คำเตือนถึง ‘อุ๊งอิ๊ง’ การรีแบรนด์เพื่อไทยเป็น ‘พรรคจารีต’ ในมุมมอง ‘ครีเอทีฟการเมือง’

หมายเหตุ : รายการ “เอ็กซ์-อ๊อก talk ทุกเรื่อง” ที่เผยแพร่ผ่านช่องยูทูบมติชนทีวีเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม ได้สนทนากับ “ประกิต กอบกิจวัฒนา” ครีเอทีฟ นักวางกลยุทธ์ด้านการสื่อสารการเมือง และคอลัมนิสต์ ในประเด็นว่าด้วยการขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่ของ “อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร”

 

: ภาพลักษณ์ของคุณอุ๊งอิ๊งในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่ ถือเป็นสินค้าที่ขายได้หรือไม่?

คุณอุ๊งอิ๊งมีความเหมาะสมอยู่แล้ว ตั้งแต่การเลือกตั้งครั้งที่แล้ว แต่ว่าพอดีคุณอุ๊งอิ๊งก็ไปท้องช่วงเลือกตั้ง ทีนี้ ผมไม่อยากระบุไปที่แค่คุณอุ๊งอิ๊ง (แต่) อยากจะชวนดูว่าซีเนริโอของการเมืองไทยหรือภูมิทัศน์การเมืองไทย ตอนนี้มันเปลี่ยนไปหรือยัง?

ผมก็ยังเชื่อว่า สิ่งที่การเมืองไทยกำลังต่อสู้กันอยู่วันนี้ ถ้าถอยออกมาหน่อย มันคงไม่ใช่แค่เรื่องของ “เพื่อไทย-ก้าวไกล” จริงๆ ก็ยังเป็นการต่อสู้ระหว่างฝ่ายจารีต ที่ต้องการเห็นเมืองไทยเปลี่ยนแปลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป กับฝ่ายก้าวหน้า ที่ต้องการพาประเทศไปข้างหน้า

พอเราถอยออกมาอย่างนื้ โจทย์ใหญ่คือผมคิดว่ายังจำเป็นต้องมีพรรคการเมืองที่มารองรับกับคนรุ่นใหม่ โอเค ช่วงนี้ก้าวไกลอาจจะมีความเพลี่ยงพล้ำเรื่องของเหตุการณ์ต่างๆ แต่อันนี้ยังไม่ใช่ปัจจัยชี้ขาดที่จะทำให้ก้าวไกลล่มสลาย

หัวใจของสิ่งที่ก้าวไกลนำเสนอ ไม่ว่าจะในแง่ของนโยบายที่ก้าวหน้าหรืออะไรก็แล้วแต่ ผมว่าเอาเข้าจริงๆ จากการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว คนโหวตยังไม่เปลี่ยนใจไปจากก้าวไกล ถามว่าเปลี่ยนกลับมาเพื่อไทยไหม? ผมก็ไม่เชื่อว่าเปลี่ยน

โจทย์ของเพื่อไทย จากเหตุการณ์ชุลมุนที่ผ่านมา แล้วเราก็ได้นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน อันนี้ก็เป็นโจทย์อันหนึ่ง ทีนี้ โจทย์ระยะยาวเลย คือการทำแบรนด์เพื่อที่จะเป็น “ตัวแทนของฝ่ายจารีต”

จริงๆ พลังของจารีตเอง ผมว่าหดหายไปเยอะ ตัวแทนทางการเมืองของเขาอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถเป็นกระแสหลักให้กับทางฝั่งจารีตได้ อย่างเช่น พลังประชารัฐก็ดี หรือรวมไทยสร้างชาติก็ดี

คนที่ยังจะมีพลังเหลือ ผมคิดว่าอันหนึ่งก็คือพรรคเพื่อไทย ฝ่ายจารีตเองก็คงมองไปที่พรรคเพื่อไทย เพราะฉะนั้น สิ่งเหล่านี้มันสะท้อนออกมาในเรื่องของการกลับบ้านของคุณทักษิณ

การที่จะต้องรีบผลักดันให้คุณอุ๊งอิ๊งขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรค จะด้วยตามระเบียบวาระอะไรก็ตาม มันส่อสัญญาณอันหนึ่งว่า การเมืองในระยะนับจากนี้ไปอีก 2-3 ปีข้างหน้า จะมีความเข้มข้นมากๆ แล้วต้องเตรียมตัวให้พร้อมในการเลือกตั้งครั้งหน้าด้วย

โจทย์ใหญ่ก็คือว่า จะมีพรรคการเมืองอะไรที่ขึ้นมาแบ่งแชร์ของก้าวไกลในโหวตเตอร์คนรุ่นใหม่ ผมว่าอันนี้เป็นโจทย์ที่ใหญ่ที่สุด

ถ้าเราดูเลือกตั้งคราวที่แล้ว ที่ก้าวไกลสามารถได้คะแนนเสียงถล่มทลาย เอาเข้าจริงๆ คะแนนเสียงของก้าวไกลไม่ได้มาจากคนรุ่นใหม่อย่างเดียว มาจากหลายกลุ่ม พลังเงียบ เบบี้บูมเมอร์ วาย มีความหลากหลาย

