มองบทบาท ‘ทรงวิทย์’ ผ่านเลนส์ ‘เศรษฐา’ ลิงก์รัฐบาล-กองทัพ กับโปรเจ็กต์ The Ten ของ ‘บิ๊กอ๊อบ’ และขยับทีม ‘ฉก.’

นายเศรษฐา ทวีสิน,พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์

ในบรรดา ผบ.เหล่าทัพชุดใหม่ ในรัฐบาลใหม่นี้ บิ๊กอ๊อบ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผบ.ทหารสูงสุด ถูกนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พูดถึงบ่อยที่สุด ในการให้สัมภาษณ์ โดยเฉพาะในประเด็นเรื่องช่วยเหลือคนไทยในอิสราเอล ที่มักให้เครดิต ผบ.ทหารสูงสุด เสมอๆ

ด้วยเพราะนายเศรษฐารู้จักสนิทสนมกับ พล.อ.ทรงวิทย์ มาก่อนที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี และเคยเล่นฟุตบอลด้วยกันมา จึงกลายเป็นเซ็นเตอร์ในการประสานงานติดต่อของนายเศรษฐา กับ ผบ.เหล่าทัพ

แม้จะมีเบอร์โทรศัพท์มือถือ มีไลน์ และวอตช์แอพพ์ ของ ผบ.เหล่าทัพ แต่นายเศรษฐาก็มักจะคุยกับ พล.อ.ทรงวิทย์ มากที่สุด เพราะมองว่าผู้บัญชาการทหารสูงสุดจะต้องรู้เรื่องทุกเหล่าทัพ ถามคนเดียวจบ จึงทำให้ พล.อ.ทรงวิทย์ ต้องคอยอัพเดตข้อมูลของเหล่าทัพตลอด รวมทั้งสนองนโยบายของนายเศรษฐา

แต่ทว่า พล.อ.ทรงวิทย์ กลับไม่เคยให้สัมภาษณ์ในการทำงานเบื้องหลัง เพราะยิ่งเปิดข้อมูล จะยิ่งทำงานลำบาก โดยเฉพาะงานการข่าวกรอง จึงมักจะมีแต่ข่าวจากการให้สัมภาษณ์ของนายกฯ แต่ก็ไม่ได้เปิดเผยทั้งหมด

พล.อ.ทรงวิทย์ ออกตัวกับสื่อมวลชนไว้ว่า ขอให้มั่นใจว่ากองทัพและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังทำหน้าที่อยู่

นายเศรษฐา ทวีสิน,พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ,พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี

ในแง่สายสัมพันธ์ของรัฐบาลกับกองทัพนั้น ทุกครั้งที่มีงาน นายกรัฐมนตรี พล.อ.ทรงวิทย์ ก็มักจะมาร่วมด้วยตนเองทุกครั้งไม่เคยขาด ทั้งงานในพื้นที่ทหาร และทำเนียบรัฐบาล

โดยมี ผบ.เหล่าทัพ เพื่อน ตท.24 คือ พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกลาโหม และ พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผบ.ทอ. จะแท็กทีมกันมา

ขณะที่บิ๊กต่อ พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผบ.ทบ. และบิ๊กดุง พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผบ.ทร. เป็น ตท.23 รุ่นพี่ นั้นแล้วแต่ภารกิจ แต่ก็มาพร้อมหน้า ในวันที่นายเศรษฐา เยี่ยม กอ.รมน. สวนรื่นฤดี ที่ทำให้บรรยากาศของกองทัพและรัฐบาลชื่นมื่น

ด้วยบทบาทของ ผบ.ทหารสูงสุด ทำให้ พล.อ.ทรงวิทย์ กลายเป็นเสมือนหนึ่งที่ปรึกษาส่วนตัวของนายกฯ ในด้านการทหาร และความมั่นคง เพราะนายเศรษฐามีที่ปรึกษาด้านความมั่นคง แค่บิ๊กแป๊ะ พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก อดีตปลัดกลาโหม คนเดียว

