ยิงยาว ‘ฮอนด้า HR-V’ MY2023 ไฮบริดเอสยูวี-เน้นสบายไม่สายซิ่ง

สันติ จิรพรพนิต

แม้เปิดตัวมาพักใหญ่แต่มีปรับโน่นนิด นี่หน่อย ทำให้ฮอนด้า “HR-V” (เอชอาร์-วี) ยังเป็นหนึ่งในรถเอสยูวียอดนิยม

เห็นได้จากยอดขายที่ยังอยู่ในระดับท็อปต่อเนื่อง

ยิ่งกับรุ่นล่าสุดออกแบบภายนอก-ภายในสวยเตะตา

แถมขุมพลังทางเลือก “ฟูลไฮบริด e:HEV” ยังออกมาเพื่อสนองนี้ดของกลุ่มที่ยังไม่สะดวกกับการใช้รถไฟฟ้า แต่อยากรักษ์โลกแบบเบาๆ

ผมมีโอกาสสัมผัสแบบใกล้ชิด เมื่อยืมมาทดสอบเดินทางไกลไปทางภาคอีสาน

รุ่นที่ได้เป็นตัวท็อป “RS”

มาดูรูปร่างหน้าตากันก่อน ได้กลิ่นอายกระจังหน้าแบบเทรนด์ของฮอนด้ายุคนี้ แต่บอกเลยว่าเห็นครั้งแรกก็สะดุดตา

เพราะความโฉมเฉี่ยวและขนาดตัวถังไม่ใหญ่จนเทอะทะ แต่ไม่เล็กจนอึดอัด

เรียกว่าเป็นรถที่ใช้คนเดียวก็คล่องตัว หรือเดินทางไกลกับครอบครัวขนาดไม่ใหญ่นัก ทำได้อย่างลงตัว

กระจังหน้าโครเมียมแบบสปอร์ต พร้อมสัญลักษณ์ RS เชื่อมต่อกับไฟหน้าและไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED

ไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED มีระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ

ไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ LED Sequential

กันชนหน้า-หลัง พร้อมชายกันกระแทกด้านข้างสีดำแบบสปอร์ตตกแต่งด้วยโครเมียม

บริเวณช่องดักลมด้านล่างเพิ่มลูกเล่นด้วยเส้นคลื่นหัวใจ AMP UP

ไฟท้าย LED Light Strip สี Smoke ที่เชื่อมต่อกับไฟเบรกเป็นเส้นแนวยาว เอกลักษณ์เฉพาะรุ่น

ไฟท้ายลักษณะนี้เริ่มเห็นบ่อยขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าจากจีน ไฟท้ายแบบ LED Light Strip สี Smoke

หลังคากระจกแบบพาโนรามา (Panoramic Glass Roof)

ฝากระโปรงท้ายไฟฟ้าแบบแฮนด์ฟรี พร้อมระบบปิดอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมตอยู่ห่างจากตัวรถ

สปอยเลอร์หลังแบบสปอร์ต เสาอากาศครีบฉลาม

ล้ออัลลอยลายใหม่ ดีไซน์สปอร์ตขนาด 18 นิ้ว

ภายในโดดเด่นตามมสไตล์ฮอนด้า ที่เน้นความสวยงามและการใช้งาน

พวงมาลัยทรงสปอร์ตสีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดงพร้อมระบบมัลติฟังก์ชั่น ควบคุมระบบเครื่องเสียง ปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์

ปุ่มควบคุมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING และฮอนด้า คอนเน็กต์ (Honda CONNECT) เทคโนโลยีเชื่อมต่อรถยนต์ที่ทำงานผ่านแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ตโฟน

มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว

ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto

รองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto ลำโพง 8 ตำแหน่ง

ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ (Automatic Air Conditioning) พร้อมระบบ Air Diffusion System

ช่องปรับอากาศดีไซน์ใหม่ พร้อมด้วยช่องปรับอากาศตอนหลัง

เบาะหนังสีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดงแบบสปอร์ต ด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง

