ส่อง ‘อควาเรียมหอยสังข์’ หลัง ป.ป.ช.ภาค 9 ชี้มูล ’27 ราย’ ใกล้สิ้นสุดมหากาพย์ยาว 15 ปี??

เหมือนจะใกล้ถึงจุดสิ้นสุดของมหากาพย์ “อควาเรียมหอยสังข์” หรือโครงการก่อสร้าง “ศูนย์ศึกษาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทะเลสาบสงขลา” ที่วิทยาลัยประมงติณสูลานนท์ อ.เมือง จ.สงขลา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) หลังยืดเยื้อมายาวนานถึง 15 ปี นับจากวันที่อควาเรียมหอยสังข์แห่งนี้ เริ่มลงเสาเข็มเมื่อปี 2551 และมีกำหนดก่อสร้างให้เสร็จในปี 2554 วงเงินก่อสร้าง 800 ล้านบาท

แต่จนถึงวันนี้ อาคารสิ่งก่อสร้างต่างๆ ยังถูกทิ้งร้าง ขณะที่งบประมาณก่อสร้างถูกใช้ไปแล้วไม่น้อยกว่า 1.4 พันล้านบาท…

ล่าสุด สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ภาค 9 ได้ชี้มูลเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับโครงการก่อสร้างอควาเรียมหอยสังข์ มากถึง 27 ราย คาดว่าจะพิจารณาชี้มูลความผิดได้ในเดือนธันวาคม 2566 โดยไม่ต้องรอการตรวจสอบทุจริตของ ป.ป.ช.

โดยนายเกียรติศักดิ์ พุฒพันธุ์ ผู้อำนวยการสำนักไต่สวนการทุจริตภาคการเมืองและองค์กรตามรัฐธรรมนูญ รักษาราชการแทนผู้ช่วยเลขาธิการ ป.ป.ช.ภาค 9 นายราม วสุธนภิญโญ ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดสงขลา และตัวแทนวิทยาลัยประมงติณสูลานนท์ ได้เข้าร่วมตรวจสอบสภาพของอควาเรียมหอยสังข์

ซึ่งสภาพภายนอกดูไม่รกร้างมาก เพราะมีการตัดหญ้า แต่ภายในเต็มไปด้วยร่องรอยมูลนก ซากนกตาย และความชื้นจากน้ำฝนที่ไหลจากหลังคาที่รั่วลงมาบนพื้น อุปกรณ์ต่างๆ ทั้งตู้จัดแสดงสัตว์น้ำ และอุโมงค์แสดงสัตว์น้ำ ทรุดโทรมจากที่ถูกทิ้งร้างมานาน 15 ปี!!

 

อย่างไรก็ตาม กรณีที่ ป.ป.ช.ได้แจ้ง “ข้อกล่าวหา” แก่ “ผู้ถูกกล่าวหา” รวม 27 รายนั้น เป็นการรับเรื่องต่อจากการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของ สอศ.เมื่อปี 2562 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรับฟังคำชี้แจงของผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 27 ราย ในจำนวนนี้เสียชีวิตไปแล้ว 6 ราย แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มผู้บริหาร สอศ. 2.กลุ่มเจ้าที่ สอศ. และ 3.ผู้ประกอบการเอกชนในทุกระยะของโครงการ ซึ่งมีประมาณ 3-4 ระยะ

ทั้งนี้ กลุ่มผู้ถูกกล่าวหา อาจขอชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษร หรือเข้าให้ถ้อยคำด้วยวาจา…

โดยคาดว่าภายในเดือนธันวาคม 2566 จะมีข้อสรุปว่าสามารถชี้มูลความผิดให้ผู้ใดหรือไม่ และมีผู้ที่กระทำความผิดหรือไม่ หากมีการชี้มูลผู้กระทำความผิด จะส่งเรื่องไปยังสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อพิจารณาสั่งฟ้องคดีต่อไป

นายเกียรติศักดิ์ระบุว่า ยอมรับว่าการดำเนินการของ ป.ป.ช.ใช้ระยะเวลานาน ดังนั้น ต้องแยกกันระหว่างคดี และการเดินหน้าก่อสร้างอควาเรียมหอยสังข์

โดยในส่วนของการก่อสร้าง เป็นเรื่องของฝ่ายบริหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่าจะปล่อยทิ้งร้างต่อไป หรือจะก่อสร้างให้เสร็จ หากจะก่อสร้างต่อ ก็ต้องหางบฯ เพิ่มเติมจากที่ใช้ไปแล้ว 1.4 พันล้านบาท

ทั้งนี้ รักษาราชการแทนผู้ช่วยเลขาธิการ ป.ป.ช.ภาค 9 มองว่า ต้องแยกระหว่างคดี กับการก่อสร้างต่อ เป็นคนละส่วนกัน ป.ป.ช.จะไม่เป็นหน่วยงานที่ขัดขวางความเจริญ และจะไม่เป็นเหยื่อ ที่ถูกนำไปอ้างว่าเป็นเพราะ ป.ป.ช.จึงไม่สามารถทำอะไรต่อในโครงการนี้ได้ หรือ ป.ป.ช.รับเรื่องมานาน 14 ปี แต่ยังไม่ดำเนินการ ในความเป็นจริง ป.ป.ช.เพิ่งได้รับเรื่องเมื่อปี 2562 และเร่งดำเนินการทันที

ส่วนการก่อสร้าง จะเดินหน้าต่ออย่างไร หน่วยงานต่างๆ ก็ทำได้เลย หากติดขัดเรื่องใดก็ประสานมายัง ป.ป.ช.เพื่อดำเนินการร่วมกันได้!!

