กาละแมร์ พัชรศรี : เราคือใคร…

เพื่อนฉันคนหนึ่งที่เป็นช่างภาพ เจอกับคำถามที่ฝรั่งต่างชาติถามเมื่อตอนที่เข้าไปร่วมแข่งขันการถ่ายภาพรายการหนึ่งว่า “คุณต้องการคนจดจำว่าคุณคือใคร”

เพื่อนอึ้งไปและไม่ตอบคำถามนี้ มันกลับมาบอกฉันว่า “กรูไม่รู้ว่าจะตอบว่าอะไร กรูไม่อยากให้ใครจดจำว่ากรูเป็นใคร กรูเป็นอะไรก็ได้”

ฉันมองหน้ามันและย้อนถามว่า “มรึงต้องการอย่างนั้นจริงๆ หรือ ในวันที่คนเอารูปภาพที่สวยงามของมรึงไปแปะไว้ตามร้านกาแฟต่างๆ โดยที่มรึงไม่ได้อะไรเลย หรือใครต่อใครเอารูปมรึงไปใช้ แล้วมรึงมารู้สึกเจ็บใจทำไม เสียใจทำไม กี่ครั้งแล้วที่ให้คนมองข้ามเราไปแล้วล้ำเส้นเรา”

อีกคนเป็นแฟนของเพื่อนในเฟซบุ๊กบอกในสเตตัสว่า “ทุกวันนี้ Identity ของตัวเองเป็นแค่สามีของ…และพี่ของ… แต่ไม่มีใครทักเราแบบที่เราเป็นเลย ตกลงเราเป็นได้แค่นี้หรือ”

ต่างคน ต่างเวลา แต่เป็นเรื่องราวคล้ายๆ กัน เราต้องรู้สิว่า “เราคือใคร”

มันคนละเรื่องกับการยึดติดและความโลภ แต่เราต้องกำหนดเป้าหมายชีวิต ว่าเราจะเดินทางไปยังจุดไหน เราอยากเห็นชีวิตเราเป็นอย่างไร เราจะทำชีวิตเราให้อยู่ที่จุดไหน และมันจะทำประโยชน์ต่อคนอื่นได้อย่างไรบ้าง ไม่ใช่ปล่อยลอยไปตามยถากรรม

คนเราต้องรู้จักตัวเองให้ดีพอ ดีจนรู้ว่าเราชอบและมีความสุขที่แท้จริงจากการทำอะไร แล้วทำจนเต็มกำลังความสามารถ ไม่ย่อท้อ ไม่ถอยหลังง่ายๆ เมื่อมีอุปสรรค และถ้ายังไม่ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ จะไม่ล่าถอยไปง่ายๆ

ถ้าเราเลือกสิ่งที่ชอบทำเป็นอาชีพได้แล้ว ก็ต้องคิดต่อว่าจะทำอย่างไรให้ในอาชีพที่เราทำนี้ มีคนคิดถึงเรา เราคือตัวเลือกต้นๆ ที่เขานึกถึง ผลงานของเราโดดเด่น มีเอกลักษณ์ และมีลายเซ็น

น้าเน็คเพื่อนร่วมงานผู้ใกล้ชิดสนิทสนมกับฉันมักพูดเสมอว่า “คนเราทำงานต้องมีลายเซ็นนะครับ” นั่นหมายถึง คนต้องมีลักษณะเฉพาะที่คนอื่นไม่มี ต้องมีที่เราเท่านั้น

พูดง่ายๆ อย่างงานภาพเขียนของอาจารย์เฉลิมชัย โฆสิตพิพัฒน์ อาจารย์ถวัลย์ ดัชนี เมื่อเราเห็นภาพ เราจะรู้เลยว่านี่เป็นผลงานของใคร หรือถ้าเราพูดถึงน้าเน็ค เราก็จะรู้เลยว่าสไตล์ของเขาเป็นอย่างไร ไม่รู้ว่าเราจะทำงานใด เราต้องหาจุดเด่น เอกลักษณ์ของเราให้ได้ ชัดเจนในความเป็นตัวเอง

เมื่อเราชัดเจนในตัวเองแล้ว เราจะเหมือนมี GPS ที่พุ่งตรงไปยังเป้าหมายที่เราต้องการ และอย่าลืมว่าระหว่างทางเป็นประสบการณ์ที่ดีเสมอ ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์ใดๆ ขอให้จำไว้ว่า วันหนึ่งเราจะมองย้อนกลับมาด้วยรอยยิ้มแห่งความภาคภูมิใจ

