สัญญาณเตือน โผทหาร? ‘บิ๊กไก่’ เล็งเคลียร์ แปดแฉก จับตา ‘เสธ.คิม Butt-Head’ เต็งหนึ่ง กลางดง ตท.25

สัญญาณเตือน โผทหาร? ‘บิ๊กไก่’ เล็งเคลียร์ แปดแฉก จับตา ‘เสธ.คิม Butt-Head’ เต็งหนึ่ง กลางดง ตท.25 ‘Maverick-Pirate-Talon’

 

แม้ฤดูการแต่งตั้งโยกย้ายทหารจะจบลงแล้ว ผบ.เหล่าทัพชุดใหม่ และ 5 เสือเหล่าทัพ และ ผบ.หน่วย ขึ้นมานั่งเก้าอี้กันมากว่า 1 เดือนแล้ว

แต่ฤดูการแต่งตั้งโยกย้ายนายพลเมษายนรออยู่ หลังปีใหม่ ที่จะเริ่มทำ แม้จะเป็นโผกลางปี ที่ไม่โยกย้ายตำแหน่งหลักมากนัก แต่ก็มองข้ามไม่ได้ เพราะจะเป็นโผแรก ในรัฐบาลใหม่ นายกฯ ใหม่ และ รมว.กลาโหมพลเรือนใหม่ด้วย

 

 

แม้นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม จะมาแนวซอฟต์ๆ ง่ายๆ สบายๆ สไตล์นักการเมืองบ้านนอก ที่ไม่ค่อยสันทัดเรื่องการทหาร ความมั่นคงนัก แถมถูกมองว่ามาช่วยกองทัพ มาเป็นเสมือนโฆษกกลาโหม ช่วยชี้แจงผ่านสื่อ และตอบกระทู้ในสภา แทนกองทัพก็ตาม

แต่บทหนักของนายสุทิน หรือที่สื่อเรียกว่า บิ๊กทิน ที่ปรากฏชัดคือ การยกเลิกการต่อเรือดำน้ำของ ทร.ลำแรก ที่กำลังต่อจากจีนแล้ว ให้เปลี่ยนเป็นต่อเรือฟริเกต จากจีนแทน เพื่อแก้ปัญหาเครื่องยนต์เรือดำน้ำ ที่ไม่เป็นไปตามข้อตกลง คือ เครื่องยนต์เยอรมัน

แต่กองทัพเรือพร้อมที่จะเปลี่ยนเป็นเครื่องยนต์จีน ตามที่บริษัทต่อเรือเสนอ หลังใช้เวลา 2 สมัย ตั้งแต่ บิ๊กเฒ่า พล.ร.อ.สมประสงค์ นิลสมัย จนมา บิ๊กจ๊อด พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ เป็น ผบ.ทร. ในการเจรจา และการไปทดสอบเครื่องยนต์ จนสรุปว่า ทร.พร้อมใช้เครื่องยนต์จีน

จนมาถึง บิ๊กดุง พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผบ.ทร.คนใหม่ ที่ก็ถือว่าเป็นทายาทของขั้วอำนาจของ พล.ร.อ.สมประสงค์ และ พล.ร.อ.เชิงชาย ก็รับภารกิจ ผลักดันเรือดำน้ำจีนต่อ

ต้องไม่ลืมว่าโครงการเรือดำน้ำจีนมี บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่ 3 ป. เป็นผู้ให้กำเนิด ตั้งแต่เป็นรองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ในรัฐบาล คสช. อีกทั้งการขึ้นมาเป็น ผบ.ทร. ของทั้ง 3 ผบ.ทร. ต่อเนื่องกันมา ก็มีพลังอำนาจของ พล.อ.ประวิตรสนับสนุน ผ่านทาง พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ลูกรัก มือขวาบิ๊กป้อม เมื่อครั้งเป็นปลัดกลาโหม 3 ปี และมา บิ๊กหนุ่ม พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกลาโหมคนปัจจุบัน สายตรงบ้านป่ารอยต่อฯ ที่นั่งมาเป็นปีที่ 2

จน ทร.ถูกจับตามองว่า จะต้องสานต่อเรือดำน้ำจีนให้จบ นอกเหนือจากเหตุผลในเชิงยุทธศาสตร์แล้ว เพราะ พล.ร.อ.อะดุงได้พยายามเจรจาต่อรอง เพื่อที่จะเดินหน้า ใช้เครื่องยนต์จีนแล้ว แต่คาดว่าเป็นนโยบายของพรรคเพื่อไทย ที่ต้องการยกเลิกดีลนี้ ของ พล.อ.ประวิตร เพราะมีปัญหาเรื่องเครื่องยนต์มาเป็นเหตุผลพอดี

