ย้อนนาที ‘ครูเจี๊ยบ’ ดับสลด ถูกลูกหลงไล่ยิงเด็กอุเทนฯ พุ่งปมขบวนการฆ่าเก็บแต้ม ‘องค์กรลับ’ นักเรียนนักเลง

น.ร.วางดอกไม้อาลัยครูเจี๊ยบ

เหตุการณ์วัยรุ่นนักเรียน-นักศึกษานักเลง ยกพวกตีกัน สร้างความเดือดร้อนวุ่นวาย เป็นที่เอือมระอาของคนในสังคมมานักต่อนัก แต่เหตุการณ์ล่าสุด ส่งมือปืนมาไล่ยิงนักศึกษาอุเทนถวาย โดยกลุ่มที่ถูกไล่ยิงก็มิได้ไปมีเรื่องทะเลาะวิวาทอะไรกับเด็กต่างสถาบัน เป็นลักษณะจงใจมาไล่ฆ่า เพียงเพราะปมปัญหาสถาบันการศึกษา

ทั้งลูกกระสุนยังลั่นไปถูกคุณครูสาวที่ไม่เกี่ยวข้อง เสียชีวิตอย่างน่าเศร้าสลด จึงกลายเป็นเหตุการณ์ใหญ่ เกิดเสียงเรียกร้องให้สะสางปัญหาอย่างจริงจัง และจับกุมผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีขั้นรุนแรง

เหตุการณ์นี้ยังทำให้เรื่องราวของขบวนการไล่ฆ่าเก็บแต้มของแก๊งนักเรียนนักเลงต่างสถาบัน เป็นที่เปิดเผยออกมาอีกด้วย

ภาพวงจรปิดนาทีก่อเหตุ

นาทีสลด ‘ครูเจี๊ยบ’ ดับ

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 11 พฤศจิกายน ร.ต.ท.กฤติกานต์ สายงาม รอง สว. (สอบสวน) สน.ทุ่งมหาเมฆ รับแจ้งเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงมีผู้บาดเจ็บบริเวณหน้าธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (ทีทีบี) สาขาคลองเตย ถนนสุนทรโกษา ใกล้แยก ณ ระนอง แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบก่อนรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคำ ผบก.น.5 พ.ต.อ.ธรรมศักดิ์ สารบุญ ผกก.สน.ทุ่งมหาเมฆ พ.ต.ท.นาถนริศ รัตนบุรี รอง ผกก.สส. เจ้าหน้าที่สายตรวจ ชุดสืบสวน เจ้าหน้าที่ร่วมกตัญญู

ที่เกิดเหตุพบผู้บาดเจ็บ 2 ราย เป็นชาย 1 คน หญิง 1 คน หน่วยกู้ชีพอยู่ระหว่างปั๊มหัวใจช่วยชีวิตก่อนรีบนำตัวส่งโรงพยาบาล แต่ฝ่ายหญิงเสียชีวิตระหว่างนำส่ง

น.ส.ศิรดา สินประเสริฐ ครูเจี๊ยบ

เบื้องต้นทราบว่าผู้ถูกยิงชื่อ น.ส.ศิรดา สินประเสริฐ อายุ 45 ปี หรือครูเจี๊ยบ ครูสอนคอมพิวเตอร์ โรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์ ถูกกระสุนเข้าที่หน้าผาก

ส่วนอีกรายชื่อนายธนสรณ์ ห้องสวัสดิ์ อายุ 19 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย ถูกยิงที่คอและลำตัว

สอบสวนนายเอ็ม (นามสมมุติ) อายุ 60 ปี ผู้ขับขี่วินรถจักรยานยนต์รับจ้างบริเวณดังกล่าวให้การว่า ช่วงสายที่ผ่านมาเห็นกลุ่มผู้บาดเจ็บ 4-5 คน เดินอยู่บริเวณทางเท้า จู่ๆ ก็มีชาย 2 คนขี่รถจักรยานยนต์ซ้อนท้ายกันมาจอดบริเวณกลุ่มผู้บาดเจ็บ ก่อนที่คนซ้อนจะถือปืนลงมาจ่อศีรษะคนในกลุ่มจากข้างหลัง แต่เหยื่อหลบทันกระสุนจึงพุ่งไปโดนครูเจี๊ยบที่เดินอยู่หน้าธนาคาร กระสุนพุ่งเข้ากลางหน้าผาล้มลงทันที

พอรู้ตัวกลุ่มคนเจ็บก็แตกฮือวิ่งหนีกันกระเจิง ผู้ก่อเหตุเห็นดังนั้นจึงหันมายิงใส่ผู้บาดเจ็บเข้าที่ท้องจนล้มและกำลังจะเดินกลับไปขึ้นรถจักรยานยนต์เพื่อหลบหนี

