได้ ส.ส.เข้าสภาแค่ 25 ที่นั่ง ตกต่ำที่สุดในรอบ 3 ทศวรรษ

แตกขั้ว-หักเกมกันต่อเนื่องระหว่างขั้วอำนาจใหม่ ในศึกชิงหัวหน้าพรรค นำโดยนายเดชอิศม์ ขาวทอง รองหัวหน้าพรรคผู้มากบารมีจากพื้นที่ภาคใต้ ได้ ส.ส.ในกำมือ 18 คน สนธิกำลังกับ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน อดีตเลขาธิการพรรค ผู้กล้าประกาศชนผู้ใหญ่บางคนในพรรคว่าอยู่เบื้องหลัง “พฤติกรรมเลวทรามมาก”

เกมที่หักยิ่งกว่าหัก-คือ การโหวตนายกรัฐมนตรีแบบข้ามขั้ว ยกเสียง ส.ส.ในสภาจำนวน 16 เสียง ให้กับนายเศรษฐา ทวีสิน จากพรรคเพื่อไทย ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ด้วยความหวังว่าจะได้ร่วมชายคารัฐบาล

แต่ทุกอย่างก็พลิกผัน 11 พรรคเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาล แบบไร้เงาคนประชาธิปัตย์

เหล่าสมาชิกสามัญ-วิสามัญ จึงกลับมาห้ำหั่นกันต่อในเกมเลือกหัวหน้าพรรค ยกที่ 3 ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 9 ธันวาคม 2566 ในวาระประชุมใหญ่วิสามัญครั้งที่ 3/2566 เพื่อเลือกหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารชุดใหม่

 

ชื่อมาดามเดียร์-วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ถูกลอยอยู่หัวตาราง แข่งกับนายนราพัฒน์ แก้วทอง รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์

มาดามเดียร์ ผ่านอายุงานการเมืองรวม 5 ปี อายุสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ 15 เดือน ประกาศต่อหน้าพระแม่ธรณีบีบมวยผม ในวันสมัครลงชิงหัวหน้าพรรค ว่า แม้เธออาจอ่อนพรรษาทางการเมือง แต่เธอมั่นใจว่ามีไฟ มีพลัง มีปณิธาน ในการฟื้นฟูพรรค

แม้อยู่ร่วมชายคาพระแม่ธรณีบีบมวยผมไม่นาน แต่มีเสียงพูดกันทั้งในโซเชียล และในพรรค ดังก้องไปถึงหูสมาชิกพรรค-โหวตเตอร์ทั่วประเทศ ว่ามาดามเดียร์ มีแบ๊กดี ผลักดันขึ้นเวทีประกวด

ชื่อชวน หลีกภัย ถูกนำไปเล่าอ้างถึงหลายวงสนทนา-อาหารคาวมื้อค่ำในโรงแรมหรู ว่าเป็นฝ่ายสนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ

บทสนทนา-ภาษากาย ที่เกิดขึ้นในวันเปิดตัวมาดามเดียร์ คือ นายหัวชวน เดินทางเข้าพรรค และทักถามว่า “มาดามเดียร์มาเปิดตัวหรือ เรียบร้อยดีแล้วใช่ไหม” ฝ่ายมาดามเดียร์สนทนาตอบว่า “มาบอกความตั้งใจ และจะทำให้ดีที่สุด ตามที่เคยได้เรียนนายชวนไปแล้ว”

นายชวนตอบคำถามสื่อว่ามีอะไรแนะนำมาดามเดียร์หรือไม่ นายชวนกล่าวว่า “มิบังอาจแนะนำ มาดามเดียร์เก่งอยู่แล้ว ขอให้กำลังใจ”

 

หลังเปิดตัวชิงหัวหน้าพรรค งานพีอาร์เชิงกลยุทธ์จากฝ่ายมาดามเดียร์ก็เกิดขึ้นต่อเนื่อง ทั้งเผยแพร่ความคิดผ่านสื่อออนไลน์ คลิปสั้น คลิปยาว ทุกแพลตฟอร์ม

เสียงที่แกะออกมาส่วนใหญ่อาจไม่ตกร่องแบบคนรุ่นก่อน แต่ไม่หนีไปจากคีย์เวิร์ดที่มาดามเดียร์กล่าวเสมอว่า “พรรคประชาธิปัตย์มีความเป็นประชาธิปไตย เสรีภาพ และการเป็นพรรคการเมืองที่ไม่มีเจ้าของอย่างแท้จริง”

จุดยืนที่มาดามเดียร์ตอกหมุดมวลชนและโหวตเตอร์ คือ “เราจะเริ่มต้นด้วยการทำการเมืองใหม่ที่ซื่อตรงและจริงใจ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อฟื้นฟูอุดมการณ์พรรค ให้กลับมาได้รับความไว้วางใจ เป็นความหวัง เพื่อยืนยันในพลังประชาธิปไตย และเพื่อเสนออนาคตให้กับทุกคนในวันข้างหน้า”

