แพะ | เรื่องสั้น : วัชรินทร์ จันทร์ชนะ

เรื่องสั้น | วัชรินทร์ จันทร์ชนะ

แพะ

 

ผมกลายเป็นแพะ

อยู่ดีๆ ผมกลายเป็นแพะ

ตำรวจมาเคาะประตูห้อง จับใส่กุญแจมือ และยึดโทรศัพท์ และผมก็กลายเป็นแพะ

ถ้าจะเล่าสั้นๆ สรุปได้แค่นี้ ถ้าจะเล่ายาวๆ ผมก็ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก เอาเป็นว่าจะพยายามเล่าเท่าที่นึกได้และอยากให้ช่วยคิดคลี่คลายเรื่องนี้ให้ผมด้วย

ตำรวจไม่ต่ำกว่ายี่สิบนาย อาวุธครบมือ ลากผมออกจากห้อง พาลงลิฟต์ขนของไปขึ้นรถหลังคอนโดฯ เพื่อหลบชาวบ้านและนักข่าว ไม่มีใครบอกอะไร นอกจากบอกว่าอย่าขัดขืน

สารภาพตามตรงว่านาทีนั้น ผมกลัวถุงดำที่สุด

ผมคิดว่าน่าจะเป็นคดีที่เกี่ยวกับโซเชียลมีเดีย ที่ผมอาจพลาดไปกดไลก์กดแชร์อะไรที่ไม่เหมาะสม

สเตตัสล่าสุดที่ผมแชร์ “เมียนายพลแห่ซื้อเครื่องซักผ้า เพราะจะมีการยกเลิกเกณฑ์ทหาร”

 

ผมพบเธอครั้งแรกบนบีทีเอส

ผมพบเธอครั้งแรกบนบีทีเอสสายสุขุมวิท ผมขึ้นจากสถานีอนุสาวรีย์ชัยฯ เธอขึ้นที่พญาไท ผิวขาวชุดเดรสไหมพรมรัดรูปสีฟ้าสะดุดตาและชอบตั้งแต่แรกเห็น เมื่อผ่านสยามผู้โดยสารเริ่มเบียดแน่น ผมเริ่มขยับไปยืนใกล้ๆ เธอ เธอสูงประมาณไหล่ผมและค่อนข้างอวบ

เราลงสถานีเดียวกัน ผมเดินตามหลังเธอจนถึงคอนโดฯ เธอกดลิฟต์ขึ้น ผมเดินตามเข้าไป เธอกดชั้น 12A เธอมองหน้าผม ผมมองหน้าเธอ ลิฟต์ถึงชั้น 12A ประตูลิฟต์เปิด เธอเดินออกไป ผมเดินตามหลังเธอ เธอหันมามองผมก่อนจะไขประตูห้อง ผมเดินผ่านห้องเธอไป

เราพักอยู่ชั้นเดียวกัน

 

ผมมีรูปเธอมากมายในโทรศัพท์

ตำรวจบอกว่าเป็นหลักฐานสำคัญที่เชื่อมโยงและมัดตัวผมแน่นหนา

เรื่องรูปผมมีคำอธิบาย เริ่มจากผมพบเธอครั้งที่สองที่เซเว่นใต้คอนโดฯ เธออาจจำผมได้ แต่ทำเป็นไม่สนใจ หรือเธอคงไม่สนใจจริงๆ

ผมทำเป็นเลือกซื้อของดูนี่นั่น ทั้งที่จริงๆ ผมต้องการแค่โซดาแช่เย็นและน้ำแข็ง มีวิสกี้รออยู่แล้วบนห้อง เมื่อเธอจะจ่ายเงิน ผมไปยืนหลังเธอ พนักงานยิงบาร์โค้ดคิดเงิน บอกจำนวนเงิน เธอจ่ายเงินและกดหมายเลขโทรศัพท์สะสมแต้ม และผมจำเบอร์โทรนั้นได้