คนขี่รถจักรยานยนต์ที่มาด้วยกันตะโกนบอกว่าให้กลับไปยิงซ้ำให้ตาย มือปืนจึงย้อนกลับไปยิงซ้ำอีก 3 นัดเข้าที่บริเวณคอและศีรษะ แล้วจึงค่อยๆ เดินขึ้นรถจักรยานยนต์หลบหนีไปทางถนนพระราม 4 มุ่งหน้าสวนลุมพินี

ขณะที่จุดเกิดเหตุพบมีด 1 เล่ม ความยาวประมาณ 10 นิ้ว ยังไม่ทราบว่าเป็นอาวุธของฝ่ายใด

ต่อมาที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ น.ส.พรพิมล (สงวนนามสกุล) อายุ 43 ปี มารดาของนายธนสรณ์เดินทางมาแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก่อนกล่าวด้วยความเสียใจว่าบุตรชายรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลจุฬาฯ ไม่รู้ว่าจะฟื้นขึ้นมาหรือไม่ ลูกคนนี้เป็นคนโต ขยันเรียนตั้งแต่สมัยอนุบาล เกรดเฉลี่ย 3.70-3.80 ตลอด จนมาได้โควต้าทุนเรียนดีของมหาวิทยาลัย

เมื่อเช้าลูกชายบอกว่าวันนี้ไม่มีเรียน แต่จะเดินทางไปทำซุ้มรับปริญญาให้รุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัย ซึ่งทุกวันเพื่อนจะขับรถจักรยานยนต์มารับที่บ้านเนื่องจากตัวบ้านอยู่ในซอยลึก จากนั้นก็ไปจอดรถไว้ที่ห้างสรรพสินค้าแล้วนั่งรถเมล์ไปที่มหาวิทยาลัย

ที่ผ่านมาลูกชายไม่เคยเล่าถึงปัญหาหรือไปมีเรื่องมีราวกับใคร เพราะลูกชายเป็นเด็กตั้งใจเรียน ไม่เคยทะเลาะกับคนอื่น เป็นที่รักของเพื่อนและพี่ๆ ในมหาวิทยาลัย

ลูกคนนี้เป็นความหวังของครอบครัว เขาเคยพูดกับแม่ว่า “ถ้าหากหนูเรียนจบ หนูจะได้มีอนาคต มีเงินเยอะๆ แม่จะได้ไม่ต้องเหนื่อย”

จากที่เข้าไปดูอาการของลูกชายทราบว่าถูกยิงที่บริเวณลำคอและขา ซึ่งหมอได้ผ่าตัดไปแล้วครั้งหนึ่ง ตอนนี้ยังไม่ได้สติ ต้องคอยดูอาการอย่างใกล้ชิด เป็นตายเท่ากันและไม่รู้จะฟื้นขึ้นมาคุยกับแม่ได้อีกหรือไม่

“อยากถามผู้ก่อเหตุว่าลูกชายแม่ไปทำอะไรให้ ทำไมไม่ต่างคนต่างเรียนเพื่ออนาคต ลูกแม่ไม่เคยไปวิ่งไล่ตีกับคนอื่นบนท้องถนน เขารอรถเพื่อจะไปโรงเรียน ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ เหมือนกับคุณครูที่เสียชีวิตไปแล้ว ก็ไม่รู้เรื่องอะไรด้วย” น.ส.พรพิมลกล่าวทั้งน้ำตา

ด้านรุ่นพี่นายธนสรณ์ ระบุว่าเหตุดังกล่าวไม่ใช่การทะเลาะวิวาท เพราะคนเจ็บขึ้นรถเมล์มาจากพระราม 2 เดินทางไปที่มหาวิทยาลัย เพื่อทำซุ้มรับปริญญาให้รุ่นพี่ แต่ระหว่างทางรถเมล์ยางระเบิดต้องจอดเปลี่ยนยาง จึงต้องลงเปลี่ยนรถที่จุดเกิดเหตุ

แต่จังหวะที่กำลังจะขึ้นรถอีกคันก็เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น โดยไม่มีการทะเลาะวิวาทหรือมีเรื่องกันมาก่อน และนายธนสรณ์เป็นเด็กที่เรียนเก่ง ตั้งใจมาเรียนที่อุเทนถวาย

ไม่อยากพาดพิงถึงสถาบันอื่นเพราะยังไม่รู้ว่าผู้ก่อเหตุเป็นใคร บางทีอาจจะเป็นมือที่สาม