อีกทั้งผู้บัญชาการทหารสูงสุดเป็นหนึ่งใน 11 คณะกรรมการอำนวยการ สภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สภา คมช. ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน มีรองนายกรัฐมนตรี รมว.กลาโหม รมว.คลัง รมว.ต่างประเทศ รมว.คมนาคม รมว.ดิจิตัลฯ รมว.มหาดไทย รมว.ยุติธรรม และมีเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นเลขาฯ

ดังนั้น โดยตำแหน่งในสภาความมั่นคงแห่งชาติ พล.อ.ทรงวิทย์ จึงอยู่ในสายตรงความมั่นคงของนายกรัฐมนตรี

 

นอกจากนั้น ยังมีบิ๊กเล็ก พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ อดีตเลขาฯ สมช. ที่ทำหน้าที่เลขานุการ รมว.กลาโหม ของนายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม เป็นเสมือนที่ปรึกษาด้านความมั่นคงอีกคน

เพราะมีอะไร นายสุทิน ก็จะส่ง พล.อ.ณัฐพล หรือมอบหมายให้มาแทน

แต่อย่างไรก็ตาม นายเศรษฐาได้มอบหมายให้หมอมิ้ง นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นศูนย์กลางในการประสานการพูดคุยกับผู้บัญชาการเหล่าทัพและฝ่ายความมั่นคง ในกรณีที่ไม่มีโอกาสรายงานตรงกับนายกรัฐมนตรี

ทุกเรื่องที่นายเศรษฐาสั่งการในด้านความมั่นคง และกองทัพ ในฐานะที่นายกรัฐมนตรีคุมความมั่นคง คุมกลาโหมเอง พล.อ.ทรงวิทย์ จึงต้องสนองนโยบายสู่การปฏิบัติ

โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับกองบัญชาการกองทัพไทย เช่น หลักสูตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) ที่นายเศรษฐาเคยระบุว่าเป็นหลักสูตรของบุคคลพิเศษ อภิสิทธิ์ชน ระหว่างให้ใช้คอนเน็กชั่น ให้เป็นประโยชน์ต่อคนตัวเล็กๆ ในสังคม ไม่ใช่เพื่อตนเอง

นายเศรษฐา ทวีสิน

พล.อ.ทรงวิทย์ จึงสั่งการผ่านสถาบันวิชาการป้องกันประเทศ (สปท.) และพบปะพูดคุยกับนักศึกษา วปอ. ที่ปัจจุบันเป็น วปอ.รุ่น 66 ด้วยตนเอง ทั้งการไปบรรยาย และการไปร่วมกิจกรรมค่ายลูกเสือ ให้มีการปรับปรุงภาพลักษณ์ของ วปอ.ใหม่

พล.อ.ทรงวิทย์ ได้มอบหมายให้นักศึกษา วปอ.66 ทำโครงการนำร่อง “Project The TEN” เป็นรุ่นแรก โดยให้นักศึกษาออกแบบโครงการ CSV (Creative Sharing Values) เพื่อให้เกิดประโยชน์อย่างยั่งยืนให้กับสังคม โดยเฉพาะการลดความเหลื่อมล้ำ โดยจะพุ่งเป้าต่อชุมชนและประชาชนฐานรากเป็นหลัก

ทั้งนี้ วปอ.ได้แบ่งนักศึกษาออกเป็น 10 กลุ่ม โดยให้แต่ละกลุ่มระดมความคิด และใช้ศักยภาพของนักศึกษาทั้งฝ่ายทหาร ตำรวจ ข้าราชการพลเรือน และภาคเอกชนในการทำกิจกรรมรวม 10 โครงการ โดยมุ่งถึงผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม และจะใช้เป็นต้นแบบให้กับพื้นที่และหน่วยงานอื่นๆ รวมทั้งหลักสูตรต่างๆ ในกองทัพไทย