จึงเป็นไฟต์บังคับ ที่ ทร.ต้องจำยอม แล้วเสนอ 2 ทางเลือก ตามที่กลาโหมสั่งมา นำไปเจรจากับจีน ในโอกาสที่นายกฯ และนายสุทินไปพบผู้นำจีน เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

คือ เสนอขอเปลี่ยนจากเรือดำน้ำจีน เป็นเรือฟริเกตจีน Type 054A หรือเรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง OPV type 056 ที่ผู้นำจีนเลือกข้อเสนอแรก คือ ยอมให้เปลี่ยนเป็นเรือฟริเกต เพราะถึงอย่างไรจีนก็ไม่คืนเงินงวดที่ ทร.จ่ายไป 6 ปี กว่า 8 พันล้านบาทแน่ เพราะอ้างว่าไม่ได้ผิดสัญญา เพราะสัญญาเปิดช่องไว้แล้วว่า ใช้เครื่องยนต์ที่สมรรถนะเทียบเท่า หรือดีกว่าของเยอรมันได้ เพราะจีนเคลมว่าเครื่องยนต์ตัวเองไม่ด้อยไปกว่าเยอรมัน

เรื่องนี้เป็นการสะท้อนว่า ถ้ามี “ธง” มาจาก พรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะโดยนายกฯ หรือนายกฯเงาก็ตาม ก็เป็นการสะท้อนว่า นายสุทินก็สามารถเจรจาต่อรอง หรืออาจเรียกว่า สั่ง ได้ แม้จะมาสไตล์นิ่มๆ ก็ตาม

ดังนั้น การแต่งตั้งโยกย้ายทหารชั้นนายพล ทั้งกลางปี เมษายน ที่จะเริ่มทำกันเดือนกุมภาพันธ์นี้ และปลายปี ที่จะทำตั้งแต่กรกฎาคม-สิงหาคมนั้น ย่อมต้องอยู่ในแผน ของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย

แม้จะเป็นรัฐบาล ผสมข้ามขั้ว สลายขั้ว เป็นการปรองดองกันของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ กับขั้วอำนาจ 3 ป. ขั้วอนุรักษนิยมก็ตาม แต่เรือดำน้ำจีนก็เป็น สัญญาณเตือนอย่างหนึ่ง

เพราะต้องไม่ลืมว่า อดีตนายกฯ ทักษิณ และน้องสาว ต้องโดนรัฐประหาร และโดนขั้วอำนาจอนุรักษนิยมที่คุมทหารอยู่จัดการ จนต้องหนีออกนอกประเทศมาแล้ว กว่าที่จะได้กลับมาก็ 17 ปี การปรองดองจึงเป็นไฟต์บังคับ หากมีโอกาสที่จะจัดแถวทหารแบบไม่ล้างบาง แต่แค่ขอแชร์อำนาจ ก็อาจเกิดขึ้นได้

แม้ตาม พ.ร.บ.กลาโหม 2551 ที่มีบอร์ด 7 เสือกลาโหม ในการแต่งตั้งโยกย้ายนายพล ที่มีเสียง ผบ.เหล่าทัพ 5 คน มากกว่าฝ่ายการเมืองที่มีแค่ 2 เสียง คือ รมว.กลาโหม และ รมช.กลาโหมแล้ว ในยุคนายสุทินไม่มี รมช.กลาโหม จึงมีเสียงเดียวก็ตาม

แต่ทว่า ยังเป็นรัฐบาลที่มีอำนาจเต็ม แถมทั้งนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ที่คุมความมั่นคง คุมกลาโหมเอง ก็เป็นสายตรงอดีตนายกฯ ทักษิณ ที่มีทั้งอำนาจและบารมี ที่สะท้อนได้จาก “ดีล” กลับประเทศ และการตั้งรัฐบาล จึงไม่อาจมองข้ามนายสุทิน สนามไชย 1 ที่มีอำนาจเต็มได้