นร.วางดอกไม้อาลัยครูเจี๊ยบ

วางดอกไม้อาลัยครูเจี๊ยบ

รุ่งขึ้นที่บริเวณหน้าธนาคารจุดเกิดเหตุ ตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่ มีกลุ่มครู ผู้ปกครองและนักเรียนโรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์จำนวนมาก พากันนำดอกไม้สีขาวและพวงมาลัย มาวางไว้อาลัยแด่ครูเจี๊ยบ

ผู้ปกครองรายหนึ่งกล่าวว่า ลูกเรียนกับครูเจี๊ยบเมื่อปีที่แล้ว มักจะมาเล่าให้ฟังเสมอว่าคุณครูเป็นคนน่ารักมาก หลังจากที่ทราบเรื่องรู้สึกสะเทือนใจ เมื่อสักครู่ที่ไปวางดอกไม้ก็มีน้ำตาคลอ รู้สึกว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ควรจะเกิดขึ้น กับคนคนหนึ่ง ไม่ควรจะมาเจออะไรแบบนี้

ด้านน้องนิว นักเรียน ม.2 กล่าวว่า เรียนกับครูเจี๊ยบล่าสุดเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ตนไม่เก่งเรื่องเทคโนโลยีเท่าไหร่ แต่ครูยังเอาใจใส่คอยสอนตลอดเวลา ครูเป็นคนที่ตั้งใจสอน ใส่ใจเด็กนักเรียน ส่วนตัวกับครูสนิทกันมาก เพราะมีอะไรจะปรึกษาครูเจี๊ยบตลอด ครูให้คำปรึกษาดีมาตลอด พอรู้ข่าวตกใจมาก พอรู้ว่าคนยิงเป็นเด็กนักศึกษา ก็ไม่คิดว่าจะกล้าทำถึงขนาดนี้

ส่วนที่โรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์ น.ส.ชณัฐศิกาญน์ มณีอินทร์ อายุ 50 ปี ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายบุคคลและงบประมาณ พร้อมด้วย นายเลิศศักดิ์ แจ่มคล้าย ผู้ช่วย ผู้อำนวยการฝ่ายปกครอง เป็นตัวแทนคณะอาจารย์ของโรงเรียน ทำพิธีสวดภาวนา อุทิศดวงวิญญาณแด่ผู้ล่วงลับเป็นพิธีทางศาสนาคริสต์ ก่อนเผยว่าครูเจี๊ยบอยู่กับเรามาตั้งแต่ปี พ.ศ.2539 ประมาณ 27 ปี และปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็ง รักเด็กนักเรียน ให้ความช่วยเหลือเพื่อนครู ผู้ปกครอง การสูญเสียครั้งนี้ทุกคนรู้สึกว่าเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่

ขณะที่นายไกรวัลย์ สินประเสริฐ และนางมณี สินประเสริฐ อายุ 70 ปี บิดาและมารดาของครูเจี๊ยบเผยว่า ครูเจี๊ยบเป็นลูกสาวคนกลาง ปัจจุบันอายุ 45 ปี เป็นชาว อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี โดยกำเนิดมีพี่น้องรวม 3 คน พี่ชายคนโตเสียชีวิต เมื่อปี 2563 ส่วนลูกสาวคนสุดท้องก็ไม่สามารถติดต่อได้ และมีหลาน 2 คน ซึ่งเป็นลูกของพี่ชายและน้องสาวที่ต้องดูแล ทำให้ครูเจี๊ยบเปรียบเสมือนเป็นเสาหลักให้กับครอบครัว ดูแลพ่อแม่ที่มีอายุมากและมีสุขภาพไม่แข็งแรง ต้องดูแลส่งเสียค่าเล่าเรียนของหลานๆ

โดยครอบครัวจะรับร่างครูเจี๊ยบไปทำพิธีทางศาสนาคริสต์ ที่วัดแม่พระประจักษ์ ม.4 ต.ต้นตาล อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี

เจ้าหน้าที่ช่วยยื้อชีวิต

ผบ.ตร.ลั่นเป็นขบวนการอาชญากร

หลังเกิดเหตุจนมีผู้ถูกลูกหลงเสียชีวิต ทำเอา พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. เดือดสุดสุด สั่งการให้เร่งจับตัวคนร้ายมาให้ได้โดยเร็ว พร้อมระบุว่า สิ่งที่คนร้ายกระทำถือว่าเป็นขบวนการอาชญากร และถ้าเป็นกลุ่มนักศึกษา ถือว่าไม่ใช่กลุ่มนักศึกษา เพราะมีขั้นตอนการก่อเหตุชัดเจน ทำให้รับไม่ได้ ที่ผ่านมาสั่งให้ปราบปรามพวกนี้แบบเด็ดขาดแล้วหลายจังหวัด เช่น สมุทรปราการ นนทบุรี