เบาะนั่งด้านหลังแบบอเนกประสงค์แยกพับแบบ 60:40 ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ 3 รูปแบบ

แน่นอนว่าสามารถพับราบเรียบเพิ่มพื้นที่บรรทุกได้

แป้นเบรกและแป้นคันเร่งสไตล์สปอร์ต

หลังจากขั้นประจำที่นั่งคนขับ สิ่งแรกที่ผมสัมผัสได้คือความหรูหราและลงตัวในการตกแต่งภายใน

เรียกว่าชอบเลยก็ว่าได้

ปุ่มปรับต่างๆ อยู่ในระยะเอื้อมมือสบายๆ แถมมีไวล์เลสชาร์จมาให้ด้วย

กดปุ่มสตาร์ต เสียงเครื่องไม่ดุดันนัก

เบาะนั่งรับต้นขาและกระชับลำตัวได้ดี

เครื่องยนต์แม้จะบล็อกเล็กขนาด 1.5 ลิตร Atkinson-Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว

ทำงานคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ที่แบ่งหน้าที่ชัดเจน

ตัวหนึ่งผลิตกระแสไฟฟ้า และมอเตอร์ที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อ

อัตราเร่งตีนต้นหายห่วงแม้ไม่หวือหวามาก แต่ไม่ถึงกับอืด

ความเร็วกลางมาได้รวดเร็ว

มาสะดุดนิดๆ ตรงความเร็วปลาย หรือเวลาเร่งแซง ต้องกดหนักขึ้น

สิ่งที่ตามมาคือเสียงเครื่องยนต์ที่กระหึ่มทันที เนื่องจากจะใช้เครื่องยนต์เพียวๆ ในการรีดกำลัง

แต่หากขับแบบเรื่อยๆ ความเร็วไม่เกิน 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง

ค่อยๆ เติมคันเร่งเวลาต้องการความเร็วถือว่าทำได้ไม่น่าเกลียด

ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV มี 3 โหมด

มอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode)

ไฮบริด (Hybrid Drive Mode)

และขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode)

ส่วนการขับขี่เลือกได้ 3 โหมดเช่นกัน ECON Mode, Normal Mode และ Sport Mode

เกียร์อัตโนมัติ E-CVT ทำงานได้ราบรื่น

เครื่องยนต์+มอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุด 131 แรงม้า แรงบิด 253 นิวตัน-เมตร

ช่วงล่างนี่น่าสนใจเพราะมีความสปอร์ตนิดๆ เน้นไปทางนุ่มมากกว่า

พวงมาลัยน้ำหนักดี ความคมพอตัวไม่ถึงกับเนียนเป๊ะ แต่ไม่วืดวาด

การสาดโค้งแบบความเร็วเหมาะสมควบคุมสถานการณ์ได้ดี

ส่วนที่นั่งด้านหลังสอบถามเพื่อนร่วมทางพบว่ากว้างขวาง และไม่มีอาการเหวี่ยง

ที่แจ่มว้าวสุดสุด ไม่พ้นการใส่เทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ทำงานผ่านกล้องมุมมองกว้างด้านหน้า ช่วยตรวจจับรถยนต์และคนเดินถนน

ช่วยความปลอดภัย อาทิ ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก

ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ

ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ

ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ

ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน

ระบบช่วยชะลอความเร็วรถที่พวงมาลัย ฯลฯ

“ฮอนด้า เอชอาร์-วี อี:เอชอีวี” ถือว่าเป็นรถที่เหมาะกับครอบครัว หรือชอบขับรถนุ่มๆ แต่ไม่ยวบยาบ เป็นรถที่ขับแบบชิล ชิล

มีให้เลือก 3 รุ่นย่อย

e:HEV RS ที่ได้มาทดสอบ ราคา 1,179,000 บาท

e:HEV EL ราคา 1,079,000 บาท

และ e:HEV E ราคา 979,000 บาท •

ยานยนต์ สุดสัปดาห์ | สันติ จิรพรพนิต

[email protected]