แบล็กเซปเทมเบอร์ถึงฮามาส สงครามกระทบแรงงานไทย

วงค์ ตาวัน

ชกคาดเชือก | วงค์ ตาวัน

 

แบล็กเซปเทมเบอร์ถึงฮามาส

สงครามกระทบแรงงานไทย

 

ศึกสงครามระหว่างอิสราเอลกับฮามาสที่รบพุ่งกันอย่างรุนแรง ไม่เพียงเป็นเรื่องใหญ่ที่ทั่วโลกเฝ้าติดตาม แต่มีผลกระทบกับแรงงานไทยอย่างหนักหนาสาหัส จึงเป็นสงครามที่เป็นเรื่องใกล้ตัวคนไทย ติดตามข่าวสารกันอย่างจดจ่อ เฝ้ารอความหวังในการช่วยเหลือคนไทยให้พ้นจากการตกเป็นตัวประกัน และที่บาดเจ็บล้มตาย ไปจนถึงการอพยพแรงงานที่ต้องการกลับบ้าน

มีแรงงานไทยไปทำงานในอิสราเอลถึง 3 หมื่นคน เฉพาะที่ฉนวนกาซาเขตสู้รบ มีมากถึง 5 พันคน ที่แน่ๆ มีแรงงานไทยเสียชีวิตจากกองกำลังฮามาสบุกโจมตีจำนวนมาก บาดเจ็บอีกไม่น้อย และโดนจับเป็นตัวประกัน 11 ราย

สงครามที่อิสราเอล จึงเป็นเรื่องใหญ่ของประเทศไทยไปด้วย

ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์นั้น มีประวัติศาสตร์เป็นมายาวนานอย่างมาก ทั้งที่ปะทุเป็นเหตุร้ายแรงก็เกิดขึ้นหลายครั้ง

สงครามล่าสุดที่เปิดฉากโดยกองกำลังฮามาส ทำให้หลายคนต้องนึกถึงปฏิบัติการของกลุ่มกันยายนทมิฬ Black September ในเหตุการณ์โอลิมปิก 1972 หรือปี พ.ศ.2515 ซึ่งจัดที่เมืองมิวนิก เยอรมนี โดยกลุ่มก่อการร้ายกันยายนทมิฬบุกหมู่บ้านนักกีฬา จับนักกีฬาชาวอิสราเอล 11 คนไว้เป็นตัวประกัน เรียกร้องปล่อยตัวนักโทษการเมืองที่ถูกอิสราเอลจับกุมไว้

แบล็กเซปเทมเบอร์ เป็นกลุ่มก่อการร้ายชาวปาเลสไตน์ ที่โด่งดังในยุคนั้น ขณะที่ในยุคปัจจุบันต้องกองกำลังฮามาส

ในเหตุการณ์นองเลือดเขย่าการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก มิวนิก หลังจากกลุ่มกันยายนทมิฬบุกยิงนักกีฬาอิสราเอลและจับเป็นตัวประกัน สุดท้ายลงเอยโดยหน่วยคอมมานโดของเยอรมนีบุกชิงตัวประกัน ปะทะกับผู้ก่อการร้ายอย่างดุเดือด แต่ผลคือ แบล็กเซปเทมเบอร์สังหารตัวประกันทั้งหมด ก่อนที่ผู้ก่อการร้ายจะเสียชีวิตหลายรายและจับเป็นจำนวนหนึ่ง

หลังจากนั้นรัฐบาลอิสราเอลและหน่วยมอสสาด จัดทีมล่าสังหาร เพื่อตามล่าชีวิตผู้อยู่เบื้องหลังปฏิบัติการแบล็กเซปเทมเบอร์ที่มิวนิก

การตามล้างตามล่าของมอสสาดดังกล่าว เป็นที่รู้จักกันดีทั่วโลก เพราะสตีเวน สปีลเบิร์ก เอามาสร้างเป็นหนังโด่งดังเรื่องมิวนิก ออกฉายเมื่อกว่า 10 ปีก่อน