การแสดงจุดขายใหม่ ให้กลมกล่อมกับจุดขายเก่า นับว่าเป็นเรื่องที่น่าเหนื่อยสำหรับนักการเมืองหญิง ที่ต้องการเป็นหัวหน้าห้อง หมายปองการเป็นที่รักของคนทั่วพรรค ในวัย 38 ปี

เธอจึงพยายามผสมผสานกระแสหลัก-กระแสรอง ไว้ในคำประกาศ เช่น อยากก้าวข้ามระบบอุปถัมภ์ ปราศจากอคติทางเพศ ลดข้อจำกัดของวัย ให้ความเป็นธรรมกับทุกคน ไม่เลือกคนจากความสัมพันธ์ แต่ขอให้เลือกจากความสามารถ

และเธอจะพลิกปรากฏการณ์จากคนแพ้ต้องดูแลตัวเอง เป็นให้คนแพ้มีที่ยืนในพรรค เพราะอยากทำการเมืองสร้างสรรค์

 

นักการเมืองหลายกลุ่ม-หลายคนในพรรค สนทนากันหน้าพระแม่ธรณีบีบมวยผม ว่า เธออาจได้เป็นแค่ผู้ท้าชิง และได้อัพเกรดการเมือง จากสมาชิกใหม่ เป็นว่าที่หัวหน้าพรรคเท่านั้น

แต่เธอยิ้มอ่อน-ตาดุ โปรยคำตอบว่า “การลงสมัครหัวหน้า ไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างไร ก็พร้อมที่จะน้อมรับการตัดสินของสมาชิกพรรคทุกคน”

พร้อมประกาศซ้ำ-ข้ามขั้ว ไปถึงพรรค 2 ลุงในฝ่ายรัฐบาลอันเป็นที่รักต้นกำเนิดทางการเมืองของเธอว่า

“จุดมุ่งหวังขณะนี้คือการเป็นฝ่ายค้าน จึงขอประกาศที่จะเป็นฝ่ายค้าน เราไม่ได้มุ่งหวังในการแสวงหาผลประโยชน์ รวมถึงอำนาจในการที่จะไปจับขั้วจัดตั้งรัฐบาล”

 

เส้นทางชีวิตการเมืองก่อนมีฉายามาดามเดียร์ เริ่มต้นขึ้นเมื่อ 5 ปีก่อน นักการเมืองชายรุ่นใหญ่ตั้งแถวต้อนรับ น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี บุนนาค ในฐานะสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ช่วงปลายปี 2561

สมัครเป็น ส.ส.ครั้งแรก เธอได้เป็น ส.ส.ทันที ในบัญชีรายชื่อลำดับที่ 19 พรรคพลังประชารัฐ หลังการเลือกตั้ง 2562

เธอสร้างวีรกรรมการเมือง ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจในปี 2565 ด้วยการสวนมติพรรค “งดออกเสียง” ไม่ไว้วางใจนักการเมืองรุ่นใหญ่ค่ายภูมิใจไทย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมในขณะนั้น

จุดยืนทางการเมืองของมาดามเดียร์ ถูกจับตาอีกครั้ง เมื่อเธอลงมติไม่เห็นด้วยกับการเปลี่ยนสูตรนับคะแนนเลือกตั้ง จากหาร 500 เป็นสูตรหาร 100

ปลายสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อกลิ่นฤดูเลือกตั้งใหม่ฉุนโชย เธอตัดสินใจใหม่ ด้วยการเข้าพบ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ที่บ้านป่ารอยต่อฯ เพื่อลาออกจากสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ พร้อมแจ้งความจำนง-จุดยืนใหม่ ซึ่งก็มีเสียงจากประมุขบ้านป่ารอยต่อฯ คือ “ขอให้โชคดี”

ราว 1 เดือนหลังเดินออกจากบ้านป่ารอยต่อฯ มาดามเดียร์เดินเข้าพรรคประชาธิปัตย์ ท่ามกลางแถวต้อนรับของนักการเมืองรุ่นใหญ่ นำโดย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรค นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค รับผิดชอบ กทม. และนายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.

15 เดือนถัดมา มาดามเดียร์ ผงาดขึ้นเป็นผู้ท้าชิงประมุขพรรค เธอจะถึงฝั่งฝัน นำพาตัวเองสู่ Blue Ocean ได้หรือไม่ ไม่ใช่เพียงชาวพรรคสีฟ้าที่จับตา

ทว่า นักการเมืองทุกพรรค-มวลชนทุกสี ล้วนไม่มีใครกะพริบตา