“ลิขิต”เอง | สถานีคิดเลขที่ 12 โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

สถานีคิดเลขที่ 12 | สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

 

“ลิขิต”เอง

 

ไม่ใช่ พรหม “ลิขิต” ให้ น.ส.แพรทองธาร ชินวัตร ก้าวขึ้นมานั่ง หัวหน้าพรรคเพื่อไทย อย่างแน่นอน

หากแต่ ได้ผ่าน “การตระเตรียม” เพื่อการนี้มาอย่างดี มากกว่า

จากหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย

สู่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ซึ่งแม้ที่สุดหมวกนายกฯจะถูกมอบให้นายเศรษฐา ทวีสิน ไปสวมก่อน

แต่นั่นดูจะเป็น ตั้งใจของ ครอบครัวชินวัตร และตัวน.ส.แพรทองธาร เองที่จะไม่เร่งรัดการเติบโตทางการเมืองเร็วจนเกินไป

เพื่อที่จะมีเวลาได้ฟูมฟักและสะสมประสบการณ์ ให้พร้อมสมบูรณ์มากกว่านี้

แต่ระหว่าง การตระเตรียม ก็ใช่จะอยู่เฉยๆ

เราจึงได้เห็นการที่น.ส.แพรทองธาร ก้าวเข้าไปเป็นรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ เป็นรองคณะกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติ

ซึ่งล้วนเป็นโครงการที่สร้างสรรค์ มีวิสัยทัศน์ และเป็นทิศทางแห่งอนาคต

ถือเป็นเรื่องบวก-บวก เหมาะสมกับก้าวแรกในการเข้าไปสัมผัสงานบริหาร โดยวางขอบเขตเอาไว้ในระดับ”รองประธาน” ส่วนตำแหน่ง”ประธาน”มอบให้นายเศรษฐา ในฐานะเบอร์หนึ่ง ของฝ่ายบริหาร

ถือเป็นการระแวดระวังมิให้ ถูกมองว่า ล้ำหน้าหรือเกินหน้า นายกฯเศรษฐา

ทั้งนี้ต้องยอมรับว่าจุดเด่นอันถือกันว่าเป็น “ทักษิโณมิก” ซึ่งเคยได้รับการกล่าวขวัญเป็นอย่างสูงในอดีตของ พรรคไทยรักไทย

นั่นคือนโยบายอย่างที่เรียกว่า “ดูอัล แทร็ก”

เป็นการกำหนดเศรษฐกิจ 2 แนวทาง

แนวทางหนึ่งเป็นเศรษฐกิจที่ยึดกุมพัฒนาการทุนนิยมอย่างเต็มที่

ขณะที่อีกแนวทางหนึ่ง เป็นเศรษฐกิจระดับรากหญ้ามุ่งระดับล่าง

เป็นการขับเคลื่อน”คู่ขนาน”ที่สร้างความโดดเด่นให้กับพรรคไทยรักไทย มาแล้ว

จากพรรคไทยรักไทย มาสู่เพื่อไทย ในวันนี้

เรากำลังได้เห็นการขับเคลื่อน “คู่ขนาน”อีกครั้ง

แต่คราวนี้ไม่ใช่เรื่องเศรษฐกิจ หากแต่เป็นเรื่องคู่ขนาน”ผู้นำ”

ผู้นำหนึ่งคือ หัวหน้าฝ่ายบริหาร นายเศรษฐา ทวีสิน

ผู้นำหนึ่ง คือ หัวหน้าพรรค น.ส.แพรทองธาร ชินวัตร

ซึ่ง ต้องจับดูต่อไปว่า ทั้ง 2 ผู้นำ จะสร้างความทรงจำที่ดีดัง แนวทาง “ดูอัล แทร็ก” ในอดีตหรือไม่

คือพัฒนาไปในทางที่ดี ทั้ง 2 ทาง คือทั้งการบริหาร และทั้งการเมือง

ซึ่งแน่นอนไม่ง่าย ในช่วงระยะเวลาแค่ 2 เดือน ต้องยอมรับว่า “งานบริหาร” ในนามรัฐบาล นายเศรษฐา เผชิญปัญหาต่างๆมากมาย ทั้งการขับเคลื่อนนโยบาย ที่ส่อว่าอาจไม่เป็นไปตามที่ให้คำมั่นไว้ อย่างเรื่อง การแจกเงินดิจิทัล 10000 บาท เรื่องค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาท เรื่องเรือดำน้ำจีน เป็นต้น

ขณะเดียวกันก็เผชิญปัญหาเฉพาะหน้าอย่างสงครามระหว่างอิสราเอล-ปาเลสไตน์ ที่สร้างผลกระทบต่อคนไทยอย่างร้ายแรง ขณะที่การรับมือของรัฐบาลก็มากด้วยอุปสรรคและเผชิญคำถามในเชิงลบมากมาย

ส่วนในทางการเมือง ซึ่งจะเกี่ยวพันกับหัวหน้าพรรคเพื่อไทยอย่างสำคัญ

นั่นก็คือการฟื้นฟู วิกฤตศรัทธา โดยเฉพาะกับ คนรุ่นใหม่ ที่มีคำถามกับจุดทางการเมืองของพรรคเพื่อไทย ทั้งการรวมขั้ว ไปจนถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ไม่เป็นไปตามปก

ขณะเดียวกันก็ต้องเปิดหน้า”ต่อสู้”กับก้าวไกลในฐานะคู่แข่งซึ่งไม่ง่ายและคงต้องปรับองคาพยพรรคอีกมาก

แต่ทั้งหลาย ทั้งปวงนั้น จะยากหรือล้มเหลวโดยทันที

หากเกิดการขับเคลื่อน “ไม่คู่ขนาน”หรือ”ทับเส้นกัน” ระหว่างนายเศรษฐากับนส.แพรทองธาร

ซึ่งมองจากปัจจัยต่างๆมีโอกาสเกิดสูง ทั้ง 2 ฝ่าย โดยเฉพาะฟากอุ๊งอิ้งมีเสียงเชียร์มากแน่ๆ

จึงต้องจัด”สมดุล”ให้ดี

ถ้าเสียสมดุลหรือทับเส้นกันยุ่งแน่นอน

จึงอยู่ที่ว่าจะ”ลิขิต”กันเองอย่างไร จึงจะไร้ปัญหา

—————