 

ในภาพยนตร์มิวนิก ที่มาจากพื้นฐานเรื่องจริง ทำให้ได้เห็นแต่ละขั้นตอนของหน่วยปฏิบัติการพิเศษจากอิสราเอล ออกตามฆ่าแกนนำของกลุ่มก่อการร้ายปาเลสไตน์ในหลายๆ ประเทศ เต็มไปด้วยความตื่นเต้นระทึกขวัญ รวมทั้งเกิดความขัดแย้งในใจของทีมปฏิบัติการ เพราะมีลูกเมียของเป้าสังหารต้องรับเคราะห์ด้วย

ขณะเดียวกันที่สะท้อนออกมาในหนังดังกล่าวก็คือ หัวหน้าทีมล่าสังหารของอิสราเอล ตกอยู่ในภาวะยิ่งลงมือฆ่าก็ยิ่งมีชีวิตอยู่ท่ามกลางความเครียดความขัดแย้งในใจและหวาดผวาเสียเอง ต้องไปนอนในตู้เสื้อผ้า ไม่กล้านอนเตียงกลัวจะมีระเบิดซุกอยู่

อีกทั้งได้ตั้งคำถามกับหัวหน้าโครงการว่า ฆ่าผู้ก่อการร้ายเหล่านี้ไปแล้ว เขาก็มีคนใหม่ๆ มาแทน คงต้องตามฆ่ากันไปมาไม่มีสิ้นสุด แล้วได้ประโยชน์อะไร

ฝ่ายหัวหน้าอธิบายง่ายๆ ว่า เหมือนเล็บที่เราต้องตัด เมื่อตัดแล้วเล็บก็งอกออกมาอีก แต่ไม่ตัดได้ไหม

เมื่อมาดูโลกในความจริง เราก็พบว่า การต่อสู้ระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ก็ไม่เคยสิ้นสุดจริงๆ

เป็นปมปัญหาทางประวัติศาสตร์ ที่เกี่ยวเนื่องมาหลายพันปี และไม่มีทีท่าจะสงบได้ง่ายๆ

ไม่เท่านั้นสำหรับกลุ่มแบล็กเซปเทมเบอร์ที่ก่อเหตุเขย่าโลกในกีฬาโอลิมปิกเมื่อปี พ.ศ.2515 ในปีเดียวกันนั้นเอง แบล็กเซปเทมเบอร์เข้ามาปฏิบัติการระทึกขวัญในกรุงเทพฯ ประเทศไทยด้วย โดยในวันที่ 28 ธันวาคม 2515 ลักลอบเข้าไปในงานเลี้ยงสถานทูตอิสราเอล ประจำกรุงเทพฯ แล้วยึดสถานทูต จับทูตและเจ้าหน้าที่ทูตเป็นตัวประกัน เรียกร้องปล่อยตัวนักโทษ 36 คนในเรือนจำอิสราเอล โดยขู่ว่าจะระเบิดสถานทูตทิ้ง ถ้าข้อเรียกร้องไม่ได้รับการตอบสนองภายในรุ่งเช้าวันที่ 29 ธันวาคม

ตัวแทนรัฐบาลไทยที่ทำหน้าที่เจรจา ประกอบด้วย พล.อ.อ.ทวี จุลละทรัพย์ และ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ สามารถเกลี้ยกล่อมสำเร็จ แลกกับการที่ไทยจะต้องจัดเครื่องบินนำตัวผู้ก่อการไปส่งยังประเทศอียิปต์ เป็นอันยุติสถานการณ์ลงด้วยดีไม่มีความสูญเสีย

เรื่องราวของแบล็กเซปเทมเบอร์ ปาเลสไตน์ จึงคุ้นหูคุ้นตาคนไทยเป็นอย่างดี

 

