หันดูตัวเอง ‘ช้างศึก’ อยู่จุดไหน ?

ทีมฟุตบอลไทยชุดใหญ่ อันดับ 112 ของโลก อุ่นเครื่องฟีฟ่า เดย์ ล่าสุด บุกไปพ่ายแบบหมดสภาพให้กับ จอร์เจีย ทีมอันดับ 79 ของโลก เละเทะ 0-8 ชนิดรับไม่ได้กันทั้งแผ่นดิน

เราต้องขอบคุณทีมชาติจอร์เจียที่ไร้ปรานีเดินหน้าสั่งสอนทีมฟุตบอลไทยด้วยการดาหน้าถล่มประตูชนิดไม่ผ่อนเกมแม้จะเป็นช่วงท้ายเกม

เพราะนั่นทำให้เราตาสว่าง รู้จักตัวเองมากขึ้น

รู้ชัดเจนมากขึ้นว่า ณ เวลานี้ ณ ตอนนี้ มาตรฐานฟุตบอลไทยอยู่ในระดับไหน

 

เกมอุ่นเครื่องของทีมชาติไทยในช่วงฟีฟ่า เดย์ เดือนตุลาคม 2566 วางไว้ 2 แมตช์ คือ เตะกับจอร์เจีย และย้ายไปเยือนเอสโตเนีย วันที่ 17 ตุลาคม

2 เกมดังกล่าวในเรื่องของประสบการณ์ฟุตบอลมันคือ ประโยชน์อย่างล้ำค่าที่ทีมชาติไทยได้ปะทะเกือกกับทีมมาตรฐานยุโรปอันจะนำไปสู่การสร้างความมั่นใจในการลงเล่นเกมคัดเลือกฟุตบอลโลก 2026 โซนเอเชีย กลุ่มซี ซึ่งนัดแรก ทีมชาติไทยจะต้องดวลกับมังกรจีน วันที่ 16 พฤศจิกายน 2566

ถามใจแฟนบอลไทยก่อนว่า ก่อนที่ทีมชาติไทยจะดวลกับจอร์เจีย เราคาดหวังอะไรกับผลการแข่งขัน ว่ากันตามตรงแบบไม่เข้าข้างทีม “ช้างศึก” คือ เราเป็นรองจอร์เจียหลายขุมอยู่แล้ว การโดนถล่มขาดลอยชนิดสู้ไม่ได้ก็เป็นเรื่องที่สมควรจะยอมรับว่า มาตรฐานเราไปไม่ถึงจอร์เจียอยู่แล้ว

พอฟุตบอลไทยแพ้ชนิดหมดรูป หมดฟอร์มแล้วก่นด่าทีมชาติ ก่นด่านักเตะว่ามาตรฐานต่ำเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องและยอมรับไม่ได้

ในฐานะแฟนบอลเราควรให้กำลังใจนักเตะที่เขาไปทำหน้าที่เพื่อชาติ ช่วยกันฉุดพวกเขาขึ้นมาจาก* “ฝันร้าย”* เราต้องสนับสนุนทีมชาติในฐานะแฟนบอลที่มีอารยะ และดูฟุตบอลเป็น

แฟนบอลอีกส่วนหนึ่งที่เข้าใจสภาพทีมชาติไทยในการไปเล่น “เอ แมตช์” ฟีฟ่า เดย์ครั้งนี้ย่อมรู้ดีว่า เราไม่ได้นักเตะแกนหลักจาก 3 สโมสร บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด, แบงค็อก ยูไนเต็ด และบีจี ปทุม ยูไนเต็ด ร่วมเดินทางไปกับทีม

เพราะ 3 สโมสรต้องการรักษาความสดของนักเตะไว้ใช้งานในศึก “เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก” ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องเข้าใจความต้องการของสโมสรด้วย

 

ประเด็นดังกล่าว ทำให้แฟนบอลพุ่งเป้าโจมตีไปยัง “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ รวมไปถึง “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ผู้จัดการทีมว่า บริหารจัดการทีม ทั้งเรื่องตัวนักเตะ เรื่องการเดินทางผิดพลาดทำให้นักเตะอ่อนล้าไม่อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์

เราผิดพลาดตรงที่ 1.ไม่รู้จักตัวเอง และ 2.ประมาทคู่ต่อสู้

การพ่ายแพ้ที่เกิดขึ้นก็ดีเหมือนกัน มันทำให้เรารู้ว่ามาตรฐานเราอยู่แค่ตรงไหน และต่อๆ ไปเราควรจะเลือกเตะกับทีมอะไรเพื่อเอาใจแฟนบอลทีมชอบเห็นทีมชาติไทย “ตบเด็ก” ปลายแถว เสพติดการชนะจนลืมเรื่องการพัฒนาทีม