ผมคิดว่าโจทย์ของทางฝั่งจารีตเอง ในการใช้เพื่อไทยก็ดี หรืออะไรก็แล้วแต่ที่จะสามารถเป็นตัวแทนต่อสู้กับพลังของคนรุ่นใหม่ เป็นโจทย์ที่สำคัญ เป็นประเด็นที่ผมอยากให้คนเห็นภาพใหญ่ก่อนว่า จริงๆ การต่อสู้เรามันไม่ได้ไปไหน

ฉะนั้น การผลักดันคุณอุ๊งอิ๊งหรือการรีแบรนด์เพื่อไทย มีนัยยะสำคัญของการเลือกตั้งครั้งหน้าแน่ๆ

 

: คุณอุ๊งอิ๊งขึ้นมาในสถานการณ์ที่เพื่อไทยไม่ได้ชนะเป็นที่หนึ่งในการเลือกตั้ง การตั้งรัฐบาลก็มีเสียงครหาอยู่ไม่น้อย คุณอุ๊งอิ๊งด้านหนึ่งก็เป็นคนรุ่นใหม่ แต่อีกด้านก็เป็นลูกคุณทักษิณ การขึ้นมาเป็นผู้นำของพรรคเพื่อไทยตอนนี้ มีอะไรที่คุณอุ๊งอิ๊งต้องระมัดระวังบ้าง?

การที่รีบขึ้นมาเร็ว ข้อดีคือคุณก็ได้ซักซ้อมเตรียมตัว ได้เรียนรู้มีเวลาในการบริหารงาน ได้เข้าใจระบบราชการหรือการเขียนนโยบาย

ผมคิดว่าอันนี้เป็นโรงเรียนที่ดีสำหรับนักการเมืองหน้าใหม่แบบคุณอุ๊งอิ๊ง ที่สำคัญคือไม่ได้เป็นฝ่ายค้าน เพราะ (การ) เป็นฝ่ายรัฐบาล จริงๆ มันมีอำนาจในการที่จะผลักดันความคิดบางเรื่องให้เกิดได้ด้วยฝีมือตัวเอง

ขณะเดียวกัน มองมุมกลับ คุณอุ๊งอิ๊งก็ต้องระวังตัวในการวางฐานะหรือท่าที ทำอย่างไรจะไม่ให้ “ออฟไซด์” ไปกว่านายกรัฐมนตรี อันนี้เป็นโจทย์ที่สำคัญ

พูดถึงคุณเศรษฐาก่อน ที่เข้ามาสองเดือน แกก็แสดงบทบาทเรื่องความเป็นผู้นำได้ดี แม้อาจมี (ปัญหา) การสื่อสารภายในพรรค ที่บางทีนายกฯ พูดอย่าง รัฐมนตรีพูดอย่าง แต่ว่าโดยรวมๆ เรื่องความตั้งใจ ความเป็นผู้นำ ผมว่าแกมี

แต่ผมว่ามันก็จะมีอะไรบางอย่างที่เวลาแกไปไหน ก็จะมีคุณอุ๊งอิ๊งอยู่ข้างๆ แล้วแกก็จะต้องแนะนำว่าคุณอุ๊งอิ๊งเป็นอย่างนี้ เป็นอย่างนี้ เป็นอย่างนี้ ผมว่าภาพพวกนี้ต้องระวังดีๆ ว่า ทำอย่างไรให้มันสมดุลกัน (โดย) ความเป็นนายกรัฐมนตรีก็ยังมีความโดดเด่นอยู่

มันจะมีเส้นบางๆ อยู่ ว่า (นายกรัฐมนตรี) เป็นตัวแทน (คนอื่น) ไหม? หรือมีอำนาจจริงๆ ในความเป็นนายกรัฐมนตรี (หรือไม่?)

ส่วนอีกเรื่องหนึ่ง พวกเสื้อแดง-อึ่งไข่ อย่ามาไล่กระทืบผมนะ ผมจะพูดแบบตรงไปตรงมา ในฐานะคนทำแบรนด์และคนมอนิเตอร์สิ่งที่มันเกิดขึ้นในโซเชียล

จริงๆ คุณอุ๊งอิ๊งได้มรดกจากคุณทักษิณมาเต็มๆ เลย ผมว่าน่าจะไปถึงดีเอ็นเอ ผมเห็นอะไรบางอย่างอยู่ในตัวคุณอุ๊งอิ๊งที่คล้ายกับคุณทักษิณ

แต่ผมอยากให้อุ๊งอิ๊งเรียนรู้จากคุณทักษิณ เรื่องของการระมัดระวังคำพูด เรื่องของความใจร้อน เพราะการเมืองไทย เวลาเราพูดอะไรออกไปแล้ว มันกลับมาทิ่มแทงเราเสมอ

เพราะฉะนั้น ในการที่จะเล่นบทใหญ่เป็นหัวหน้าพรรค ต้องระวังอะไรเหล่านี้ ปัจจุบัน “ฟุตปรินต์” มันเยอะ และการที่เราจะลงไปทะเลาะเบาะแว้งกับผู้คนในโซเชียล ผมว่าอาจต้องลด ละ เลิก

พูดง่ายๆ คือคุณเป็นหัวหน้าพรรคแล้ว คุณต้องทำตัวเป็นนักการเมืองอาชีพอย่างเต็มตัว แล้วก็น้อมรับคำวิจารณ์ได้ คุณต้องแคร์เรื่องพวกนี้มากๆ ในหนทางที่คุณจะเดินไปในอนาคตข้างหน้า