ทุกๆ คนไม่ว่าจะทำอาชีพใดสามารถมีลายเซ็นเป็นของตัวเองได้ นั่นคือทำอย่างไรให้เราโดดเด่น เป็นที่จดจำ แต่ที่สำคัญนั้นเราต้องเป็นตัวจริง มีของ ไม่ใช่โดดเด่นเพียงข้ามคืนแล้วจางหายไป ดังนั้นเราต้องพิสูจน์ตัวเองให้เห็นด้วยว่า เราคือตัวจริงของงานที่เราทำ

คุณลองหันไปมองคนรอบตัว ถ้าเราเป็นช่างตัดผม เราก็จะตัดผมของเราให้ดี มีสไตล์ให้ใครต่อใครจ้องอยากมาตัดกับเรา ถ้าเราเป็นคนนวดแผนโบราณ เราจะนวดให้ดีจนที่ลูกค้าประจำต่อคิวยาวเป็นหางว่าวเพราะต้องการให้เรานวดให้เท่านั้น

หรือแม้แต่ถ้าเราเป็นแม่บ้าน เราจะเป็นแม่บ้านขั้นเทพ ที่ทำงานไม่มีบกพร่อง รวดเร็ว ซื่อสัตย์ มีมารยาท ฉันเห็นแม่บ้านที่รับทำความสะอาดที่ตึกในคอนโดฯ ที่อยู่ แกน่ารัก ยิ้มแย้ม และขยัน วันๆ วิ่งทำห้องนั้นห้องนี้ และไม่ใช่แค่ตึกนี้ แกไปตึกอื่นด้วย เคยถามค่าตัวแก คิดไปคิดมาเดือนหนึ่งแกรับเป็นแสนนะคะ!!!

เพราะฉะนั้น เวลาที่เรารู้ตัวว่าเราคือใคร เราอยากอยู่จุดไหน เราจะต้องรู้ตัวว่าเราต้องทำตัวอย่างไรให้ไปถึงจุดนั้น เวลาทำงานทำเต็มที่ เต็มกำลังความสามารถ ทำแบบที่ไม่มีใครมาแทนที่เราได้ ถ้าบริษัทขาดเราไปเขาจะต้องเสียใจ เพราะเราทำถวายหัวเกินค่าตัวที่ได้รับเสียอีก เจ้านายเห็นก็จะรับรู้ได้ว่า คนแบบนี้เขาต้องเก็บไว้และให้รางวัลตอบแทน

เวลาทำอะไรแบบทุ่มสุดตัว คิดจะให้มากกว่าคิดจะรับ แล้วเวลาโลกจะตอบแทนเรา จะส่งคืนกลับมาแบบที่เราตั้งตัวรับแทบไม่ทัน

เกิดมาเป็นคนทั้งที เราต้องรู้ว่าเราทำอะไรได้บ้าง มีศักยภาพด้านไหนบ้าง จะพัฒนาให้ดีขึ้นอย่างไร นอกจากจะเกิดมาใช้ชีวิตให้คุ้มค่า ทำตัวเองให้ดีแล้ว

เราต้องตระหนักว่า นอกจาก “ใช้” แล้ว เราได้ “ให้” อะไรคืนบ้างหรือไม่

เคล็ดลับความสำเร็จของการทำทุกงานคือ เราต้องคิดเสมอว่าเราทำงานนี้เพื่อใคร ใครจะได้ประโยชน์ ได้แง่งามที่ดีจากงานของเรา

อย่างเช่น ตั้งใจจะตัดผมให้สวยที่สุด ให้เขาได้มีความสุข ได้ออกจากร้านไปด้วยความประทับใจ ไปทำอะไรด้วยใจดีๆ ต่อไป

จะทำความสะอาดให้บ้านเขาสะอาดที่สุด เขาจะได้อยู่บ้านแล้วสบายตัวสบายใจ ไม่ไอ จาม ไม่มีภูมิแพ้ เห็นบ้านชองเขาสะอาด เรียบร้อยสวยงามและปลาบปลื้มใจที่สุด

หรือเป็นครูก็ตั้งใจที่จะสอนลูกศิษย์ให้ได้รับความรู้ให้มากที่สุด สั่งสอนให้เป็นคนดี ทุ่มเทหาวิธีการสอนให้น่าสนใจ

ทุกอาชีพเราคิดถึงคนอื่นก่อนเสมอ ถ้าเราคิดถึงแต่เงินๆๆ เราจะโลภ ทำงานด้วยความเห็นแก่ตัว คิดถึงแต่ตัวเองเท่านั้น

เราทุกคนสามารถเป็นของที่พิเศษ ไม่เหมือนใครได้ เพียงเราหันกลับมาถามตัวเอง เฝ้าดูตัวเองว่าเราทำอะไรได้ดีบ้าง แล้วเราอยากทำอะไรในชีวิตให้ประสบความสำเร็จ เพื่อให้เรารู้ว่า เราจะไม่เสียชาติที่เกิดมาเป็นคน

และรู้ว่าเราเกิดมาเพื่ออะไร…