“นายกฯ นิด” ตะลอนทัวร์ | ลึกแต่ไม่ลับ

จรัญ พงษ์จีน

ลึกแต่ไม่ลับ | จรัญ พงษ์จีน

“นายกฯ นิด” ตะลอนทัวร์

เรียกได้ว่าชีพจรลงเท้า สำหรับ “นายเศรษฐา ทวีสิน” หลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง “นายกรัฐมนตรี คนที่ 30” เมื่อวันที่ 2 กันยายน นำคณะรัฐมนตรี 34 คนถวายสัตย์ปฏิญาณตน ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน เพื่อน้อมนำกระแสพระราชดำรัส มาเป็นแนวทางในการปฏิบัติหน้าที่

วันที่ 6 กันยายน “นายกฯ นิด” เรียกประชุม ครม. “นัดพิเศษ” โดยพลัน ก่อนแถลงนโยบายที่จะบริหารประเทศต่อรัฐสภา ตามไฟต์บังคับ จากวันนั้นถึงวันนี้ เวลาเพียงเดือนเศษๆ

ปรากฏว่า “นายเศรษฐา” นำคณะรัฐมนตรี สัญจรไพรเดินสายทัวร์ต่างประเทศ อย่างเป็นทางการแล้วหลายประเทศ เรียกว่า อยู่เมืองนอกมากกว่าเมืองไทย เปิดบริสุทธิ์ด้วยการยกคณะไปร่วมประชุมยูเอ็นจีเอ หรือสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 18-24 กันยายน

นอกจากจะพบ “นายโจ ไบเดน” ประธานาธิบดี ที่ได้กล่าวแสดงความยินดีที่ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกฯ ของประเทศไทยแล้ว ยังได้พบปะสนทนากับผู้นำของประเทศต่างๆ และผู้นำทางธุรกิจอีกจำนวนมาก พูดคุย เจรจากันในหลายเรื่องสำคัญ

กลับมาจากประชุมยูเอ็นฯ “นายกฯ ป้ายแดง” บินไปพนมเปญ พบปะกับ “นายกฯ ฮุน มาเนต” ที่เพิ่งเปิดซิงในเวลาใกล้เคียงกัน จากนั้นเดินสายตะลอนทัวร์ วันที่ 9 ตุลาคม บินเข้าเกาะฮ่องกง เจรจาทวีภาคีกับ “นายจอห์น ลีคาซิว” ผู้บริหารสูงสุดของฮ่องกง และพบหารือกับภาคเอกชนรายใหญ่ รับฟังคำแนะนำ ข้อคิดเห็นร่วมกัน

ออกจากฮ่องกง เดินทางต่อไปยังประเทศบรูไน เข้าเฝ้า “สมเด็จพระราชาธิบดี” แห่งบรูไนดารุสซาลาม ณ พระราชวังอิสตานา นุรุล อิมาน เสร็จภารกิจจากบรูไนบินเข้ามาเลเซีย เพื่อนบ้านใกล้เคียง เยี่ยมคารวะ “อันวาร์ อิบราฮิม” ปิดจ๊อบทัวร์ละแวกบ้านใกล้เรือนเคียง ประเทศสุดท้ายคือสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม เข้าพบ “ลี เซียน ลุง” นายกรัฐมนตรีเมืองลอดช่อง

ปฏิเสธไม่ได้ว่า การที่ชีพจรลงเท้า เยือนต่างประเทศเป็นว่าเล่น การเดินทางของ “นายเศรษฐา” ที่เป็นเนื้อเป็นหนัง ภาพลักษณ์โกอินเตอร์ได้มากที่สุด คือการเดินทางไปสาธารณรัฐประชาชนจีน ในโอกาสเข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมเวทีข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทางครั้งที่ 3 และทาง “นายสี จิ้นผิง” ประธานาธิบดีจีนและภริยา เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำ ณ มหาศาลาประชาชน

พบปะหารือกับ “นายจ้าว เล่อจี้” ประธานสภาประชาชนจีน โดยสรุปทั้งสองประเทศจะร่วมกันพัฒนาศักยภาพ และนโยบายที่เอื้อประโยชน์ต่อกันในทุกด้าน “นายเศรษฐา” เชิญชวนให้วิสาหกิจจีนเข้ามาใช้ประโยชน์จากสภาพแวดล้อม ด้านการลงทุนและอุตสาหกรรมในประเทศไทย พร้อมเพิ่มพูนความร่วมมือกันในทุกด้าน ภายใต้กรอบพหุภาคี-กรอบอาเซียน-กรอบอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง

เหนือสิ่งอื่นใด คือการเจรจา สามารถกล่อม 10 บิ๊กธุรกิจยักษ์ใหญ่จากจีน ปูทางมาร่วมลงทุนในไทย ทั้ง “ผิงอัน-อาลีบาบา-ซิติกกรุ๊ป” เป็นอาทิ