โดยปกติแล้ว นักศึกษา วปอ.ในแต่ละรุ่นจะแบ่งออกเป็น 10 หมู่ ที่เป็นชื่อสัตว์ เช่น หมู่วัว หมู่เสือ หมู่สิงโต ช้าง กวาง นกเค้าแมว นกยูง นกหัวขวาน เหยี่ยว และไก่ฟ้า ที่นอกจากจะแบ่งกลุ่มในหมู่นักศึกษา วปอ.รุ่นปัจจุบันแล้วยังมีการเชื่อมโยงกับรุ่นพี่ ที่เป็นชื่อหมู่เดียวกันด้วย เพื่อร่วมกันทำกิจกรรมเพื่อสังคม โดย พล.อ.ทรงวิทย์ จะตรวจการบ้านด้วยตนเอง

โดยย้ำว่า เพราะคนที่มาเรียน ล้วนเป็นอีลีต และตัวท็อปขององค์กร ผู้บริหารภาคธุรกิจ ให้ช่วยกันคิดช่วยกันทำ ต้องทำจริงและจับต้องได้โดยใช้ทรัพยากรทหารให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชน

นายเศรษฐา ทวีสิน,พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล

การเป็น ผบ.ทหารสูงสุด เป็น ผบ.เหล่าทัพคนเดียวที่จบจากต่างประเทศ โรงเรียนนายร้อยทหารบกสหรัฐ หรือนายร้อยเวอร์จิเนีย ไม่ได้จบจากโรงเรียนนายร้อย จปร. จึงทำให้ พล.อ.ทรงวิทย์ยิ่งถูกจับตามอง ในฐานะนายทหารยุคใหม่ และใช้ภาษาอังกฤษได้ดี และมีคอนเน็กชั่นในทางทหารกับเพื่อนบ้าน และหลายประเทศ และสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในห้วงที่ช่วยเหลือคนไทยในอิสราเอล

นอกจากนี้ ยังเป็นที่รู้กันว่า พล.อ.ทรงวิทย์ เป็นนายทหารคอแดง ที่มีบทบาทใน ฉก.ทม.รอ.904 มาตั้งแต่ต้น เมื่อครั้งยังรับราชการในกองทัพบก และเป็นนายทหารที่มีแบ๊กอัพกองหนุนที่ไม่ธรรมดา

จึงทำให้ถูกจับตามองว่า เมื่อเกษียณราชการกันยายน 2568 แล้ว จะเดินตามรอยเท้าบิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีต ผบ.ทบ. หรือบิ๊กบี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ อดีต ผบ.ทบ. หรือไม่

จนเกิดกระแสข่าวว่า พล.อ.ทรงวิทย์ ออกตัวในหลายเวทีที่พบปะกำลังพล ว่า วางแผนทำงานปีต่อปี เพราะไม่มั่นใจว่าจะถูกโยกย้ายหรือไม่

ยังมาซึ่งความแปลกใจว่า พล.อ.ทรงวิทย์ ใกล้ชิดนายกฯ และมีอายุราชการถึง 2568 ต้องนั่งเป็น ผบ.ทหารสูงสุด 2 ปี แต่เพราะเหตุใดจึงไม่มั่นใจในเก้าอี้ ผบ.ทหารสูงสุด เพราะยากที่จะมีการเปลี่ยนแปลง ผบ.เหล่าทัพ หากยังไม่เกษียณ

แต่มีการวิเคราะห์กันใน บก.ทัพไทยว่า พล.อ.ทรงวิทย์ อาจจะพูดออกตัวไว้เพื่อความไม่ประมาท เพื่อเป็นข้อคิดให้กำลังพลกระตือรือร้นในการทำงานอยู่เสมอ

หรืออีกนัยหนึ่ง พล.อ.ทรงวิทย์ อาจจะมีตำแหน่งสำคัญรองรับที่ไม่เกี่ยวข้องกับในทางการเมือง ที่อาจทำให้ต้องย้ายโอนจากกลาโหม หรือกองทัพไทย หรือไม่ ก็เป็นเรื่องที่คาดเดากันไป

 

มีรายงานว่า พล.อ.ทรงวิทย์ มักจะระบุว่า หากเกษียณราชการจะย้ายออกบ้านพักในหน่วยทหาร ก่อนเกษียณเหมือนบิ๊กตุ๋ย พล.อ.อิสรพงศ์ หนุนภักดี อดีต ผบ.ทบ. ผู้บิดา ยกเว้นว่ามีตำแหน่งหน้าที่อื่นที่ยังคงต้องอาศัยในหน่วยทหาร