“หากเกิดมีเหตุแบบนี้ที่จะมีมาตรการลงโทษระดับผู้บังคับการจังหวัด หากควบคุมอาชญากรรมไม่ได้ เรามีมาตรการเชิงรุก ผมสั่งชุดปะฉะดะออกไล่ล่าแล้ว พวกนี้เป็นองค์กรและมีเป้าหมายอย่างชัดเจน ได้ขี่รถมาแล้วเอาปืนยิง มีเป้าหมายที่ชัดเจน แผนพฤติกรรมเกิดขึ้นแบบนี้และมีเป้าหมายชัดเจน คือการยิงคู่อริ” ผบ.ตร.กล่าว

เก็บหลักฐานจุดเกิดเหตุ

ขณะที่การติดตามคนร้าย พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส. บช.น. พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคำ ผบก.น.5 ระดมชุดสืบสวนไล่แกะรอยเส้นทางคนร้าย โดยพุ่งปมไปที่ความขัดแย้งระหว่างสถาบันเป็นหลัก เพราะที่ผ่านมามีข้อมูลอยู่แล้วว่าที่ผ่านมาทั้งสองฝ่ายต่างมีกลุ่มองค์กรลับคล้ายองค์กรอาชญากรรม ล่าเก็บแต้มกันไปมา มีการช่วยปกปิดร่องรอยการก่อเหตุไม่ให้สามารถจับได้ โดยพบว่าผู้ก่อเหตุทั้ง 2 คนหลบหนีออกนอกพื้นที่กรุงเทพฯ แล้ว ส่วนแผนประทุษกรรมผู้ก่อเหตุวางแผนมาเป็นอย่างดีและมีผู้เกี่ยวข้องมากกว่า 2 คน เป็นกลุ่มที่ร่วมกันวางแผนซึ่งเป็นทั้งศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบัน

ที่ว่าเตรียมตัวและวางแผนมาอย่างดี เนื่องจากมีการสํารวจเส้นทางและกําหนดจุดที่จะใช้ในการก่อเหตุ รวมถึงวางแผนเส้นทางทั้งก่อนและหลังก่อเหตุ อีกทั้งมีจุดพักคอย ซึ่งไม่ใช่วิธีการของนักศึกษาทั่วไป แต่มีลักษณะเหมือนมือปืนที่อยู่ในบทบาทของนักศึกษา แน่นอนว่าจะต้องมีผู้ชี้นําหรือผู้ที่อยู่เบื้องหลัง

ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้นําแผนประทุษร้ายของคนร้ายที่เคยก่อเหตุก่อนหน้านี้มาตรวจสอบว่ามีความเชื่อมโยงกับผู้ก่อเหตุทั้ง 2 คนหรือไม่

หลังเหตุสลด กระแสสังคมเรียกร้องให้รัฐบาลจัดการเรื่องนี้อย่างจริงจัง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ระบุจากนี้จะต้องไม่ให้มีการพกปืนสำหรับคนไทย และต้องแก้กฎหมายให้เข้มงวดมากขึ้น

นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รมช.ศึกษาธิการ กล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการมีมาตรการเยียวยาครูเจี๊ยบแน่นอน และสิ่งที่ต้องดูต่อไปคือ การดูแลไม่ให้เด็กนักเรียนในสังกัดของกระทรวงมีเรื่องทะเลาะวิวาทกัน ซึ่ง พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ ก็ให้ความสำคัญ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการประชุมหารือเรื่องของโมเดลป้องกันเหตุความรุนแรงของนักเรียนใน จ.พระนครศรีอยุธยา โดยให้นักเรียนได้ทำกิจกรรมร่วมกัน เพื่อให้แต่ละคนได้มีตัวตนในสังคมทางที่ถูกต้อง เพราะมองว่า ส่วนหนึ่งที่เกิดความรุนแรงต่างสถาบัน อาจเป็นเพราะเด็กแต่ละคนอยากได้รับการยอมรับจากสังคม

ถ้าแค่เด็กยกพวกต่อยตีกันโดยไม่ใช้อาวุธ ก็พอให้อภัยได้ แต่ถึงขึ้นตั้งแก๊งไล่ฆ่ากันกลางเมืองเช่นนี้ แถมคนไม่เกี่ยวข้องยังโดนลูกหลงเสียชีวิต จึงต้องขุดรากถอนโคนเสียให้สิ้น