ยุทธจักรแต่งตั้งโยกย้าย | ลึกแต่ไม่ลับ

จรัญ พงษ์จีน

ที่เคยยาก กลายเป็นง่าย ที่เคยง่าย กลายเป็นยาก หนังตัวอย่างของโผโยกย้ายนายทหารประจำปี 2566 ปกติการแต่งตั้งโยกย้ายทั้ง 3 เหล่าทัพ เข้าประจำการแทนบุคคลที่จะเกษียณอายุราชการ มักจะอีหลุกขลุกขลัก ยักตื้นติดกึก ยักลึกติดกัก เสมอมา แต่โผแต่งตั้งโยกย้ายทั่นนายพลในฤดูกาลนี้ “เงียบกริ๊บ”

“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” อดีตนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม “จัดแถว” เสร็จสรรพ “ยากกลายเป็นง่าย” สามเพลงปิดจ๊อบตั้งแต่ไก่โห่

ลงลึกในรายละเอียด คือเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม “พล.อ.ประยุทธ์” ในฐานะรักษาการ นั่งหัวโต๊ะ จัดทัพทำบัญชีรายชื่อโยกย้ายนายทหาร 3 เหล่าทัพประจำปี ใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมง สั่งเคาะ

วันที่ 30 สิงหาคม “ราชกิจจานุเบกษา” สามารถเผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ว่ามีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้นายทหารรับราชการสนองพระเดชพระคุณ จำนวน 762 ราย

โดยตำแหน่งสำคัญ ระดับหัวกะทิ ได้แก่ 1. “พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี” ตท.24 เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด 2. “พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์” ตท.23 เป็นผู้บัญชาการทหารบก 3. “พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม” ตท.23 เป็นผู้บัญชาการทหารเรือ 4. “พล.อ.อ.พันธุ์ภักดี พัฒนกุล” ตท.24 เป็นผู้บัญชาการทหารอากาศ

ระนาม 5 เสือ แต่ละกองทัพ จึงประกอบด้วย “กองทัพบก” มี “พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์” ผบ.ทบ. “พล.อ.สุขสรรค์ หนองบัวล่าง” รอง ผบ.ทบ. “พล.อ.อุกฤษฎ์ บุญตานนท์” ผู้ช่วย ผบ.ทบ. “พล.อ.ธราพงษ์ มะละคำ” ผู้ช่วย ผบ.ทบ. และ “พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์” เป็น เสธ.ทบ.

“กองทัพเรือ” มี “พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม” ผบ.ทร. “พล.ร.อ.สุวิน แจ้งยอดสุข” รอง ผบ.ทร. “พล.ร.อ.ชลธิศ นาวานุเคราะห์” ผู้ช่วย ผบ.ทร. “พล.ร.อ.วรวุฒิ พฤษารุ่งเรือง” เป็น เสธ.ทร. “พล.ร.ท.ชาติชาย ทองสะอาด” ผบ.กองเรือยุทธการ

“กองทัพอากาศ” มี “พล.อ.อ.พันธุ์ภักดี พัฒนกุล” ผบ.ทอ. “พล.อ.อ.ณรงค์ อินทรชาติ” รอง ผบ.ทอ. “พล.อ.อ.วิศรุต สุวรรณเนตร” ผู้ช่วย ผบ.ทอ. “พล.อ.อ.อนันตชัย แก้วศรีงาม” ผู้ช่วย ผบ.ทอ.

“กองทัพไทย” มี “พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี” เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด “พล.อ.อนุสรณ์ คุ้มอักษร” เป็นรองผู้บัญการทหารสูงสุด “พล.อ.โดมศักดิ์ คำใสแสง” เป็นรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด “พล.ร.อ.ปกครอง มนธาตุผลิน” เป็นรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด และ “พล.อ.อ.ชานนท์ มุ่งธัญญา” เป็นรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด

โดยมี “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

“บิ๊กอ๊อบ-พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี”

โฟกัสต่อไปยัง “บิ๊กอ๊อบ-พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี” ผบ.ทหารสูงสุด ใหม่ถอดด้ามก็จริง แต่กล่าวได้ว่า เป็น “ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น” เพราะเป็นลูกชายของ “พล.อ.อิสระพงศ์ หนุนภักดี” หรือ “บิ๊กตุ๋ย” คนโตตัวเล็กผู้เกรียงไกร อดีตผู้บัญชาการทหารบก และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย สมัย “อานันท์ ปันยารชุน” เป็นนายกรัฐมนตรี

“บิ๊กอ๊อบ” ยังเป็นหลานของ “พล.อ.สุจินดา คราประยูร” เพราะภรรยาของ “บิ๊กสุ” คือ “คุณหญิงวรรณี คราประยูร” เป็นน้องสาวของ “พล.อ.อิสระพงศ์” ขณะที่ “บิ๊กสุ+คุณหญิงวรรณี” มีลูกชายเป็นนายทหารใหญ่รุ่นพี่รับราชการอยู่ในกองทัพไทยหนึ่งคนคือ “บิ๊กจ้อน-พล.อ.เจิดวุธ คราประยูร”