แตกต่างจากการจัดโผทหารกันยายนที่ผ่านมา ในปลายสมัย บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ที่กำลังจะหมดอำนาจ ผบ.เหล่าทัพไม่มีใครฟัง หรือเกรงใจเลย เพราะสนับสนุนใครเป็น ผบ.เหล่าทัพ ก็ไม่ได้เลยสักคน เพราะ ผบ.เหล่าทัพยืนกรานเอาคนที่ตนเองเสนอ

แต่มาตอนนี้ ผบ.เหล่าทัพอาจต้องฟัง และเกรงใจ เพราะในสถานการณ์เช่นนี้ การปฏิวัติรัฐประหารเป็นสิ่งที่ไม่อาจเกิดขึ้นได้ ผบ.เหล่าทัพไม่อยู่ในสถานภาพที่มีอำนาจนอกระบบในมืออีกต่อไป

หากแต่รัฐบาลเพื่อไทย ต้องมาแบบนุ่มๆ และไม่ล้ำเส้น เพราะรู้กันดีว่า กองทัพมีใครเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด

ดังนั้น โผโยกย้ายทหารกลางปีจึงถูกจับตามอง เพราะจะต้องมีการวางหมาก 2 ต่อ ไปยังโยกย้ายปลายปี กันยายน

พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์

ที่ถูกจับตามองมากที่สุด คือ กองทัพบก โดยเฉพาะเมื่อมีรายงานเรื่อง “สัญญาณเปลี่ยน” ที่ บิ๊กปู พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ เสธ.ทบ. อาจไม่ใช่เต็งหนึ่ง ผบ.ทบ. แต่ อาจเป็นรุ่นพี่ ตท.24 ทั้ง บิ๊กหนุ่ย พล.อ.ธราพงษ์ มะละคำ ผช.ผบ.ทบ. ทหารคอแดง หรือ บิ๊กหยอย พล.อ.อุกฤษฏ์ บุญตานนท์ ผช.ผบ.ทบ. ทหารคอเขียว

โดยเฉพาะหลังจากที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ ผอ.รมน. เรียก บิ๊กต่อ พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผบ.ทบ.ในฐานะรอง ผอ.รมน. มาพบ

โดยมี พล.อ.อุกฤษฏ์ ที่จะเป็น ผช.ผอ.รมน. และ พล.อ.พนา เลขาฯ กอ.รมน. มาร่วมหารือด้วย

พล.อ.อ.มนัท ชวนะประยูร

ในขณะที่กองทัพอากาศนั้น ผลพวงการโยกย้ายของ บิ๊กตุ๊ด พล.อ.อ.อลงกรณ์ วัณณรถ ผบ.ทอ.คนก่อน ที่ดัน บิ๊กไก่ Armstrong พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล เป็น ผบ.ทอ. นั่ง 2 ปี โดยไม่หนุน บิ๊กจ๋า พล.อ.อ.พงษ์สวัสดิ์ จันทสาร หรือ บิ๊กณะ พล.อ.อ.ณรงค์ อินทชาติ สายตรง บิ๊กป้อง พล.อ.อ.นภาเดช ธูปะเตมีย์ อดีต ผบ.ทอ. ผู้มีพระคุณ เป็น ผบ.ทอ. จนสัมพันธ์ “ป้อง-ตุ๊ด” ร้าว

รวมถึงการโยกรอง เสธ.ทอ. เตรียมทหาร 25 ไปเป็น พลอากาศเอก เพื่อเปิดทางให้ เสธคิม พล.อ.ท.เสกสรร คันธา รอง เสธ.ทอ. จาก ตท.26 ขึ้นเป็น เสธ.ทอ. และ กลายเป็นตัวเต็ง ผบ.ทอ. คนต่อจาก พล.อ.อ.พันธ์ภักดี ที่จะเกษียณกันยายน 2568 เพราะ พล.อ.อ.เสกสรรเกษียณ 2570

 

พล.อ.อ.เสกสรร คันธา

แต่มีกระแสข่าวว่า มีแรงกดดันจากนายทหารรุ่นพี่หลายคนที่ พล.อ.อ.พันธ์ภักดีเดินสายไปพบ ไปเคลียร์ใจ ต่างเรียกร้องให้มีการแก้ไข และคืนความเป็นธรรมให้ นายทหารอากาศหลายคน