หลักการง่ายๆ นักฟุตบอลถ้าต้องการเก่งก็ต้องซ้อม ต้องแข่งกับคนเก่งๆ ทีมเก่งๆ

ในทีมชุดพ่าย จอร์เจีย ว่ากันตามตรงมีกลุ่มนักเตะเพียง 3-4 คนที่อยู่ในไลน์อัพทีมชุดใหญ่แบบฟูลทีมที่มีโอกาสจะได้ลงสนามในเกมคัดเลือกฟุตบอลโลก 2026 โซนเอเชีย นั่นคือ กฤษดา กาแมน, พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล, วีระเทพ ป้อมพันธุ์, บดินทร์ ผาลา รวมไปถึง ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว นอกนั้นยัง  “สอบไม่ผ่าน”

จึงไม่แปลกใจที่ทีมชาติไทยปราชัยแบบหลุดลุ่ยเพราะความสัมพันธ์ในทีมไม่ดี

 

โอเคว่า ถ้าทีมชุดใหญ่จริงๆ ประตูก็น่าจะเป็น ฉัตรชัย บุตรพรหม / แผงหลังก็น่าจะมี ธีราทร บุญมาทัน, พรรษา เหมวิบูลย์, กฤษดา กาแมน และนิโคลัส มิคเกลสัน / แดนกลาง น่าจะมีชื่อของพวก สารัช อยู่เย็น, ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์, ชนาธิป สรงกระสินธ์ / แดนบน จะมีชื่อของ ธีรศิลป์ แดงดา, สุภโชค สารชาติ รวมไปถึง ศุภชัย ใจเด็ด และ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา

กลุ่มนักเตะดังกล่าวนั่นคือ ชุดใหญ่ของไทยจริงๆ ที่จะใช้ในการคัดเลือก ฟุตบอลโลก 2026 แต่เราก็ต้องยอมรับความจริงกันอีกว่า ถ้าวันที่เราแพ้จอร์เจีย เรามีกลุ่มนักเตะพวกนี้ในทีม เราก็ยังแพ้จอร์เจียอยู่ดี เราจะแพ้เรื่องมาตรฐานฟุตบอล แพ้สปีดฟุตบอล แพ้เบสิกฟุตบอล

ไปถามคนที่เล่นบอล (เป็น) แล้วดูฟุตบอล (เป็น) จะเข้าใจดีกว่า เราไม่มีทางต่อกรกับทีมโซนท้ายของทวีปยุโรปได้เลย

ความจริงอันเจ็บปวดที่เราต้องยอมรับกันคือ เรายังอยู่ในระดับอาเซียน แค่อาเซียนเรายังก้าวไม่พ้น ยังหกล้มคลุกคลานอยู่เลย บางทีเราก็ตบเวียดนาม บางทีเราก็โดนเวียดนามตบ

เรายังไปไม่ถึงระดับเอเชีย ย้ำว่า ยังไม่ถึง เลิกพูดกันได้แล้วว่า ฟุตบอลไทยจะไปฟุตบอลโลก มันยังเป็นเรื่อง “เพ้อฝัน” ของบรรดาพวกที่ไม่ยอมรับความจริง

ขั้นแรกเรายังไม่ต้องไปมองถึงฟุตบอลโลกเลย เลิกพูดกันไปก่อนเลย เราต้องยกระดับมาตรฐานตัวเองขึ้นมาติด 1-8 ทีมของทวีปเอเชียให้ได้ก่อนลำดับแรก นั่นคือ ฟุตบอลเอเชี่ยนคัพ เราต้องไปถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายให้ได้ / ฟุตบอลเอเชี่ยนเกมส์ เราต้องเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายให้ได้ และให้ได้ทุกๆ ครั้ง ทุกๆ สมัยที่จัดแข่งขัน สัก 3 สมัยติดต่อกัน

แล้วค่อยมาคุยกัน ทำแผนกันเรื่องฟุตบอลโลก

 

ปีหน้า 2567 เรามีทัวร์นาเมนต์ใหญ่รออยู่ 2 รายการ คือ คัดเลือกฟุตบอลโลก 2026 และ เอเชี่ยนคัพ รอบสุดท้าย

มันต้องเริ่มบริหารจัดการทีมให้มีประสิทธิภาพกันได้แล้ว และต้องทำงานกันแบบมืออาชีพ ทุกฝ่าย ทุกสโมสรต้องหันหน้าเข้าหากัน ต้องลดทิฐิ

ถ้ายังทำงานกันแบบ “ไม่จริงใจ” เอาผลประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้องเป็นตัวตั้งกันอยู่เหมือนที่เป็นอย่างทุกวันนี้

แฟนบอลก็ต้องยอมรับสภาพ และต้องยอมรับความจริงอันเจ็บปวดกันต่อไป… •

 

เขย่าสนาม | เงาปีศาจ