“พล.อ.สุจินดา” กับ “พล.อ.อิสระพงศ์” นอกจากจะเป็นดอง มีความผูกพันใกล้ชิดกันแล้ว ยังเป็นเพื่อนร่วมรุ่น แกนนำ จปร.5 หรือพี่น้องชาว 0143 มาด้วยกันทั้งคู่

“ทายาท จปร.5” ที่โด่งดังมากที่สุดในชั่วโมงนี้ คงไม่มีใครเกิน “สารัชถ์ รัตนาวะดี” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) มหาเศรษฐีหนุ่มที่ก้าวมายึดหัวหาด หมายเลข 4 ของประเทศไทย ซึ่งนิตยสารฟอร์บส์ เป็นผู้จัดอันดับให้

อีกรายที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไข “จปร.5” เช่นเดียวกัน และเติบโตบนเส้นทางข้าราชการถึงขีดสุดแล้วเช่นเดียวกันคือ “ลวรณ แสงสนิท” ลูกชายของ “พล.อ.วิโรจน์ แสงสนิท” อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด ซึ่ง ครม. “เศรษฐา ทวีสิน” เพิ่งอนุมัติเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงการคลัง เปิดหัวคิวตั้งแต่ประชุม ครม.นัดแรก

ขณะที่เมื่อข้ามฟากมาดูฝั่งยุทธจักรสีกากี “รองใหม่” หรือ “พล.ต.ต.วีรพล เจริญศิริ” รองจเรตำรวจ ที่คาดหมายกันว่า ฤดูกาลโยกย้ายนี้จะได้ไต่เพดานสู่ระนาบ พล.ต.ท. ลงตำแหน่งหลัก

ก็สายเลือด จปร.5 ขนานแท้เช่นเดียวกัน เพราะเป็นลูกชายของ “พล.ต.อ.วินิจ เจริญศิริ” อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อนร่วมรุ่นของ “พล.อ.สุจินดา-พล.อ.อิสระพงศ์-พล.อ.วิโรจน์”

 

วกกลับไปดูการโยกย้าย ดังที่บรรยายสรรพคุณไว้ ว่าที่เคยยากกลับง่าย คือ บัญชีรายชื่อแต่งตั้งของกองทัพไทย หรือ 3 เหล่าทัพ ที่ “พล.อ.ประยุทธ์” สับคัตเอาต์ปิดเกมไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ที่เคยง่ายกลับหิน สลับฟันปลามาเป็น ตำแหน่ง “ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ” ที่จะมาดำรงตำแหน่งแทน “พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์” ที่จะเกษียณอายุราชการอยู่ในวันนี้วันพรุ่ง คือ 30 กันยายน ก็จากลาในตำแหน่ง ผบ.ตร.แล้ว

แต่ “จอมยุทธ์สีกากีคนใหม่” ยังไม่ลงตัว มีข่าวล่ามาเรือว่า “นายเศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี ซึ่งตาม พ.ร.บ.สำนักงานตำรวจแห่งชาติฉบับใหม่ 2565 ระบุเป็นไฟต์บังคับเอาไว้ว่า

การแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ประชุมคณะกรรมการตำรวจ จะพิจารณาให้ความเห็นชอบการแต่งตั้ง ต้องเป็นไปตามที่ “นายกรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ”

“นายกฯ นิด” อาจจะยังไม่กล้าแตะเผือกร้อน เลื่อนโปรแกรมแต่งตั้ง ผบ.ตร.ไปก่อน โดยจะเตะถ่วงด้วยการใช้บริการ “รักษาการ” คาดว่า “พล.ต.อ.รอย อิงคโพโรจน์” จะถูกดันขึ้นมาขัดตาทัพ

แต่ล่าสุด ที่ประชุม ก.ตร.ตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว เคาะชื่อ “พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล” รอง ผบ.ตร. นั่งแป้น ผบ.ตร.คนที่ 14 เกษียณอายุราชการในเดือนกันยายน 2567

ขณะที่ผู้กำลังจะจากไป “พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์” ก็น่าเห็นใจมากๆ ตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่ง ผบ.ตร. มีแต่เรื่องตั้งแต่วินาทีแรก ประเดิมด้วย “จ่าคลั่งยา” กราดยิงเด็กเล็กภายในศูนย์ ที่ อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู เด็กอนุบาลและผู้ใหญ่เสียชีวิต 30 ราย

ก่อนอำลายุทธจักรอันเป็นที่รัก เกิดคดียิงตำรวจต่อหน้านายตำรวจที่บ้านกำนันนก “นายประวีณ จันทร์คล้าย” และล่าสุด คอมมานโดบุกค้นบ้าน “บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล” รอง ผบ.ตร.

ซึ่งมีข่าวว่า “สีกากี” จะลุยถั่วกันให้ถึงที่สุด