เพราะโผที่ผ่านมาถูกมองว่าดัน บิ๊กเบิร์ท พล.อ.อนันตชัย แก้วศรีงาม และ บิ๊กแต๋ม พล.อ.อ.วิศรุต สุวรรณเนตร สายตรง บิ๊กแอร์ พล.อ.อ.แอร์บูล สุทธิวรรณ อดีต ผบ.ทอ. มาเป็น ผช.ผบ.ทอ. เตรียมเกษียณ เพื่อปิดทางบรรดานายทหารดาวรุ่ง

ดังนั้น มีการโฟกัสไปที่ บิ๊กเจ๋ง พล.อ.อ.มนัท ชวนะประยูร ตท.25 ที่ก็สนิทสนมกับ พล.อ.อ.พันธ์ภักดี จนเคยถูกจับตามองว่าจะเป็น เสธ.ทอ.คู่ใจบิ๊กไก่ ด้วยซ้ำ แต่ด้วยปัญหาความขัดแย้งในอดีต กับอดีต ผบ.ทอ.รุ่นพี่ ทำให้ต้องเดินทางสายเบี่ยง

จะเห็นได้ว่า พล.อ.อ.พันธ์ภักดีส่งสัญญาณด้วยการมอบหมายงานให้ พล.อ.อ.มนัท ในการแถลงนโยบาย ผบ.ทอ.ที่ผ่านมา

แต่ทว่า พล.อ.อ.มนัทเกษียณ 2568 พร้อม พล.อ.อ.พันธ์ภักดี จึงไม่มีผลต่อการเอากลับมาอยู่ใน 5 เสืออากาศ

พล.อ.อ.กฤษฎา สุพิชญ์

คนที่ถูกจ้องเขม็ง คือ พล.อ.อ.ไวพจน์ เกิงฝาก ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทอ. แกนนำ ตท.25 อีกคน ที่โผที่แล้วพลาด 5 เสืออากาศ แต่เป็นที่จับตามองมากกว่า โยกย้ายตุลาคม 2567 ถ้าได้กลับเข้าไลน์ จะกลายเป็นแคนดิเดต ผบ.ทอ. ชิงกับ พล.อ.อ.เสกสรร เพราะเกษียณ 2570 พร้อมกัน และเป็นคนเก่งระดับโล่ทอง โรงเรียนนายเรืออากาศ เลืองชื่อในเรื่องการบิน ระดับปีกเหล็ก จนทำให้ พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ เมื่อครั้งเป็น ผบ.ทอ. ดันขึ้นฟาสต์แทร็ก ทำให้ถูกมองว่าเป็นสายตรงบิ๊กนัตไปเลย

ดังนั้น เมื่อ พล.อ.อ.มนัท Maverick ที่ถือว่าเป็นนายทหารระดับฝีมือ ที่รุ่นพี่รุ่นน้องไม่อาจชิง ผบ.ทอ.ได้เพราะเกษียณก่อน ก็ผลักดันเพื่อน ตท.25 ขึ้นมาสู้แทน ทั้ง พล.อ.อ.ไวพจน์ “Pirate” และรอง เสธ.เอก พล.อ.ท.กฤษฎา สุพิชญ์ รอง เสธ.ทอ. “Talon ” ที่เกษียณ 2570 มาชิงชัยแทน

แต่ทว่า พล.อ.อ.เสกสรร callsign “Butt-Head” ก็ถือเป็นคนเก่งของ ตท.26 ที่มาแรง สมาร์ต และถูกวางตัวไว้เป็น ผบ.ทอ. แถมทั้ง เป็น ผช.ทูต ทอ. ประจำกรุงลอนดอน อังกฤษ ต่อจาก พล.อ.อ.พันธ์ภักดีอีกด้วย

ต้องรอดูศิลปะในการจัดทัพอากาศของ Armstrong พล.อ.อ.พันธ์ภักดี ที่จะแก้ปัญหาที่ค้างคา คืนความชอบธรรม แต่ท้ายที่สุด การตัดสินใจอยู่ที่ ผบ.ทอ. ที่อาจจะเลือก พล.อ.อ.เสกสรร ตามที่ได้วางตัวกันไว้ ก็เป็นได้

จึงถูกจับตามองว่า ท่ามกลางรุ่นพี่ ตท.25 พล.อ.อ.เสกสรร จะได้เป็นนายทหารอากาศคนแรก ที่ล้างอาถรรพ์ อดีต ผบ.กองบิน 4 ขึ้นเป็น ผบ.ทอ.ได้สำเร็จ เป็นคนแรกหรือไม่

พล.อ.อ.ไวพจน์ เกิงฝาก