 

หลังจาก ป.ป.ช.ภาค 9 ได้ชี้มูลเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับโครงการก่อสร้างอควาเรียมหอยสังข์ 27 ราย ในจำนวนนี้มีผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ สอศ.ด้วยนั้น นายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) กล่าวว่า ทราบว่า ป.ป.ช.ให้เวลาผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงถึงวันที่ 15 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้เลยกำหนดมาแล้ว ส่วนแนวปฏิบัติของ สอศ.นั้น จะส่งข้อมูลรายละเอียดต่างๆ ให้ ป.ป.ช.เพื่อประกอบการพิจารณา

แต่เนื่องจากผู้เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ มีทั้งอดีตผู้บริหาร และผู้บริหารสถานศึกษาสังกัด สอศ.ที่ผ่านมา สอศ.จึงได้ประสานเรื่องข้อมูลในการชี้แจง ป.ป.ช. และเมื่อ ป.ป.ช.ได้ข้อสรุปแล้ว จะต้องส่งให้คณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน กระทรวงศึกษาธิการ (อ.ก.พ.ศธ.) พิจารณาต่อ รวมถึงรายงาน พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการ ศธ.

ส่วน สอศ.จะเดินหน้าก่อสร้างอควาเรียมหอยสังข์ต่อหรือไม่ นายยศพลระบุว่า ต้องสอบถาม ป.ป.ช.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่า สอศ.ทำอะไรได้บ้าง เพราะต้องรอข้อสรุปจาก ป.ป.ช.ก่อน เนื่องจากไม่กล้าทำโดยพลการ

“อย่างไรก็ตาม รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เคยศึกษาข้อดีข้อเสียของโครงการอควาเรียมหอยสังข์ รวมถึงวิเคราะห์งบประมาณ ว่าถ้าดำเนินการต่อเนื่องจนเสร็จ จะต้องใช้งบประมาณอีกเท่าไร ทั้งหมดนี้ต้องสรุปข้อมูล เพื่อรายงานรัฐมนตรีว่าการ ศธ.” รองเลขาธิการ กอศ.กล่าว

สำหรับอนาคตของอควาเรียมหอยสังข์นั้น ส่วนตัวนายยศพลมองว่า สภาพตัวอาคารถือว่าค่อนข้างสมบูรณ์ แม้จะมีบางส่วนที่ชำรุดเสียหายไปบ้าง เพราะถูกทิ้งร้างมานานกว่า 15 ปี แต่ด้วยอุปสรรค และปัจจัยแวดล้อมหลายอย่าง การดำเนินการหลังจากนี้ อาจต้องลดลงมาเป็นศูนย์การเรียนรู้ ที่ไม่ใช่อควาเรียมเหมือนเดิม

ทั้งหมดทั้งมวลนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องคงต้องช่วยกันระดมความคิดเห็น เพื่อแก้ไขปัญหาต่อไป!!

 

อย่างไรก็ตาม หากย้อนกลับไปในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในช่วงที่นายสุเทพ แก่งสันเทียะ เป็นเลขาธิการ กอศ. ได้มีข้อเสนอ 6 ข้อ กรณีที่จะเดินหน้าก่อสร้าง และใช้ประโยชน์ต่อ ได้แก่

1. ก่อสร้างอควาเรียมเหมือนเดิม

2. ก่อสร้างอควาเรียม แต่บูรณาการเทคโนโลยีเสมือนจริงเข้าไปด้วย

3. จัดทำเป็นศูนย์ศึกษาพันธุ์พืช และป่าชายเลน

4. จัดทำเป็นศูนย์อบรมเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ

5. โอนให้จังหวัดดำเนินการ เพื่อจัดแสดงสินค้า แสดงศิลปวัฒนธรรมภาคใต้

และ 6. จัดทำเป็นศูนย์แสดงสินค้า และการท่องเที่ยวทางน้ำ โดยสร้างท่าเรือ

โดยคณะทำงานจะศึกษาข้อดี ข้อเสีย ให้รอบด้าน ก่อนเสนอ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการ ศธ.ในเวลานั้น ตัดสินใจ เพราะแต่ละแนวทางอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม และต้องเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) หากต้องเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ของอาคาร

แต่ทุกอย่างยังคงเงียบกริบ…

กระทั่ง ป.ป.ช.ภาค 9 ชี้มูลเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับโครงการก่อสร้างอควาเรียมหอยสังข์ 27 ราย

คงต้องจับตาว่า ป.ป.ช.จะชี้มูลความผิดได้ในเดือนธันวาคม 2566 โดยไม่ต้องรอการตรวจสอบทุจริตของ ป.ป.ช.หรือไม่…

ขณะที่การ “ก่อสร้าง” อควาเรียมหอยสังข์ จะยังเดินหน้าต่อ หรือพอแค่นี้…

และมหากาพย์ “อควาเรียมหอยสังข์” ที่ยาวนานถึง 15 ปี จะมีบทสรุป หรือจะยืดเยื้อต่อไปอีก…

คงต้องติดตาม…อย่างใจจดใจจ่อกันต่อไป!! •

 

| การศึกษา