‘ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่’ มาแล้ว ไฮบริดทุกรุ่น-เพิ่มเทคโนโลยีเด็ด

สันติ จิรพรพนิต

เปิดตัวอย่างอลังการงานสร้างกับ “ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่” เจเนอเรชั่นที่ 11

ความน่าสนใจนอกจากรูปร่างหน้าตาแล้ว ไม่พ้นหัวใจหลักคือเครื่องยนต์

คราวนี้ฮอนด้าจัดให้แบบเน้นๆ ด้วยระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV และ Honda SENSING ในทุกรุ่นย่อย

ต่างจากเจนที่ผ่านมา ซึ่งมีขุมพลังเบนซินแบบสันดาปภายในเป็นตัวเลือกให้ด้วย

แต่ด้วยความที่ปัจจุบันเทรนด์รถยนต์มุ่งไปทางรถไฟฟ้า หรือรถพลังงานทางเลือกมากขึ้น ฮอนด้าจึงเลือกใส่เฉพาะขุมพลังไฮบริดมาให้เท่านั้น

ภายนอกรูปร่างหน้าตาคล้ายรถหลายๆ รุ่นก่อนหน้านี้

กระจังหน้า 6 เหลี่ยมขนาดใหญ่ ขนาบข้างด้วยไฟหน้าแบบแบบ LED ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam : AHB)

และครั้งแรกของแอคคอร์ดกับระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ (Adaptive Driving Beam : ADB)

ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในเวลากลางคืนและปรับองศาของแสงไฟเพื่อลดการรบกวนรถด้านหน้าและคนเดินถนน

นอกจากนี้ มีระบบไฟส่องสว่างด้านข้างอัตโนมัติขณะเลี้ยว (Active Cornering Light : ACL) ติดตั้งมาให้ด้วย

ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED

ขณะที่ไฟเลี้ยวด้านหน้าและด้านหลังแบบ LED Sequential เพิ่มความสะดุดตาและหรูหราไม่ต่างจากรถยุโรป

กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า พร้อมพับเก็บอัตโนมัติ

และเมื่อเข้าเกียร์ถอยหลัง กระจกมองข้างด้านซ้ายปรับลดอัตโนมัติ เพิ่มทัศนวิสัยในการมองเห็นอุปสรรค

เสาอากาศครีบฉลาม

ล้ออัลลอยขนาด 17-18 นิ้ว (แล้วแต่รุ่นย่อย)

เพิ่มความเท่และสะดุดตาด้วยไฟส่องมือจับเปิดประตูด้านนอก

ขณะที่ภายในถือเป็นจุดแข็งของรถเซ็กเมนต์นี้

ห้องโดยสารเน้นความกว้างขวาง แม้จะใช้โทนดำก็ตาม แต่ไม่โล้นเกินไปเพราะแซมด้วยการตกแต่งสีเงิน Metallic ลาย 3 มิติ และสีดำ Piano Black

พวงมาลัยทรงสปอร์ต เพิ่มเติมเข้ามาคือปุ่ม “Experience Selection Dial” สามารถหมุนเพื่อเลือกและบันทึกฟังก์ชั่นการใช้งานต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย โดยสามารถปรับเลือกระบบปรับอากาศ ระบบเครื่องเสียง และไฟสร้างบรรยากาศภายในรถยนต์ได้

มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 10.2 นิ้ว แบบ Full Graphic LCD ที่สามารถแสดงผลทั้งการทำงานของเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ข้อมูลการขับขี่ และข้อมูลต่างๆ ของตัวรถในรูปแบบของกราฟิกขนาดใหญ่

นอกจากนี้ ยังสามารถแสดงผลการทำงานของแผนที่ได้เต็มหน้าจอ เมื่อใช้งาน Google built-in

ระบบแสดงข้อมูลบนกระจกหน้า (Head-up Display : HUD) ขนาด 11.5 นิ้ว

ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับ Apple CarPlay และAndroid Auto แบบไร้สาย

สามารถตั้งค่าผู้ใช้งานได้จำนวนสูงสุดถึง 8 แบบ

ลำโพง BOSE 12 ตำแหน่ง กระหึ่มแน่นอน

ระบบฟอกอากาศภายในห้องโดยสาร Plasmacluster

ช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง

ครั้งแรกของแอคคอร์ดกับไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารแบบปรับเฉดสีได้ (Multi-color Ambient Light)

เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมปุ่มปรับดันหลัง 4 ทิศทาง ระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่ พร้อมเลื่อนอัตโนมัติเวลาขึ้น-ลงรถ

ที่เพิ่มขึ้นอีกจากรุ่นเดิมเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง ปุ่มปรับเบาะไฟฟ้าข้างพนักพิงเบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้า

ช่องเชื่อมต่อ USB Type C 4 ตำแหน่ง แบ่งเป็นด้านหน้า 2 ตำแหน่ง และด้านหลัง 2 ตำแหน่ง

ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV เครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร Direct Injection Atkinson-Cycle DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว

ทำงานคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูง 2 ตัว ทำหน้าที่สร้างกระแสไฟฟ้า และมอเตอร์ที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อ

ระบบเกียร์ E-CVT

กำลังสูงสุด 207 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 335 นิวตัน-เมตร ประหยัดน้ำมัน 25 กิโลเมตร/ลิตร

สามารถปรับเปลี่ยนโหมดการทำงาน 3 โหมดการขับขี่

ประกอบด้วย โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode)

โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode)

และโหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode)

นอกจากนี้ ในขณะลดความเร็ว ระบบจะเปลี่ยนพลังงานที่เกิดขึ้นจากการลดความเร็วนั้นให้เป็นพลังงานไฟฟ้า และชาร์จกลับไปยังแบตเตอรี่ (Regeneration)

มีสวิตช์ฟังก์ชั่น “Drive Mode” สามารถเลือกโหมดการขับขี่ได้ตามสไตล์ เพียงกดปุ่มที่อยู่บริเวณด้านล่างของคันเกียร์

ได้แก่ โหมดการขับขี่แบบ Individual (Individual Mode) ที่สามารถเลือกปรับเปลี่ยนการทำงานของระบบส่งกำลัง พวงมาลัย

ระบบ Adaptive cruise control และสีของมาตรวัดได้อย่างอิสระ

โหมดการขับขี่แบบสปอร์ต (Sport Mode)

โหมดการขับขี่แบบปกติ (Normal Mode)

และโหมดการขับขี่แบบประหยัด (Econ Mode)

ระบบรองรับด้านหน้าแม็กเฟอร์สัน สตรัต อิสระ พร้อมเหล็กกันโคลง

ด้านหลังหลังมัลติลิงก์ อิสระ พร้อมเหล็กกันโคลง

ทุกรุ่นย่อยติดตั้งเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ผสานการทำงานของกล้องมุมกว้างด้านหน้าและเรดาร์ ในการตรวจจับรถยนต์ รถจักรยานยนต์ จักรยาน และคนเดินถนน

มีฟังก์ชั่นการทำงานหลักๆ อาทิ ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System : CMBS)

ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System : LKAS)

ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning : RDM with LDW)

ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow : ACC with LSF)

และครั้งแรกของแอคคอร์ดกับระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System : LCDN)

อื่นๆ เช่น ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง (Multi-view Camera System : MVCS)

เซ็นเซอร์กะระยะหน้า 4 จุด และหลัง 4 จุด

ที่เพิ่มเข้ามาใหม่กับระบบเพิ่มความเสถียรและความคล่องตัวในการขับขี่ (Motion Management System : MMS)

ระบบช่วยชะลอความเร็วรถที่พวงมาลัย (Deceleration Paddle Selectors)

ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ฯลฯ

 

สีภายนอกมีให้เลือก 4 สี ได้แก่ สีขาวแพลทินัม (มุก) สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) สีเทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก) และสีดำคริสตัล (มุก) พร้อมภายในสีดำ และสีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดง (เฉพาะรุ่น e:HEV RS)

ฮอนด้า แอคคอร์ด อี:เอชอีวี ใหม่ มีให้เลือก 3 รุ่นย่อย

e:HEV E ราคาประมาณการไม่เกิน 1,530,000 บาท

e:HEV EL ราคาประมาณการไม่เกิน 1,670,000 บาท

e:HEV RS ราคาประมาณการไม่เกิน 1,800,000 บาท

โดยการเปิดตัวและราคาอย่างเป็นทางการมีขึ้นวันที่ 17 ตุลาคม 2566 •

 

ยานยนต์ สุดสัปดาห์ | สันติ จิรพรพนิต

[email protected]