หลังเกษียณ ไม่ใช่เรื่องแปลก ที่นายทหารคอแดงจะมีตำแหน่งรองรับ แต่หากได้รับตำแหน่งก่อนเวลาอันควร หรือก่อนจะเกษียณ ก็จะส่งผลกระทบ

เพราะเมื่อครั้งที่ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จะเกษียณจาก ผบ.ทบ. ในอีกไม่ถึง 1 เดือน ก็มีคำสั่งย้ายโอนจาก ทบ. จากกลาโหม ไปอยู่หน่วยในพระองค์ จนทำให้ รมว.กลาโหมต้องออกคำสั่งแต่งตั้งให้บิ๊กต่อ พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ รอง ผบ.ทบ. รักษา ผบ.ทบ. อยู่ราว 2 สัปดาห์ ก่อนขึ้นเป็น ผบ.ทบ.

แต่หากเป็นการปรับเปลี่ยนก่อนเกษียณ 1 ปี ตำแหน่ง ผบ.ทหารสูงสุด ก็จะว่างลง ที่อาจเป็นโอกาสให้นายทหารใน บก.ทัพไทย หรือ ผบ.เหล่าทัพ ย้ายข้ามมาเป็น ผบ.ทหารสูงสุดแทนได้

จนมีการร่ำลือ และคาดการณ์กันไปไกลว่า จะเป็นโอกาสให้บิ๊กจ่อย พล.อ.ธิติชัย เทียนทอง เสนาธิการทหาร จากสายทหารคอเขียว เพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร 24 จะขึ้นมาเป็น ผบ.ทหารสูงสุดแทน 1 ปี หรือไม่ หลังจากที่พลาดหวังในโยกย้ายที่ผ่านมา

แต่ทว่า ก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากและไม่ค่อยมีประเพณีปฏิบัติ ที่มีการย้ายผู้บัญชาการทหารสูงสุด หรือผู้บัญชาการเหล่าทัพ กลางครัน ในการโยกย้ายประจำปี เว้นเสียแต่ว่ามีการย้ายโอนเป็นกรณีพิเศษ

อีกทั้ง พล.อ.ทรงวิทย์ ก็เป็น ผบ.เหล่าทัพ ที่มีผลงานที่ครบเครื่อง และมีความโดดเด่น โดยเจ้าตัวเร่งทำงานให้เห็นผลงานเป็นที่ประจักษ์ภายใน 6 เดือนนี้

พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผบ.ทบ.

การมาเป็น ผบ.ทหารสูงสุด ของ พล.อ.ทรงวิทย์ ทำให้มีการแสดงความคิดเห็นในสื่อสังคมออนไลน์ ของกำลังพลทัพไทย ที่ชื่อว่า ทัพไทยรีวิว ที่มีการนำเสนอถกเถียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในกองทัพไทย แม้จะมีเรื่องราวให้ระดับผู้บังคับบัญชาปวดหัวหากได้อ่าน แต่ในอีกด้านหนึ่ง ก็มีการระบุว่า “ได้กลิ่นความเจริญ” ในยุค พล.อ.ทรงวิทย์ ที่มีการคิดนอกกรอบและทำสิ่งใหม่ๆ

แม้แต่การสื่อสารเชิงยุทธศาสตร์ ที่มีการตั้งทีมโฆษกกองทัพไทยมากที่สุดถึง 12 นาย และเป็นครั้งแรกที่มีการตั้งทหารชั้นประทวน 2 นายอยู่ในทีมด้วย รวมถึงการตั้งทีมอินฟลูเอ็นเซอร์ มากกว่า 20 คน ในการนำเสนอเรื่องราวดีๆ ในกองทัพไทย ผ่านติ๊กต็อก รวมทั้งภารกิจของ พล.อ.ทรงวิทย์ ในการลงพื้นที่ไปเยี่ยมกำลังพลและภารกิจต่างๆ ในแต่ละวัน