สงครามอิสราเอล ที่เปิดฉากด้วยกองกำลังฮามาส ยังคงยืดเยื้อในขณะนี้ ที่คนไทยกำลังเฝ้าจดจ่อคือ การช่วยเหลือตัวประกันคนไทยให้พ้นจากกองกำลังฮามาสอย่างปลอดภัย รวมทั้งการนำคนตายคนเจ็บกลับบ้าน และการจัดอพยพแรงงานไทยที่ยื่นขอกลับไทยหลายพันคน

บทเรียนจากสงครามครั้งนี้ ทำให้ต้องขบคิดว่า แรงงานไทยไม่ควรต้องห่างบ้านห่างเมือง เดินทางไปทำงานในดินแดนที่สุ่มเสี่ยงต่อศึกสงคราม หรือแม้แต่ในประเทศอื่นๆ ก็มีปัญหาการถูกทารุณจากนายจ้าง

ปัญหาใหญ่ก็คือ แรงงานไทยไม่มีงานรองรับในบ้าน ไม่สามารถหารายได้ดีพอ จึงยอมเสี่ยง

ยิ่งจากวิกฤตโรคระบาดโควิด ทำให้ธุรกิจการค้าในไทยต้องปิดตัวจำนวนมาก หลังโควิดซา เศรษฐกิจเราก็ยังไม่ฟื้นดีพอ นั่นเป็นเหตุให้แรงงานจำนวนไม่น้อยออกเดินทางไปค้าแรงต่างแดน รวมทั้งในอิสราเอล ที่มีแรงงานไทยไปทำงานถึง 3 หมื่นคน มากเป็นอันดับ 2 รองจากไปทำงานที่ไต้หวัน

รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน จึงต้องเร่งช่วยคนไทยให้พ้นจากวิกฤตสงครามในอิสราเอล เสร็จแล้วคงต้องเร่งฟื้นเศรษฐกิจ สร้างงานรองรับแรงงานไทยเหล่านี้ ไม่ต้องไปเสี่ยงตายในต่างแดนอีก

แต่ถ้ามองในแง่ที่ว่าพรรคเพื่อไทยเข้ามาเป็นรัฐบาล พร้อมความน่าเชื่อถือในฝีมือพลิกฟื้นเศรษฐกิจ ก็น่าจะเป็นความหวังให้คนไทยที่ยากลำบากได้

นับจากรัฐบาลเศรษฐาเข้ามาบริหารประเทศเมื่อปลายเดือนสิงหาคม พร้อมการทำงานแบบไม่มีวันหยุด ลดค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมันได้ทันที พร้อมกับเปิดวีซ่าฟรีดึงดูดกองทัพนักท่องเที่ยวจากจีน จากนั้นเดินทางไปประชุมสหประชาชาติ พบปะผู้บริหารธุรกิจยักษ์ใหญ่โลกหลายเจ้า เพื่อเชิญชวนมาลงทุนในไทย พร้อมกับออกเดินทางไปเยือนประเทศอาเซียนเพื่อเปิดประตูการค้า เร่งหารายได้ ทั้งมีโปรแกรมเดินสายค้าขายอีกหลายประเทศ

เป้าหมายของเศรษฐาคือ ทำให้การค้าการลงทุนการท่องเที่ยวฟื้นคืนมา เศรษฐกิจไทยกลับมาคึกคัก

ที่สำคัญตอนนี้ชาวบ้านรอคอยกันมาก ดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท ซึ่งเพื่อไทยอวดว่าจะสร้างพายุหมุนกระตุ้นเศรษฐกิจให้เห็นผลอย่างฉับพลันทันตา

หวังว่ารัฐบาลเศรษฐาจะทำได้จริง ทำให้คนไทยที่ยากลำบากมาหลายปี มีโอกาสได้ฟื้นจากความทุกข์ยากเรื่องเงินทอง

เฉพาะอย่างยิ่งแรงงาน ไม่ต้องไปขายแรงที่ดินแดนห่างไกล ไม่ต้องไปเสี่ยงตายในสงครามอีก!!