หลังจากนั้นไม่มีอะไรยุ่งยาก ผมแค่เอาเบอร์โทรนั้นมาค้นในเฟซบุ๊ก และผมก็พบเฟซบุ๊กเธอ

เพียงสถานะโสดและไม่มีรูปคู่ผู้ชายก็ทำให้ผมหัวใจพองโต

รูปในเฟซบุ๊กเห็นอะไรมากมายกว่าตัวจริง ชุดว่ายน้ำซูมดูได้ตามต้องการ เซฟรูปที่ชอบเก็บไว้ในโทรศัพท์

ช่วงเดือนเมษายน เธอเที่ยวทะเลหลายที่ ผมจึงมีรูปเธอมากมายในโทรศัพท์

 

ผมขอเป็นเพื่อนเธอทางเฟซบุ๊ก

ผมพยายามหาทางเป็นเพื่อนเธอทางเฟซบุ๊ก

ผมอยากเป็นเพื่อนกับเธอ แต่อยู่ดีๆ จะแอดเพื่อนไปเลยเธอคงไม่รับ อาจคิดว่าเป็นมิจฉาชีพหรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์มาล้วงข้อมูล และอาจมีคนขอเป็นเพื่อนที่รอพิจารณาอีกมากมาย ผมจึงแอดขอเป็นเพื่อนกับเพื่อนเธอหลายๆ คน โดยเลือกเฉพาะคนที่มีแนวโน้มอยู่กลุ่มเดียวกัน วงการเดียวกัน เพียงเพื่อต้องการให้มีเพื่อนร่วมกันหลายๆ คน

เมื่อมีเพื่อนร่วมกันสามสิบกว่าคน ผมจึงแอดไปขอเป็นเพื่อนกับเธอ

เธอไม่ตอบรับเป็นเพื่อน

 

ผมถูกตั้งข้อหาฆาตกรรม

ตำรวจตรวจหาสารเสพติดและส่งผมไปตรวจร่างกาย หมอผู้หญิงสั่งให้ถอดเสื้อผ้ารอ ผมบอกผมอาย แต่ไม่มีทางเลือก ผมบอกหมอผมไม่ได้ฆ่าใคร หมอตรวจร่องรอยตามร่างกาย ตรวจอวัยวะเพศ

ผมถูกตั้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา

มาตรา 288 ผู้ใดฆ่าผู้อื่น ต้องระวางโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่ 15-20 ปี

ผมพยายามมองโลกในแง่ดี โทษประหารคงไม่ประหารจริง ติดคุกจริงไม่เกิน 10 ปีคงได้ออกมา แต่ผมบอกตัวเองเสมอว่า คุกมีไว้ขังคนจน คนรวยกับคนจนติดคุกมันต่างกัน คุกวันเดียวก็ไม่อยากอยู่ ชีวิตนี้จึงไม่อยากทำอะไรที่สุ่มเสี่ยงกับกฎหมาย ถ้าต้องติดคุกจริงๆ ผมคงยอมฆ่าตัวตาย

ผมไม่ได้ฆ่าใคร แต่คิดจะฆ่าตัวตาย

 

ผมเจอเธอเพียงสี่ครั้ง

ครั้งแรกบนบีทีเอส และครั้งที่สองที่เซเว่นตามที่เล่าไปแล้ว

ครั้งที่สามที่ลานจอดรถชั้นสี่ ผมลงไปเอาของในรถ เธอถอยรถเข้าจอด รถเราจอดใกล้กัน เมื่อเธอจอดรถเสร็จ ผมเดินตามหลังเธอมาที่ลิฟต์ เธอกดลิฟต์ลง ผมกดลิฟต์ขึ้น

ครั้งที่สี่ที่ห้องซักผ้าชั้นสอง ผมลงไปเอาเสื้อผ้า ชุดนอน ชุดชั้นในหลังจากซักเสร็จ เธอลากตะกร้าเสื้อผ้าเข้ามาเพื่อจะซัก ผมยิ้มให้เธอ เป็นการบอกนัยๆ ว่าผมซักเสร็จเครื่องว่างแล้ว เธอยิ้มตอบ