ด้วยเพราะ พล.อ.ทรงวิทย์ เห็นว่าการสื่อสารที่มีเพียงแค่การแถลงข่าวหลังการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ไม่เพียงพอ แต่จะต้องมีการสื่อสารทุกวัน แม้ว่าการสื่อสารนั้นอาจจะไม่ได้ส่งผลดีทั้งหมด แต่หากสามารถเข้าถึงประชาชนให้ได้รับรู้ในส่วนที่ดีมากกว่าก็จะถือว่าได้ประโยชน์ ดีกว่าที่กองทัพจะเป็นฝ่ายถูกกระทำในโซเชียลมีเดียฝ่ายเดียว

โดยหาใช่การหิวแสง หรือหาแสง เพราะตัว พล.อ.ทรงวิทย์ ถือว่าเป็นนายทหารที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในระดับหนึ่งอยู่แล้ว และเป็นนายทหารที่มีต้นทุนทางสังคม และถือว่าการได้ทำงานในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ถือว่าได้เติมเต็มความเป็นทหารแล้ว

แม้ว่าในชีวิตรับราชการทหารจะไม่สามารถแตะกำแพงแก้วได้ เช่น การจบจากต่างประเทศ ทำให้ไม่สามารถเป็น ผบ.ทบ.ได้ก็ตาม แต่ พล.อ.ทรงวิทย์ ก็ดันกำแพงแก้วของกองทัพบกได้สำเร็จ ทั้งการเป็นผู้บังคับกองพันผู้บังคับการกรม ใน ร.11 รอ. และเป็น ผบ.พล.1 รอ.

ดังนั้น ความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ทรงวิทย์ จึงน่าจับตามองทั้งในแง่ของการเป็น ผบ.เหล่าทัพ ที่ใกล้ชิดนายกรัฐมนตรี และในแง่บทบาทในกองทัพ และการเป็นนายทหารคอแดง

พล.อ.สุขสรรค์ หนองบัวล่าง,พล.ท.ชิษณุพงศ์ รอดศิริ

ขณะที่ในกองทัพบก ในส่วน ฉก.ทม.รอ.904 ก็มีการขยับปรับทัพใหม่ หลัง พล.อ.เจริญชัย ได้รับโปรดเกล้าฯ ให้เป็น ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 โดยมีการปรับทีมนายทหารคอแดง และมีการปลด “คอแดง” เพิ่มเติม แล้วให้กลับไปทำงานปกติในส่วนของกองทัพ

และมีการแต่งตั้งแม่ทัพรุ่ง พล.ท.ชิษณุพงศ์ รอดศิริ แม่ทัพภาคที่ 1 ทำหน้าที่เสนาธิการ ฉก.ทม.รอ.904 จากเดิมที่บิ๊กโต พล.อ.สุขสรรค์ หนองบัวล่าง รอง ผบ.ทบ. ทำหน้าที่นี้มา 2 ปี ตั้งแต่เป็นแม่ทัพภาคที่ 1 และ ผช.ผบ.ทบ.

พล.ท.ชิษณุพงศ์ เป็นเพื่อนสนิท ตท.26 ของ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ เสธ.ทบ. แคนดิเดต ผบ.ทบ.คนต่อไป

ท่ามกลางการจับตามองไปที่บิ๊กหนุ่ย พล.อ.ธราพงษ์ มะละคำ ผช.ผบ.ทบ. สายคอแดง และบิ๊กใหญ่ พล.อ.อุกฤษฏ์ บุญตานนท์ ผช.ผบ.ทบ. สายคอเขียว แกนนำ ตท.24 ที่เป็นแคนดิเดต ผบ.ทบ. ท่ามกลางพลังความแรงของ ตท.24 รุ่นของ พล.อ.ทรงวิทย์ บิ๊กหนุ่ม พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกลาโหม และบิ๊กไก่ พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผบ.ทอ.

ยิ่งในยามที่นายเศรษฐาใช้ไม้นวม รอมชอมกับกองทัพ ไม่ได้มาหักหาญล้างบาง ความสัมพันธ์กับกองทัพยังราบรื่น บทบาทของ พล.อ.ทรงวิทย์ ก็ยิ่งสำคัญ และน่าจับตามองยิ่ง