ที่พิเศษสุดอีกเม็ด คือการที่ “นายกฯ นิด” ได้มีโอกาสเข้าหารือทวิภาคีกับ “นายวลาดิมีร์ ปูติน” ประธานาธิบดีแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย เป็นโอกาสอันดีในการแสดงเจตจำนงร่วมกัน เพื่อยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างไทย-รัสเซียให้ใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น

“ประธานาธิบดีปูติน” ยังชื่นชมความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันมายาวนาน และพร้อมจะเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างกัน โดยเฉพาะด้านวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว

หอบหิ้วความสำเร็จกลับมาจากการประชุมที่กรุงปักกิ่ง ต้องมือระวิงแก้แหปม “ดิจิทัลวอลเล็ต” นโยบายแจกเงิน 10,000 บาท ที่ขณะนี้ถูกรุมกินโต๊ะหนัก ผู้สันทัดกรณีบอกว่า แค่ชื่อโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ก็ยุ่งเป็นฝอยขัดหม้อ ตั้งแต่เบื้องต้นแล้ว

อย่าว่าแต่ตาสีตาสา บ้านนอกคอกนาเลย คนเหนือ-คนใต้-อีสาน สำเนียงเรียกชื่อสะกดกันไม่ถูก แม้แต่สื่อกระแสหลัก-กระแสรอง บางค่ายก็เรียกขาน “ดิจิทัล” บางสำนัก “ดิจิตอล” เสียเหลี่ยมยี่ห้อแชมป์ประชานิยมหมดเลยงานนี้ เอาให้ชัดๆ รัดกุม เรียกไม่ยาก “เป๋าตุง เป๋าตังค์ กางเกงแตก” น่าจะดีกว่า

สรุปกลับมาตั้งรับ ปรับแผน จัดทีมงานใหญ่ เพื่อขับเคลื่อนนโยบายแจกเงิน 10,000 บาท ทอดน่องอยู่เมืองไทยไม่กี่วัน “นายกฯ นิด” ก็ต้องบินข้ามห้วยกลับไปร่วมประชุมเอเปคที่อเมริกา จับเข่าคุยกับ “โจ ไบเดน” เป็นคำรบที่สอง

ต่อด้วยมีโปรแกรมบินไปเยือนญี่ปุ่น พบ “ฟุมิโอะ คิชิดะ” เพื่อกระชับไมตรีเป็นคิวรั้งท้ายของปี 2566

ทีนี้ตามไปดูคนที่เพิ่งจะลงจาก “หลังเสือ” กันมั่ง คือ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” อดีตนายกรัฐมนตรี คนที่ 29 ต้องคารวะสามจอกว่า “ลุงตู่” แน่มากๆ รู้หนทางแห่งการเอาตัวรอด ปลอดภัย ลงจากหลังเสือด้วยกลวิธีอันยอดเยี่ยม แยบยล “เสือไม่กัด”

หลังเก็บข้าวของออกจากตึกไทยคู่ฟ้า โดนประกาศิต “อาจารย์น้อง-นราพร จันทร์โอชา” งดรับแขกที่เป็นคนการเมืองทุกค่ายโดยเด็ดขาด มีเล็ดลอดสายตา กระโดดค้ำถ่อข้ามรั้วไปเยือนนายเก่าได้หนึ่งเดียวคือ “ส.ส.แด๊ก-ธนกร วังบุญคงชนะ” แต่เมื่อข่าวแพร่กระจายไปทางโลกออนไลน์ โซเชียลมีเดีย เลยโดนใบสั่ง “งดเยี่ยม” ตลอด 24 ชั่วโมง

“ลุงตู่” มีเวลาปลีกวิเวกบ้าง ในทุกบ่ายวันพุธ จะไปออกรอบตีกอล์ฟกับก๊วนเพื่อนเก่า ที่เคยประลองยุทธ์กันมาก่อนเป็นประจำทั้งก๊วน 5 คน แถวๆ บางไทร ยังทะลุทะลวงเข้าสนามมาตรฐานระดับอินเตอร์ไม่ได้ เพราะเขาอนุญาตให้ตีก๊วนละ 4 คน “บิ๊กตู่” ตัดสะดือเพื่อนคนหนึ่งคนใดทิ้งไม่ได้ เลยต้องใช้บริการสนามกอล์ฟหลังบ้านเจ้าเก่าอยู่

ช่วงที่ดำรงตำแหน่งนายกฯ ตัวเป็นเกลียว หัวเป็นน็อต ไม่ค่อยได้พาครอบครัวไปพักผ่อน ขลุกอยู่กับงานตลอด แต่ตอนนี้ว่างงาน “ลุงตู่” เลยจัดทริปพาครอบครัว “ป้าน้อง” พร้อมหน้าพร้อมตาทั้ง “น้องพลอย-เพลิน” บินไปเปิดหูเปิดตากันครั้งแรกในรอบ 10 ปีที่ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันวาน

มีเพื่อนๆ ที่ใกล้ชิด อีกสี่ซ้าห้าคนบินไปสมทบ และวางโปรแกรมจะตีกอล์ฟกัน 2 สนามย่านชานเมืองโตเกียว