เป็นครั้งแรกที่เรายิ้มให้กัน

 

ผมเจออาถรรพ์

ผมมีลางสังหรณ์ตั้งแต่มาเช่าซื้อคอนโดฯ และรู้สึกไม่สบายใจมาตลอด

ใครๆ ก็รู้ว่า ชั้น 12A คือชั้น 13

เลข 13 เป็นเลขอาถรรพ์ เลขแห่งความโชคร้าย

ผมพยายามปลอบตัวเองว่าผมเป็นคนพุทธ พระพยอมเคยตั้งคำถามว่า ระหว่างเงิน 1 ล้านกับ 13 ล้าน จะเลือกอะไร

แน่นอน ใครๆ ก็เลือก 13 ล้าน

ผมพยายามใช้เรื่องนี้ปลอบใจตนเองตลอดมา แต่วันนี้ผมเจออาถรรพ์เลข 13

ถ้าไม่อาถรรพ์ วันเกิดเหตุไฟฟ้าคงไม่ดับนาน และกล้องวงจรปิดต้องทำงาน

 

ผมได้ประกันตัว

ผมได้ประกันตัวโดยใช้หลักทรัพย์วงเงินห้าแสนบาทหลังจากถูกฝากขังอยู่ 12 วัน

คงไม่ต้องบอกว่าทรมานขนาดไหน เหมือนที่ใครๆ บอก ถ้าเลือกได้ควรเลือกเข้าวัดดีกว่าเลือกเข้าคุก

เป็นคนถูกจับขังในกรงเป็นแพะ ไม่ใช่กระทบเพียงแค่ร่างกายและจิตใจ กระทบไปถึงจิตวิญญาณ

ผมไม่มีวันกลับเข้าคุกแน่นอน สุดท้ายจริงๆ ผมจะเลือกเข้าวัด โดยการกระโดดจากคอนโดฯ ชั้น 13

 

ผมไม่ใช่ฆาตกร

สิ่งแรกที่ผมทำเมื่อกลับถึงห้องคืออาบน้ำ โกนหนวด ขัดล้างคราบสกปรก ก่อนปิดท้ายด้วยอาบน้ำมนต์ของพระอาจารย์ที่แม่เตรียมไว้ให้

ผมไม่อยากพูดถึงแม่ แม่ทุกคนรักลูกและคาดหวังให้ลูกเป็นคนดี ชีวิตนี้ไม่เคยคิดที่จะทำอะไรให้แม่เสียน้ำตา น้ำตาแม่ทรมานใจผมที่สุด

น้ำตาแม่หนึ่งหยด ผมไม่รู้ต้องชดใช้กรรมอีกกี่ชาติ

ผมทำได้เพียงแค่บอกแม่ว่าผมไม่ได้ทำ แม้หลักฐานดีเอ็นเอจะมัดผมแน่นหนา

ผมยิ่งพูด น้ำตาแม่ยิ่งไหล

ตำรวจพบขนเพชรของผมที่ห้องเธอ

 

ผมเจอเธออีกครั้ง

หลังจากอาบน้ำเสร็จ ผมเก็บเสื้อผ้าลงไปซัก

ผมอดคิดถึงเธอไม่ได้ อดคิดถึงรอยยิ้มในวันนั้นไม่ได้

ขณะที่เปิดถังซักผ้าเพื่อจะเอาผ้าลงซัก ผมสังเกตเห็นเส้นขนและเส้นผมที่ก้นถัง จึงตัดสินใจหยิบทิ้ง

ขณะจะเดินออกมาจากห้องซักผ้า ผมเห็นเธอที่หน้าประตูกระจก เธอยิ้มให้

เมื่อเดินเข้าไปใกล้ เธอหายไปแล้ว มีเพียงสายลมวูบหนึ่งพัดมากระทบหน้า •